ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
หลาย ๆ ปีก่อนในช่วงที่ตลาดหุ้นยังปรับตัวขึ้นเป็น “กระทิง” ต่อเนื่องยาวนานนั้น เรามักพบนักลงทุนโดยเฉพาะที่ยังหนุ่มแน่นอายุไม่มากเช่น 30-40 ปีหลาย ๆ คนลาออกจากงานประจำและหันมาลงทุนเต็มตัว บางคนมีเงินก้อนหนึ่งอาจจะแค่ 2-3 ล้านบาทซึ่งเขา “คิด” ว่าสามารถทำเงินแต่ละเดือนจากการเล่นหุ้นได้ 40,000-50,000 บาท ซึ่งมากพอที่จะ “เลี้ยงชีพ” ได้ ดังนั้นเขาจึงลาออกจากงานประจำเงินเดือนน้อยนิดและน่าเบื่อเพื่อเน้นเล่นหุ้นที่จะ “ได้กำไรดีขึ้น” จากการ “ทุ่มเท” กับการ “ลงทุน” อย่างจริงจัง ในวันนี้ผมเชื่อว่าพวกเขาคงกลับมาทำงานประจำกันหมดแล้วเพราะขาดทุนหุ้นหนัก ไม่มีเงินพอเลี้ยงชีพ
นักลงทุนอีกหลายคนนั้น ประสบความสำเร็จสูงกว่าจากการลงทุนและมีพอร์ตเพิ่มขึ้นมากจนคิดว่าตนเองมี “อิสรภาพทางการเงิน” แล้ว เนื่องจากคิดว่าพอร์ตของเขาใหญ่พอที่ถ้าสามารถทำผลตอบแทนเพียงปีละ 10-20% แบบทบต้นนั่นคือได้กำไรโดยเฉลี่ยแบบนั้นทุกปีเขาก็สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องทำงานประจำ ตัวอย่างเช่น พอร์ตอาจจะเท่ากับ 10 ล้านบาท ได้ผลตอบแทนปีละ 12% ก็จะได้เงินกำไรมาใช้ปีละ 1,200,000 บาท หรือเท่ากับเดือนละ 100,000 บาท ดังนั้น เขาก็สามารถใช้ชีวิตที่อิสระโดยมีการลงทุนเป็นงานที่เขาชอบและเขาสามารถทำอะไรก็ได้โดยเฉพาะการท่องเที่ยวไปทั่วโลก เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ เขาไม่ได้มีภาระอะไรมากมายและก็ยังเป็นคนที่ไม่ได้ใช้จ่ายอะไรฟุ่มเฟือย ดังนั้น นี่คือ “ความฝัน” ที่เขาเคยคิดมานาน นั่นคือ เกษียณก่อนกำหนดมาก...
ผมเพิ่งกลับจากการศึกษาดูงานที่นครโฮจิมินห์ หรือชื่อเดิมว่า ไซง่อน ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม สิ่งที่ผมได้เห็นกับตาเป็นเครื่องยืนยันบทความตามหน้าสื่อต่างๆ ไม่ว่าทั้งไทยและเทศที่ว่าเศรษฐกิจเวียดนามน่าจะโตได้ 6-7% ต่อปี ไปอย่างน้อยอีก 10 ปี และสิ่งที่ไทยเคยใช้เวลากว่า 20 ปี ในการพัฒนาประเทศมาจนถึงปัจจุบัน เวียดนามอาจทำได้โดยใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี นักธุรกิจไทยที่ผมได้พบที่เวียดนามต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า…วันนี้ถ้าให้เขากลับไทย มีร้องไห้แน่นอน…ลองมาดูกันครับว่า เวียดนามมีดีอะไร ? เหล่านักธุรกิจถึงได้ติดใจกันขนาดนี้ ?
