โลกในมุมมองของ Value Investor 23 กรกฎาคม 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การ “ล้มละลาย” ของศรีลังกา เมียนมาร์ และลาว ที่อาจจะกำลังเกิดขึ้นนั้น ผมคิดว่าเราควรมาทำความเข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรโดยการใช้ภาษาของคนธรรมดาที่พอจะเข้าใจเรื่องของเศรษฐกิจหรือเศรษฐศาสตร์อยู่บ้างดังต่อไปนี้ โดยที่ผมจะเปรียบเทียบกับบุคคลธรรมดาด้วย
เริ่มกันที่ธุรกรรมทางเศรษฐกิจของแต่ละคนก่อนก็คือ เราต้องมีรายได้และค่าใช้จ่าย รายได้นั้นหลักใหญ่ ๆ ก็มาจาก 2 กลุ่มกิจกรรมคือ 1) การขายของ หรือ 2)ขายแรงงานซึ่งก็คือการเป็นลูกจ้างหรือขายบริการ เช่น เป็นฟรีแล้นซ์ต่าง ๆ ส่วนรายจ่ายก็มี 2 อย่างเช่นกันคือ 1) ซื้อของมากินมาใช้ในชีวิตประจำวัน และ 2) ซื้อบริการ เช่น จ่ายค่าเล่าเรียน ตัดผม ไปดูหนัง ซื้อทัวร์ไปเที่ยว และซื้อประกัน เป็นต้น
นอกจากรายได้และรายจ่ายที่มาจากการทำงานแล้ว รายรับและรายจ่ายที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของการลงทุนซึ่งก็มี 2 แบบใหญ่ ๆ นั่นก็คือ 1) การลงทุนโดยตรงในธุรกิจ เช่น ไปร่วมเป็นหุ้นส่วนกับคนอื่นที่เราต้องจ่ายเงินออกไป และ 2) การลงทุนในหลักทรัพย์ เช่น หุ้นหรือพันธบัตร ...
โลกในมุมมองของ Value Investor 13 กรกฎาคม 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
น่าจะประมาณ 20 ปีมาแล้วคือประมาณปี 2544 หรือ 2545 ผมจำได้ว่ามีการจัดงานสัมมนาใหญ่ทางด้านการเงินเป็น “ครั้งแรก” ที่ไบเท็คบางนา ผมขึ้นพูดในรายการของ “Money Talk” ในหัวข้อเรื่องทำนองว่าจะลงทุนอย่างไรในภาวะ “บาทตก หุ้นเตี้ย ดอกเบี้ยต่ำ” ซึ่งผู้พูดรวมถึงอาจารย์สุนีย์ สินธุเดชะ ปรมาจารย์ด้านการศึกษาและการพูดที่ลูกศิษย์ลูกหารวมถึงคนทั่วไปที่เป็นแฟนคลับติดตามรับฟังและรับชมในยุคนั้น ซึ่งก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า คนที่ฟังยังไม่ใช่เป็นนักลงทุนที่เน้นเนื้อหาทางด้านการลงทุนมากนัก จำเป็นต้องมี “แม่เหล็ก” อย่าง “อาจารย์แม่” มาดึงคนให้มาฟัง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม
ในเวลานั้น เป็นช่วงหลังปี 2543 หรือปี 2000 ที่เกิดวิกฤติหุ้นไฮเท็คในอเมริกาและดัชนีหุ้นไทยตกลงไปถึง 44% เป็น “วิกฤติตลาดหุ้น” ที่ทำให้หุ้นตกลงไปเหลือเพียงสองร้อยกว่าจุด และนั่นก็เป็นที่มาของคำว่า “หุ้นเตี้ย” ในขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทกับเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น เงินบาทกำลังตกลงมาจากประมาณ 40 บาทเป็น 44-45 บาทหรือตกลงมาถึง 10% ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า “บาทตก” อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาดังกล่าวที่น่าจะต้องปรับตัวขึ้นเพื่อป้องกันบาทตกนั้น กลับปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วจากประมาณ 6.5%...
