หน้าแรก บล็อก
🌟 10 หุ้นเด็ดจาก Special Guest VVI4 เดือน ผ่านไปมาดูกัน 🌟
เทียบผลตอบแทนหุ้น 10 ตัว ที่ Special guest วีไอLive วันที่ 6 พ.ย. 66 ในกลุ่ม VVI Membership บอกว่าน่าสนใจ
เน้นดู Macro + VN Consumer + FDI + ผู้บริหาร ( หุ้นที่เลือกตามภาพ Post นี้ )
จากวันนั้น - วันนี้ (15 มี.ค.67) 4 เดือนเฉลี่ยหุ้น 10 ตัว ที่วีไอเลือก แซงทั้ง Index และ ETF!
หุ้นที่พี่วีไอเลือก +28.9%เทียบ Diamond ETF +24.2%VN30 ETF +15.5%VN Index +17.4%
ส่วนตัวแอดว่าหากมีเวลาการลงทุนแบบผสมผสาน = เลือกหุ้นเอง...
– การลงทุนมีความเสี่ยง โดยเฉพาะการลงทุนในต่างประเทศที่เราอาจต้องใช้เวลาการศึกษาข้อมูลที่มากกว่า จะดีกว่าไหมหากเราจะได้ศึกษาเรียนรู้การลงทุนจากนักลงทุนที่มีประสบการณ์ ในหุ้น เวียดนาม อเมริกา จีน ทั้งผ่านทางเว็บไซต์ และ facebook group สมัครวันนี้รับพร้อมสิทธิ์พิเศษ ดังนี้
1 รับชมย้อนหลัง สัมมนา super stock เวียดนาม อเมริกา จีน ยาวกว่า 15 ชั่วโมง จากมากมายหลายกูรูผู้รู้เรื่องการลงทุน
2 เข้าร่วมกิจกรรม คนละตัว นำเสนอหุ้นคนละตัว เรียนรู้ไปด้วยกัน
3 ชมย้อนหลัง Live ที่ผ่านมาแต่ ต้นปี 2565 วิเคราะห์หุ้นรายตัว ตลอดจนคุยกับกูรูไทย เพื่อนนักลงทุนที่มากประสบการณ์และโบรกเกอร์เวียดนาม
4 พูดคุย ถามตอบในไลฟ์สด ประเด็นที่น่าสนใจที่เราจัดเป็นประจำทุกเดือนทุกเดือน
5 รับรางวัล และสิทธิ์พิเศษอื่นๆ เป็นประจำตามวาระและโอกาสที่เหมาะสม
6 สิทธิ์พิเศษร่วมสัมมนากับเราทั้งในประเทศและต่างประเทศ super early bird ในราคาสมาชิกส่วนลด 10-20 % ก่อนใคร
Tour learn earn more...
โลกในมุมมองของ Value Investor 11 มีนาคม 2566
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
วันที่ 11 มีนาคม 2566 ผมได้ไปพูดให้กับนักลงทุนในงานสังสรรค์ประจำปีของสมาคมไทย VI ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 300 คน โดยหัวข้อที่จะพูดนั้นเป็นการตอบคำถามที่ผู้เข้าร่วมส่งมาล่วงหน้าและรวบรวมตอบโดยพิธีกรบนเวที คำถามหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจและคนจำนวนไม่น้อยน่าจะอยากรู้ก็คือ ถ้าผมย้อนอายุลงมาเป็นหนุ่มอีกครั้งหนึ่งในวันนี้ ผมจะใช้กลยุทธ์การลงทุนอย่างไร?
ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ ผมอยากจะเล่าให้ฟังถึงบรรยากาศและคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาร่วมงานสัมมนาสังสรรค์ประจำปีที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกหลังโควิด-19 สงบ ซึ่งก็พบว่าคนเข้าร่วมมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คนส่วนใหญ่มากเป็นคนที่มีอายุประมาณน่าจะ 30 ปีบวกลบ ซึ่งเป็นวัยที่ทำงานมาได้ระยะหนึ่งและสนใจเรื่องของการลงทุนมาก พวกเขาน่าจะมีการศึกษาสูงอย่างน้อยปริญญาตรีและปริญญาโท มีอาชีพการงานที่มีเงินเดือนดี และมีจำนวนคนเข้าร่วมเป็นผู้หญิงมากขึ้นมาก คนสูงอายุระดับ 40-50 ปีขึ้นไปอย่างที่ผมเคยพบในยุคซัก 4-5 ปีก่อนที่ชอบเข้าร่วมฟังการสัมมนาฟรีมีน้อยมาก
พูดง่าย ๆ นี่คือกลุ่มของ “อีลิท” รุ่นใหม่ที่เอาจริงเอาจังกับการลงทุนและอยากรวยจากตลาดหุ้น เหมือนกับ “เซียนหุ้น” รุ่นก่อนจำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จอย่าง “มหัศจรรย์” ซึ่งรวมถึงผมด้วย และนั่นก็คงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงถามคำถามนี้ เขาอยากรู้ว่าผมที่ประสบความสำเร็จในยุคที่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยกำลังรุ่งเรืองจนถึงประมาณอย่างน้อย 10 ปีก่อนจะทำอย่างเดิมหรือใช้กลยุทธ์แบบเดิมไหม? และเพราะอะไร?