…เวียดนามมีประชากรกว่า 97 ล้านคน โดยตลอดเส้นทางที่ผมได้เดินทางผ่าน พบผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว ต่างกับไทยที่ประชากรส่วนใหญ่เริ่มเข้าสู่วัยสูงอายุ สิ่งที่ทำให้ผมสงสัยก็คือ เมื่อผมนั่งรถออกไปชมเมืองช่วงหัวค่ำ เวลา 3-4 ทุ่ม พบว่าร้านอาหาร ถนนหนทางยังคึกคักมาก ผู้คนแน่นร้านตลอดเส้นทาง แม้จะเป็นคืนวันธรรมดา มีหนุ่มสาวจำนวนมากนั่งจับกลุ่มกัน นั่งบนมอเตอร์ไซด์บ้าง ตามเก้าอี้บนพื้นถนนบ้าง โดยบริโภคอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ไปด้วย ซึ่งหากเทียบกับไทยแล้ว แค่เวลา 2 ทุ่ม ร้านค้าก็คงเงียบเหงาหงอย นี่น่าจะเป็นเครื่องยืนยันว่าเศรษฐกิจเวียดนามคึกคักจริง และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทต่างชาติแห่กันเข้าไปลงทุน ด้วยกำลังซื้อที่มหาศาล แถมยังเป็นคนหนุ่มสาวที่กำลังมีรายได้เพิ่มขึ้น…
ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมที่ Big C เวียดนาม (เจ้าของ Big C...
โลกในมุมมองของ Value Investor 1 มิถุนายน 62
ลงทุนในยุคเศรษฐกิจโตช้า
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
มองย้อนหลังไปประมาณ 6 ปี ในช่วงกลางปี 2556 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 1,600 จุด แทบจะไม่ต่างจากดัชนีวันนี้ที่ประมาณ 1,620 จุด นี่คือช่วงเวลา 6 ปีที่น่าจะพูดได้ว่าตลาดหุ้นเป็น Sideway คือราคาหุ้นโดยรวมไม่ได้ปรับตัวขึ้นหรือลดลงเป็นเรื่องเป็นราวเป็นระยะเวลายาวนาน สำหรับนักลงทุนที่มักจะมองภาพเล็กในหุ้นรายตัวหรืออาจจะเป็นกลุ่มและเป็นนักลงทุนระยะยาวก็จะเห็นว่าหุ้นตัวหลัก ๆ หรือกลุ่มหลัก ๆ บางกลุ่มเช่นหุ้นธนาคารขนาดใหญ่นั้น ราคาหุ้นผ่านมา 6 ปีก็มักจะไม่ไปไหน และเมื่อดูผลประกอบการย้อนหลังไป 5-6 ปี ก็มักจะพบว่ากำไรของธนาคารเหล่านั้นก็ไม่ไปไหนเหมือนกันคือ กำไรก็เท่าเดิมหรือบางตัวลดลงด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับหุ้นสื่อสารซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่ให้บริการหรือมีลูกค้าที่เป็นรายย่อยทั้งประเทศก็มีอาการคล้าย ๆ กัน ลงทุนไปแล้วมักจะได้แต่ปันผลแต่ไม่ได้กำไรจากราคาหุ้นที่มักจะไม่ค่อยไปไหนในระยะยาวแม้ว่าในระยะสั้น ๆ อาจจะผันผวนเป็นช่วง ๆ ที่ทำให้มีคนกำไรและขาดทุนแต่ก็ไม่มากนัก
คนที่ลงทุนระยะยาวในหุ้นหลัก ๆ ขนาดใหญ่ของตลาดหลักทรัพย์ซึ่งรวมถึงกองทุนรวมโดยเฉพาะที่อิงกับดัชนีในระยะ 5-6 ปีที่ผ่านมานั้น น่าจะได้ผลตอบแทนประมาณแค่ไม่เกิน 3-4% ต่อปีแบบทบต้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็น่าจะมาจากมาจากเงินปันผล ดูเหมือนว่าปันผลกลายเป็นปัจจัยสำคัญในเรื่องของการลงทุน อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนส่วนบุคคลที่เข้ามาเล่นหุ้นหรือเลือกหุ้นลงทุนเองในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งรวมถึง VI ส่วนใหญ่นั้น ภาพที่ว่าหุ้นไทยไม่ไปไหนและผลตอบแทนก็ค่อนข้างต่ำในช่วง...
ทั้งๆ ที่ตัวเลข GDP FDI การส่งออกเวียดนามเติบโตดี
แต่ผลประกอบการตลาดหุ้นโฮจิมินห์ไตรมาส 1/62 ปรับตัวลดลง 1%
เพื่อนๆ ทายสิคะว่ากลุ่มไหนที่กำไรหด และกลุ่มไหนที่กำไรเพิ่ม?
เฉลย
กลุ่มกำไรหด ได้แก่
อสังหาริมทรัพย์ ไฟแนนซ์สินค้าอุตสาหกรรมทรัพยากรธรรมชาติมีเดียการแพทย์
กลุ่มกำไรเพิ่ม ได้แก่
ค้าปลีกเทคโนโลยีพลังงานยานยนต์ อาหารเครื่องดื่ม
ปัญหาสงครามการค้าอาจส่งผลในระยะสั้น แต่ระยะยาวจะทำให้เวียดนามได้รับประโยชน์จากข้อพิพาท เนื่องจาก FDI จำนวนมากจะไหลมายังเวียดนามอีก
แล้วเราควรลงทุนหุ้นกลุ่มไหน? มาดูธีมการเลือกหุ้นลงทุนระยะยาวในเวียดนามจาก BLS กันดีกว่าค่ะ
หุ้นบริโภคภายใน
ย้อนไป 10 ปี ก่อนหุ้นพาณิชย์ในประเทศไทยได้ผลตอบแทนมากกว่าตลาด ตามกำลังซื้อที่สูงขึ้น หุ้นพาณิชย์เวียดนามก็มีความสนใจไม่น้อย หุ้นแนะนำธีมนี้คือ Mobile World Investment (MWG) ดำเนินธุรกิจค้าปลีก ขายโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน และร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น
หุ้นตามกระแสผู้บริโภคยุคใหม่
E-commerce ได้รับความนิยมสูงทั่วโลกรวมทั้งเวียดนาม ธุรกิจขนส่งพัสดุทางไปรษณีย์ได้ประโยชน์โดยตรง หุ้น Viettel Post JSC (VTP) ดำเนินธุรกิจส่งสินค้าใหญ่อันดับสองในเวียดนามรองจาก VN Post ซึ่งเป็นบริษัทรัฐ โดย VTP มีศูนย์รับส่งสินค้ากระจายกว่า 8,300...
10 ปีที่ผ่านมาเวียดนามพัฒนาประเทศมาอย่างรวดเร็วใครๆๆก็รู้ แต่รู้ไหมว่า ทำไมคุณควรสนใจ ลงทุนหุ้นเวียดนาม แต่ตอนนี้ เรามาดู 5 เหตุผลที่คุณควรสนใจ ลงทุนหุ้นเวียดนาม
เหตุผลที่ 1 : ถูก-----แอดมินได้เริ่ม ลงทุนหุ้นเวียดนาม มา 3 ปีกว่า หากถามว่าผลตอบแทนการลงทุนดีไหม? ก็ต้องบอกว่าหากนำผลตอบแทนทบต้น 3 ปีแล้วดีกว่าเมืองไทย เพราะได้เริ่มลงทุนในปีที่ VN Index ประมาณ 600 จุด (ปัจจุบัน 970 จุด)แต่ผลตอบแทนที่ได้มากคือ ความรู้เรื่องการลงทุนหุ้นเวียดนามทั้งจากนักลงทุนฝั่งสถาบันและรายย่อย ทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้เรียนรู้การลงทุนทั้งจากกองทุน นักวิเคราะห์ และจากเพื่อนนักลงทุนที่สนใจลงทุนหุ้นเวียนนามทำให้วันนี้แอดมินมีความกล้าที่จะเพิ่มน้ำหนักการ ลงทุนในหุ้นเวียดนาม จนมูลค่า พอร์ตหุ้นเวียดนาม มากกว่าหุ้นในประเทศไทยแล้วค่ะ
หุ้นเวียดนาม เคยขึ้นไปทำ New High ที่ 1,200 จุด จนเป็นตลาดหุ้น ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในโลก ในช่วงต้นปีที่แล้ววันนี้หุ้นเวียดนามได้ปรับฐานย่อตัวลง VN index อยู่ที่ 970 โดยส่วนตัวแล้วถือว่าเป็นโอกาสในการลงทุนมากกว่าดังที่ Warren กล่าวว่า "จงกลัวในยามที่คนอื่นกล้า จงกล้าในยามที่คนอื่นกลัว" เพราะปัจจัยพื้นฐานเวียดนามไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงนอกจากนี้ค่าเงินบาทไทยแข็งขึ้นในช่วงนี้ยิ่งเหมาะกับการลงทุนระยะยาวในหุ้นเวียดนามปัจจุบันค่าดองเวียดนามมีเสถียรภาพขึ้นมาก...