คำตอบของผมก็คือ ประเทศไทย เศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย น่าจะผ่านจุดที่รุ่งเรืองมากมาแล้ว สถานการณ์ขณะนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปโดยที่เหตุผลสำคัญก็คือ โครงสร้างประชากรไทยที่คนแก่ตัวลงมาก คนสูงอายุเกษียณจากงานที่มีรายได้สูงมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคนกลุ่มนี้มีจำนวนเป็นล้านคนต่อปี...
โลกในมุมมองของ Value Investor 7 มกราคม 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
หนทางการลงทุนที่ทำให้ผม “เปลี่ยนชีวิต” ในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมาก็คือ การลงทุนในหุ้น “Super Stock” ประมาณ 6-7 ตัว ย้อนหลังไปประมาณ 15- 20 ปี และถือไว้ยาวนานโดยที่ไม่ค่อยได้ทำอะไรกับมัน บางตัวผมก็ยังถืออยู่จนถึงทุกวันนี้ Super Stock โดยนิยามของผมก็คือหุ้นที่เติบโตเร็วมาก ภายในเวลา 10 ปี โตขึ้นอย่างน้อยเป็น 10 เท่าตัว หรือให้ผลตอบแทนทบต้นปีละประมาณ 26% ขึ้นไป และนี่ไม่ใช่หุ้นเก็งกำไรตัวเล็ก ๆ ที่อาจจะมีราคากระโดดขึ้นไปได้เพราะเหตุผลบางอย่าง แต่เป็นหุ้นของธุรกิจหลัก ๆ ขนาดใหญ่ระดับประเทศที่เราสามารถลงทุนด้วยเม็ดเงินจำนวนมากได้อย่างสบายใจและก็สามารถขายหุ้นได้โดยที่ไม่ได้กระทบกับราคาของหุ้นในขณะนั้นเลย
หุ้น Super Stock นั้น มักจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากหุ้นทั่วไปก็คือ มันมักจะอยู่ในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่กำลังเป็น “เมกาเทรนด์” คือมีการเติบโตที่รวดเร็วและมักจะยาวนานจนโตขึ้นจากจุดเดิมเป็นหลายเท่า ดังนั้น จึงเป็นผู้ผลิตหรือให้บริการสินค้าที่มักจะถูกใช้โดยคนที่อายุน้อยกว่าหรือคนที่กำลังร่ำรวยขึ้นที่จะมีเงินเพิ่มและใช้ผลิตภัณฑ์มากขึ้น นั่นคือเงื่อนไขประการแรก ข้อที่สองก็คือ บริษัทหรือหุ้นนั้นจะต้องเป็น “ผู้ชนะ” มีส่วนแบ่งทางตลาดสูงกว่าคู่แข่งและโตไปเรื่อย ๆ ...