บทเรียนเมื่อฟองสบู่หุ้นแตก ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร หลังการประกาศผลประกอบการไตรมาศ 1 ปี 2562 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หุ้นขนาดเล็ก-กลางหลายตัวที่เป็นหรือเคยเป็นหุ้น “ยอดนิยม” ได้ตกลงมาแรงทั้ง ๆ ที่บางตัวได้ตกลงมามากแล้วในช่วง 1-2 ปีก่อนหน้านี้ อาการที่หุ้นตกลงมาหนักมากอย่างรวดเร็วและมักจะเกิน 50% ของจุดสูงสุดนั้น ในแวดวงของนักลงทุนเราเรียกว่า “ฟองสบู่หุ้นแตก” ซึ่งก็มักจะสร้างความเสียหายให้กับคนที่ถือหุ้นตัวนั้นมาก บางครั้งกลายเป็นหายนะซึ่งเปลี่ยนชีวิตการลงทุนของเขาไปอย่างไม่คาดคิด ลองมาดูว่ามีบทเรียนอะไรบ้างที่เราควรจดจำและนำมันมาใช้ในการลงทุนต่อไปในอนาคต
ข้อแรกในความเห็นของผมก็คือ หุ้นที่มีราคาแพงมากหรือพูดหยาบ ๆ ก็คือหุ้นที่อยู่ใน “ภาวะปกติ” ไม่ใช่หุ้น Turnaround ที่เคยมีปัญหาและกำลังพื้นตัวหรือหุ้นในสถานการณ์พิเศษอื่น ๆ ที่มีค่า PE สูงลิ่วเกินกว่า 50 เท่าขึ้นไปนั้น เป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงมากและมีโอกาสเป็นหุ้นที่ “ฟองสบู่แตก” ราคาตกลงมาเกิน 50% ได้ง่าย ๆ ว่าที่จริงช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น หุ้นที่มีลักษณะดังกล่าวต่างก็ตกลงมาหนักแทบทุกตัวยกเว้นก็แต่หุ้นขนาดเล็กและ/หรือมี Free...
อวสานของหุ้นโรงงาน
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ธุรกิจโรงงานที่ผลิตสินค้าที่เป็นชิ้นส่วนหรือสินค้าสำเร็จรูปให้คนอื่นเพื่อนำไปประกอบเป็นสินค้าขั้นสุดท้ายหรือนำไปขายในยี่ห้อของคนจ้างที่เรียกว่าเป็น OEM (Original Equipment Manufacturing) นั้น ต้องถือว่าเป็นเครื่องจักรสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยมากว่า 30 ปี เริ่มจากการที่ญี่ปุ่นต้อง “ย้ายฐานการผลิต” มายังประเทศไทยเนื่องจากต้นทุนการผลิตสินค้าในญี่ปุ่นสูงขึ้นมากอานิสงค์จากค่าเงินเยนที่ถูกบีบให้สูงขึ้นอย่างกระทันหันจากข้อตกลง Plaza Accord ในปี 1985 ที่ทำให้ค่าเงินเยนแข็งขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ และนั่นทำให้ไทยกลายเป็นแหล่งการผลิตต้นทุนต่ำเพื่อการส่งออกของประเทศอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้าของโลกที่สำคัญแห่งหนึ่งมาจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม การ “เปิดประเทศ” ของจีนและเกือบทั้งหมดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงหลัง ๆ นี้ ได้ทำให้เกิด “คู่แข่ง” มากมายที่มีต้นทุนในการผลิตต่ำกว่าซึ่งทำให้สามารถแย่งการลงทุนไปจากไทยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบันผมคิดว่าไทยไม่น่าจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของคนที่จะมาลงทุนตั้งโรงงานโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเวียตนามและอาจจะรวมถึงอินโดนีเซีย