โลกในมุมมองของ Value Investor 26 ก.ย. 63
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ในฐานะที่เป็นนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยและเวียตนาม ผมเองได้ติดตามดูผลงานของตลาดทั้งสองแห่ง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ ดัชนีตลาดหุ้น และตัวหุ้นที่จดทะเบียนในตลาด และก็แน่นอนว่า ก็เปรียบเทียบผลงานพอร์ตหุ้นทั้งสองของผมว่าพอร์ตไหนมีผลตอบแทนดีกว่ากันและมองด้วยว่าอนาคตพอร์ตไหนน่าจะมีโอกาสเติบโตมากกว่าด้วย ในการเปรียบเทียบนั้น ผมจะดูดัชนีหุ้นของทั้งสองแห่งเป็นหลัก
ตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินของเวียตนามเพิ่งจะเปิดเมื่อปี 2000 ปี และเนื่องจากเป็นตลาดเปิดใหม่ การ “เก็งกำไร” จึงน่าจะรุนแรงมาก ดัชนีตลาดวิ่งจาก 100 จุด ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่ประมาณ 1,140 จุดหรือ 11 เท่าภายใน 7 ปีและนั่นเกิดขึ้นตอนต้นปี 2007 ซึ่งก็ถือเป็น “ฟองสบู่ลูกแรก” ของเวียตนาม ในช่วงเวลาเดียวกัน ดัชนีตลาดหุ้นของไทยเอง ก็ปรับตัวขึ้นสูงสุด จากประมาณ 200 จุด ซึ่งเป็นดัชนีต่ำสุดหลังวิกฤติปี 2540 หรือปี 1997 กลายเป็นประมาณ 910 จุดในช่วงปลายปี 2007 เหมือนกัน
จากปี 2007 ซึ่งเป็นปีที่ดัชนีตลาดหุ้นทั้งไทยและเวียตนามปรับตัวขึ้นเป็นจุดสูงสุดหลังวิกฤติปี 1997 ดัชนีตลาดหุ้นทั้งสองแห่งก็ประสบกับวิกฤติปี 2008 หรือวิกฤติซับไพร์มที่เกิดขึ้นในอีกประมาณ 10 ปีต่อมาหลังวิกฤติ...
💊 มุ่งสู่อนาคตการดูแลสุขภาพ:▪️ FPT Retail (FRT) กำลังเปลี่ยนโฉมเป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพ▪️ ครอบคลุม: ป้องกัน (ศูนย์ฉีดวัคซีน Long Chau ปัจจุบันมี 50 แห่ง)วินิจฉัย รักษา (ร้านขายยา Long Chau >1600 แห่งสิ้นปีคาด 1900 แห่ง)ฟื้นฟูสมรรถภาพ การดูแลที่บ้าน (Long Chau247) และการประกัน▪️ ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในระบบนิเวศด้านสุขภาพ
—————💊 กลยุทธ์หลัก:▪️ ใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าขนาดใหญ่ของ FPT Retail (Long Chau)▪️ นำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
▪️ ขายหุ้น 10% ให้กับหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์(อัตราส่วนเงินทุนต่อสินทรัพย์รวม 13% ในปี 2566 นั้นไม่ดีนัก จำเป็นต้องระดมเงินทุนเพื่อช่วยให้มีโครงสร้างทางการเงินที่ดีขึ้น ลดแรงกดดันด้านหนี้ และมีเงินมากขึ้นสำหรับการลงทุนระยะยาว)
▪️ ปิดร้านค้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ และมุ่งเน้นไปที่ช่องทางออนไลน์▪️ ขยายธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน▪️ สนับสนุนบริการ Long Chau 247
—————💊 ผลประกอบการไตรมาส 1/2567:▪️ รายได้เพิ่มขึ้น 17% ขับเคลื่อนโดย FPT...
จุดเริ่มต้นตลาดหุ้นไทย:
เริ่มลงทุนหุ้นไทย ปี 2552 โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เป็นแรงบันดาลใจลงทุนระยะยาว เน้นหุ้นปันผล คัดเลือกหุ้นกลุ่มค้าปลีก โรงพยาบาล สนามบินประสบความสำเร็จจากการลงทุนหุ้นไทยช่วงหลังวิกฤติซับไพรม์
การลงทุนในหุ้นเวียดนาม:
เริ่มศึกษาตลาดหุ้นเวียดนาม หลังฟังรายการของ ดร.นิเวศน์ปี 2558 ตัดสินใจบินไปโฮจิมินห์ เพื่อลงทุนหุ้น
อุปสรรค:
ข้อมูล บทวิจัย เป็นภาษาเวียดนาม เข้าถึงยากนักลงทุนรายย่อยเวียดนาม 85% ใช้ปัจจัยเทคนิค ลงทุนระยะสั้นตลาดผันผวน มากกว่าตลาดหุ้นไทย
ข้อดี:
ตลาดหุ้นเวียดนามมีศักยภาพสูง เติบโตเร็วมูลค่าหุ้นหลายตัวน่าสนใจกลยุทธ์:หลีกเลี่ยงการเทรดดิ้ง เน้นลงทุนระยะยาวกระจายความเสี่ยง เลือกหุ้นหลากหลายกลุ่มพิจารณาธุรกิจที่มีโอกาสเติบโต
คำแนะนำสำหรับนักลงทุน:
กระจายความเสี่ยง:ลงทุนหุ้นเวียดนามมากกว่า 5 ตัวพิจารณาลงทุน ETF / DR เช่น VN30ETF Diamond ETFและกองทุนรวม (SSF / RMF) ที่ลงทุนหุ้นเวียดนามเพื่อรับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเลือกหุ้น:หุ้นที่เคยเป็น Super Stock ในไทยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหุ้นที่ราคาตกลงจากข่าวหรือความกลัว
ข้อควรระวัง:
ตลาดหุ้นเวียดนามมีความผันผวนสูง
อ่านบทความเต็ม: https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/499-tsi-vietnam-stocks-investment-experience
โลกในมุมมองของ Value Investor 30 มี.ค. 67
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
วันที่ศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2567 ปริมาณการซื้อขายหุ้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยลดลงมาเหลือเพียง 26,472 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ผมไม่เห็นมานานมาก น่าจะเป็นหลาย ๆ ปี และนั่นเป็นตัวเลขที่ “น่าตกใจ” แม้ว่าเราเพิ่งจะเพิ่มเวลาการซื้อขายหุ้นอีกวันละครึ่งชั่วโมงเมื่อไม่กี่วันมานี้ เพราะปริมาณการซื้อขายหุ้นของตลาดหุ้นไทยเมื่อไม่กี่ปีก่อนบางวันเคยขึ้นไปสูงถึงวันละแสนล้านบาท และถ้านับจากต้นปีนี้ ปริมาณการซื้อขายหุ้นต่อวันเฉลี่ยก็ยังอยู่ที่ประมาณ 40,000 ล้านบาทเศษ
ตรงกันข้าม ปริมาณการซื้อขายหุ้นต่อวันของตลาดหุ้นเวียดนามตั้งแต่ต้นปีนั้นสูงถึงประมาณ 30,000 ล้านบาทไปแล้ว และเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 20% จากตัวเลขก่อนหน้านั้น ในขณะนี้ ตลาดหุ้นเวียดนามมีปริมาณการซื้อขายเป็นอันดับสองในอาเซียนรองจากประเทศไทยแล้ว และถ้าแนวโน้มยังเป็นแบบนี้ต่อไปอีกซักระยะหนึ่ง ผมคิดว่าตลาดหุ้นเวียดนามจะกลายเป็นอันดับหนึ่งในเร็ววัน ซึ่งก็สอดคล้องกับตัวเลขนักลงทุนส่วนบุคคลรายย่อยของเวียดนามที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาตลอด และขณะนี้น่าจะมากกว่านักลงทุนรายย่อยไทยไปแล้วที่ประมาณ 7.5 ล้านราย
ปีที่แล้ว ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย “ย่ำแย่ที่สุด” และติดลบไปประมาณ 15.2% ในขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนาม “ดีที่สุด” บวกไปประมาณ 12.2% และตั้งแต่ต้นปีนี้เพียงประมาณ 3 เดือน ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามก็ ดีที่สุด “อันดับ 2 ของโลก” บวกไปแล้วประมาณ 13.6% ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังติดลบประมาณ...
หุ้น MSN - Masan Group บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม #หุ้นเวียดนาม #รู้หุ้นเวียดนามกับคนเวียดนาม VVI Membership 🇻🇳 https://class.vietnamvi.com/
https://www.youtube.com/embed/q1rFTf0D25k
VP Bank แบงค์ใหญ่ ขวัญใจรายย่อย โดดเด่นเรื่อง Consumer Finance #หุ้นเวียดนาม#รู้หุ้นเวียดนามกับคนเวียดนาม VVI Membership 🇻🇳 https://class.vietnamvi.com/
https://youtu.be/Ck-raipi_dE?si=GnEqr212-KRnT-Ss
2 ทริป 2 สไตล์ : ตะลุยเวียดนามพร้อมอัพเดทความรู้ด้านการลงทุน
(Promotion Early bird 1-20 เม.ย. นี้ เท่านั้น)
🔸 โฮจิมินห์ซิตี้ 2-4 มิ.ย. 2024Tour Learn Earn Moreเข้มข้นเรื่องหุ้น ณ เมืองเศรษฐกิจสำคัญที่สุดของเวียดนาม@Sheraton Saigon Hotel โรงแรม 5 ดาวกลางเมือง(เริ่มต้นที่ 16,900 บาท)
🔸 ดานัง 7-9 มิ.ย. 2024Stocks on the beachดูเศรษฐกิจ-พฤติกรรมคนเมืองรอง ณ เมืองท่องเที่ยวสำคัญที่สุดเวียดนาม@Peninsula Danang Hotel & Mercure Danang French Village Bana Hills โรงแรม 5 ดาว ริมทะเล (เริ่มต้นที่ 17,900 บาท)
✅ เจาะลึก ตรงจุด ด้วยประสบการณ์ 9 ปี ของ...