ประชากรไทยที่น่าจะแก่ตัวมากที่สุดประเทศหนึ่งและอัตราการเกิดน้อยที่สุดเทียบกับคู่แข่ง ซึ่งส่งผลให้ค่าแรงขั้นต่ำของไทยอยู่ในอัตราที่สูงที่สุดและหาแรงงานได้ยากน่าจะทำให้ความน่าสนใจในการลงทุนเพื่อทำโรงงานน้อยลง สถานการณ์แบบนี้คงจะดำรงอยู่ต่อไปอีกนานและในที่สุดสังคมไทยก็จะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ดังนั้น ผมคิดว่า “ธุรกิจโรงงาน” ที่ต้องใช้คนจำนวนมากผลิตสินค้าอุตสาหกรรมโดยเฉพาะเพื่อการส่งออกน่าจะค่อย ๆ ถดถอยลงอย่างต่อเนื่องยาวนานและกลายเป็นอุตสาหกรรม “ตะวันตกดิน” และแม้แต่โรงงานที่เน้นเฉพาะการขายในประเทศเองก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก เพราะในระยะหลัง ๆ สินค้าที่ขายในประเทศที่มีราคาถูกนั้น จำนวนมากผลิตจากจีนเนื่องจากต้นทุนต่ำกว่ามาก คนที่ขายสินค้าซึ่งเคยสั่งซื้อจากโรงงานในประเทศจึงหันไปสั่งซื้อจากจีนหรือประเทศที่ผลิตได้ถูกกว่า
ในส่วนของ “หุ้นโรงงาน”...
อวสานของทีวี
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การคืนใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีจำนวน 7 ช่องเมื่อสัปดาห์ที่แล้วดูเหมือนว่าจะเป็นจุดจบสำหรับธุรกิจทีวีที่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจที่ครั้งหนึ่งรุ่งเรืองมาก ทีวีซึ่งมีเพียงไม่กี่ช่องและที่ทำเป็นธุรกิจจริง ๆ ก็มีเพียง 2-3 ช่องในอดีตนั้นสามารถทำเงินได้มหาศาล หุ้นของบริษัททำทีวีที่จดทะเบียนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์บางแห่งเคยมีมูลค่าหรือ Market Cap. เป็นแสนล้านบาท แต่หลังจากการ “เปิดเสรี” ช่องทีวีซึ่งทำให้เกิดทีวีใหม่หลายสิบช่องขึ้นทันทีก็ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างเต็มที่ซึ่งทำให้ทีวีเกือบทุกช่องขาดทุนกันหมด มูลค่าตลาดของหุ้นทีวีลดลงจากแสนล้านบาทหรือเพียงหลักหมื่นล้านบาท ส่วนหุ้นทีวีที่เคยประสบความสำเร็จในช่วงแรกและมีค่าหลายหมื่นล้านบาทก็เหลือเป็นหลักพันล้านบาท ดังนั้น การลดลงของทีวีดิจิตอล 7 ช่องจาก 20 กว่าช่องและเหลือทีวีดิจิตอลประมาณ 15 ช่องนั้นจึงเป็นความหวังว่าธุรกิจทีวีน่าจะดีขึ้นมากและหุ้นทีวีจะ Turnaround หรือฟื้นตัวได้ หรืออย่างน้อยก็ไม่น่าจะ “ตาย” อีกแล้ว แต่นี่คือความจริงหรือ?
ในความเห็นของผม ทีวี 7 ช่องที่ปิดตัวลงนั้น มีเรทติ้งหรือคนดูน้อยและดังนั้นจึงมีรายได้จากโฆษณาน้อยมาก เมื่อปิดตัวลง โฆษณาที่จะผ่องถ่ายไปช่องที่เหลือก็คงไม่มีนัยสำคัญ เช่นเดียวกัน จำนวนคนดูทีวีที่จะหันไปดูช่องที่เหลือก็คงไม่มากนัก ผมเองคิดว่าพวกเขาส่วนใหญ่อาจจะหันไปดูสื่ออื่นหรือไปทำอย่างอื่นที่น่าสนใจกว่าที่มีอยู่มากมายอานิสงค์จากการขยายตัวของสื่อดิจิตอลยุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าและมีค่าใช้จ่ายต่ำจนแทบจะ “ฟรี” ไม่ต่างจากการดูทีวีเหมือนกัน ดังนั้น การวิเคราะห์ว่าหุ้นทีวีที่ยังทำทีวีอยู่จะดีขึ้นใน “ระยะยาว” จึงไม่สามารถที่จะมองแค่การแข่งขันของช่องทีวีที่ลดลง แต่ต้องมองว่าทีวีจะสามารถแข่งกับสื่อดิจิตอลอย่างอื่นได้อย่างไร และมูลค่าหุ้นที่ยังสูงในระดับเป็นหมื่นล้านหรือหลายพันล้านบาทนั้น คุ้มค่าหรือไม่
มองจากมุมของเทคโนโลยีแล้ว ทีวีมีประสิทธิภาพลดลงมากเมื่อเปรียบเทียบกับอินเตอร์เน็ตที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วจนจะถึง 5G แล้ว ซึ่งทำให้ระบบอินเตอร์เน็ตนั้นสามารถทำได้ทุกอย่างที่ทีวีทำและเหนือกว่า ต้นทุนของผู้ใช้เองก็ลดลงจนทำให้แทบทุกคนในประเทศไทยต่างก็สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้โดยไม่จำกัดเวลา อาการแบบนี้นั้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าในที่สุดคนที่ดูทีวีน่าจะค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย...
Son Doong Cave ถ้ำเวียดนามที่ค่าเข้าหลักแสน
เมื่อคืนนี้แอดอ่านโพสต์ของพี่เว็บ (Pornchai Rattananontachaisook) ที่แปลสรุปบางส่วนของ Berkshire Hathaway Annual Meeting
เรื่องที่เด็กอายุ 13 ขวบ ถาม Warren Buffett ว่า มีวิธีอะไรบ้างที่จะช่วยให้เด็กพัฒนาความสามารถในการอดทนรอคอยได้?
หลายคนอาจจะคิดว่า Buffett น่าจะตอบว่า ให้ประหยัด เก็บเงินเยอะๆ ไปลงทุน จะได้รวย
แต่ไม่ใช่เลย Buffett พูดว่า "ความอดทนรอคอยเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่การรู้ว่า ตอนไหนควรใช้เงินก็สำคัญเช่นกัน"
เขาพูดต่อว่า "ผมไม่ได้คิดว่า การเก็บเงินคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกครอบครัวทุกสถานการณ์"
Buffett ยกตัวอย่างเสริมว่า การไม่พาครอบครัวไปเที่ยว Disney World สองวัน เพื่อเก็บเงินไว้ให้พอไปเที่ยวทั้งอาทิตย์ในอีก 30 ปีข้างหน้า อาจจะไม่ใช่สิ่งควรทำ การใช้เวลากับบางอย่างที่มีความหมายมันคุ้มค่าเงิน
เขาบอกว่า กิจกรรมที่ทำให้เรามีความสุขเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
-----
ขอตัดฉากจากโอมาฮ่า มายังเวียดนาม...
แอดมีเพื่อนนักลงทุนท่านหนึ่งที่รู้จักจากสัมมนา VVI และแอดก็เคยเชิญพี่พูดในฐานะ Traveler Investor ที่เวียดนามด้วย)
โดยพี่ท่านนี้ยอมเสียเงินซื้อประสบการณ์เหยียบแสน ...ชัดๆ อีกครั้งนะคะ แสนบาทไม่ใช่แสนด่อง :) เพียงแค่ได้เข้าถ้ำแห่งหนึ่งในเวียดนาม
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรมาอ่านกันดีกว่าค่ะ (แอดเพิ่งขอเรื่องพี่เค้ามาลงเพจวันนี้เองค่ะ:) )
-----
Review Son Doong Cave tour by Oxalis
Background...