โลกในมุมมองของ Value Investor 23 มีนาคม 67
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เวลาไปงานชุมนุม งานเลี้ยงหรืองานพิธีต่าง ๆ ที่ประกอบไปด้วยเพื่อนที่อยู่หรือเคยอยู่ในสถาบันเดียวกัน หรือเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกัน หรือเป็นเพื่อนในวงสังคมเดียวกัน หรืออยู่ในหมู่คนที่มีความสนใจหรือเป็นแฟนคลับอะไรบางอย่างเหมือนกัน เรามักอยากจะได้ฟังหรือได้ร้องเพลงที่เราชอบที่ทำให้เรามีความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน มีความสุข มีพลัง มีความหวังและมองโลกในแง่ดี เพลงนั้นหรือเพลงเหล่านั้นก็คือเพลงที่มีความหมายและคนที่อยู่ในกลุ่มก็คิดและเชื่อแบบเดียวกัน ลองมาไล่ดูอย่างคร่าว ๆ ว่ามีงานชุมนุมอะไรบ้างที่มักจะมีการร้องเพลงและเพลงอะไรบ้างที่เป็นที่นิยมกันกว้างขวางต่อเนื่องยาวนาน
เริ่มตั้งแต่งานเลี้ยงศิษย์เก่าโรงเรียนและวิทยาลัยซึ่งก็เป็นมาตรฐานที่ทำเหมือนกันหมด นอกจากเพลงประจำสถาบันแล้ว แต่ละแห่งก็อาจจะมีเพิ่มเพลง “ยอดนิยม” ที่มักจะมีและร้องกันเป็นประจำ อย่างของผมก็คือเพลง “ปราสาทแดง” ที่พูดถึงตึกสีแดงเก่าแก่ทรง “วินด์เซอร์” ที่ทุกคนรู้สึกว่าเป็นสัญลักษณ์ของคณะ ทำเพลงและขับร้องโดยวงดนตรีสุนทราภรณ์ที่เด่นดังที่สุดสมัย 50 ปีก่อน
ตั้งแต่เด็ก ผมถูกสอนให้ร้องเพลง “สามัคคีชุมนุม” เวลาฝึกลูกเสือตั้งแต่ชั้นประถม ซึ่งก็เป็นเพลงเวอร์ชั่นภาษาไทยของ “โอลด์แลงไซน์” เพลงเก่าอายุกว่าสองร้อยปีที่เล่นหรือร้องกันทั้งโลกจนถึงวันนี้ เพลงนี้เป็นเพลงที่มักจะร้องกันวันสิ้นปีของฝรั่ง เป็นวันที่รำลึกถึงวันเก่า ๆ เพื่อนเก่า ๆ ที่ไม่ได้เจอกันนาน เป็นเพลงแห่ง “มิตรภาพ” และการทำความดี
อย่างเช่นคนทั้งโลกมาร่วมกันทำสิ่งที่ดี ๆ การช่วยคนอดหยากหิวโหย หรือช่วยกันรักษ์โลกอะไรแบบนั้นก็จะเปิดหรือร้องเพลง “Auld Lang Syne” นอกจากนั้น งานจบการศึกษาและรับปริญญาของสถาบันการศึกษาก็มักจะเปิดเพลงนี้ เช่นเดียวกับงานศพที่จะเป็นการรำลึกถึงเวลายาวนานที่ผ่านไปของเพื่อนและคนที่ตายอะไรแบบนั้น และก็ต้องถือว่าเพลงนี้น่าจะเป็นเพลงยอดนิยมตลอดกาลเพลงหนึ่ง
เพลงการชุมนุมที่มีการเปิดหรือร้องกันหลาย ๆ...
โลกในมุมมองของ Value Investor 17 มีนาคม 67
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ตั้งแต่เป็นนักลงทุนเต็มตัวแบบ VI หลังวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ผมก็ใช้พอร์ตลงทุนแทบจะ “แบบเดียว” มานานมากแทบจะเกือบ 20 ปี นั่นก็คือ ลงทุนเฉพาะในหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะเป็นการลงทุนเกือบ 100% แทบจะตลอดเวลา วิธีการลงทุนก็คือการเลือกหุ้นเป็นรายตัวแบบ “VI” พอร์ตเป็นแบบ “Focus” หรือเน้นการถือหุ้นน้อยตัว โดยที่หุ้นตัวใหญ่ ๆ จะมีแค่ 6-7 ตัว ซึ่งคิดรวมกันเป็นประมาณ 75% ของพอร์ต ที่เหลือซึ่งก็มีไม่เกิน 10 ก็จะเป็นหุ้นตัวเล็กที่ไม่มีนัยสำคัญกับผลการดำเนินงานของพอร์ตลงทุน อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงบ้าง หุ้นตัวที่ใหญ่ที่สุดของพอร์ตก็จะไม่เกิน 50% ของพอร์ตในระยะยาวเกิน 4-5 เดือน โดยทั่วไปแล้ว ตัวใหญ่ที่สุดก็มักจะไม่เกิน 30-40% และหุ้นตัวใหญ่อันดับ 2 ก็มักจะใหญ่ไม่เกินครึ่งหนึ่งของตัวแรก
แนวทางการจัดพอร์ตแบบนั้น ได้ผลดีมากมาจนถึงประมาณเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วที่ตลาดหุ้นไทย และเฉพาะอย่างยิ่งหุ้น VI ที่เป็นแนว “ซุปเปอร์สต็อก” เริ่มทำผลงานตกต่ำลงมากและอนาคตก็ดูไม่สดใสตามภาวะเศรษฐกิจของไทยที่ถดถอยลงเพราะโรคโควิด-19 และการที่คนไทยแก่ตัวลงมาก ซึ่งส่งผลให้หุ้นของบริษัทที่แข็งแกร่งและโดดเด่น ...
โลกในมุมมองของ Value Investor 9 มีนาคม 2567
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เมื่อตลาดหุ้นปิดในวันศุกร์ที่ 8 มีนาคม 2567 ผมนั่งดูดัชนีตลาดหุ้นไทย ปริมาณการซื้อขายหุ้นและหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 10 ตัวแรก—ตามปกติ ผมก็ฉุกคิดขึ้นมาว่ามีอะไรบางอย่างที่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปมากสำหรับตลาดหุ้นไทยในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาโดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัวหรือไม่ตระหนัก และผมก็เริ่มที่จะคิดว่านี่คือสถานการณ์ที่ นักลงทุนหรือถ้าจะเรียกว่านักเก็งกำไรน่าจะถูกต้องกว่า “กำลังหมดหวังและหมดกำลังใจ” กับตลาดหุ้นไทยอย่างรุนแรงและได้แสดงออกผ่านตัวเลขและข้อมูลหลาย ๆ อย่างดังต่อไปนี้
แม้ว่าดัชนีตลาดหุ้นในวันที่ 8 มีนาคม 2567 จะปรับตัวขึ้นแรงประมาณ 1% เป็น 1,386 จุด แต่ปริมาณการซื้อขายหุ้นทั้งวันอยู่ที่ประมาณ 40,000 ล้านบาทเศษ และนั่นก็เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากจากอดีตเมื่อซัก 3-4 ปีก่อน ที่ถ้าดัชนีขึ้นแรงขนาดนั้น ปริมาณการซื้อขายหุ้นก็มักจะขึ้นไปแตะระดับ “แสนล้านบาท” เพราะแรงเก็งกำไรที่เข้ามาเล่นหรือซื้อขายหุ้นโดยเฉพาะจากนักลงทุนส่วนบุคคลทั้งรายย่อยและ “รายใหญ่” ที่ซื้อขายหุ้นต่อวันเป็นระดับร้อยหรือหลายร้อยบาทในเวลาเพียง 1 วัน
แต่ในวันที่ 8 นั้น ดูเหมือนว่าคนที่เข้าไปซื้อหุ้นส่วนใหญ่คือนักลงทุนต่างชาติที่ในช่วงหลัง ๆ กลายเป็นผู้เล่นหลักในตลาดหุ้นไทย ที่มีปริมาณการซื้อขายหุ้นรวมมากกว่า 50% ของตลาด และในวันที่ 8 นั้น ...