โลกในมุมมองของ Value Investor 9 กรกฎาคม 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและมีรูปแบบคล้ายคลึงกับดัชนีตลาดหุ้นของอเมริกาโดยเฉพาะดัชนี S&P500 มาก เหตุผลส่วนหนึ่งนั้นน่าจะมาจากการที่เศรษฐกิจเวียดนามมีความสัมพันธ์กับอเมริกามากขึ้นมากเมื่อเทียบกับอดีต เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ เวียดนามส่งสินค้าไปอเมริกามากที่สุดคิดเป็นกว่า 25% ของสินค้าส่งออกทั้งหมด และก็ยังได้เปรียบดุลการค้ามหาศาล ค่าเงินด่องในระยะหลายปีที่ผ่านมาก็มีเสถียรภาพมากที่สุดประเทศหนึ่งเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์
มองย้อนหลังไปประมาณ 5 ปี ดัชนี S&P ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาประมาณ 58% เป็น 3,899 จุด ในขณะที่ดัชนีเวียดนามปรับขึ้นประมาณ 53% เป็น 1,171 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม2565ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกันมาก และที่เหมือนกันอีกอย่างหนึ่งก็คือ ดัชนีทั้งสองแห่งทำ All Time High คือขึ้นสู่จุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ในช่วงประมาณสิ้นปี 2564 ที่ผ่านมา โดยที่ดัชนีหุ้น S&P ขึ้นมาที่ประมาณ 4,800 จุดและดัชนีเวียดนามขึ้นมาที่ 1,500 จุด
ความคล้ายกันยังดำเนินต่อไปอีกเมื่อตลาดหุ้นอเมริกาเริ่มตกต่ำลงอย่างหนักตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมาที่เศรษฐกิจเริ่มมีปัญหาอานิสงค์จากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อรุนแรงอย่างที่ไม่เคยประสบในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้สหรัฐต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วซึ่งก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังตามมา ผลก็คือ ดัชนี S&P ลดลงอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดต่ำสุดติดลบไปประมาณ 23%...
โลกในมุมมองของ Value Investor 2 กรกฎาคม 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
“กระแส” ของเหรียญคริปโตที่อ้างว่าจะกลายเป็นเงินดิจิทัลใน “โลกแห่งอนาคต” ซึ่งรวมถึง “เมตาเวอร์ส” ที่เป็น “โลกเสมือน” ที่คนอาจจะเข้าไปใช้ชีวิตอีกครึ่งหนึ่งนอกเหนือจากการใช้ชีวิตใน “โลกจริง” ที่เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว และพัดแรงขนาดที่ทำให้โลกการเงินและการลงทุนปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน คนจำนวนเป็นล้านล้านคนโดยเฉพาะที่เป็น “คนรุ่นใหม่” แทบทั้งโลกต่างก็เข้ามาลงทุนและเกี่ยวข้องในนวัตกรรมใหม่นี้ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนที่กำลัง “ปฏิวัติโลก” ในแทบทุกด้าน ซึ่งรวมถึงงานศิลปะที่เรียกว่าเหรียญ “NFT” เพื่อขายให้กับคนที่สนใจงานศิลป์ หรือการผลิต “ที่ดินเสมือน” ขึ้นมาเพื่อขายให้กับ “นักเล่นที่” ที่อาจจะอยากซื้อไว้เก็งกำไรหรือลงทุน “ทำธุรกิจ” ที่ต้องการ “หน้าร้านเสมือน” ไว้ขายของ
กระแสของเหรียญคริปโตนั้นดูเหมือนว่าจะมาตามการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 ที่ทำให้คนทั้งโลกต้องถูก “กักอยู่ในบ้าน” และต้องทำงานและใช้ชีวิตผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก ซึ่งก็ทำให้มีเวลาเหลือที่จะลงทุนเงินที่อาจจะได้รับจากรัฐบาลหรือเงินเก็บที่แทบจะไม่มีดอกเบี้ย และคนก็อาจจะเริ่มเห็นว่าเหรียญคริปโตนั้นปรับตัวขึ้นเร็วมากเนื่องจากมันมีจำนวนจำกัด และเมื่อราคาขึ้นไปก็ส่งผลให้คนใหม่เข้าไปลงทุนและดันราคาขึ้นไปอีก ถึงจุดหนึ่งเหรียญที่เป็นที่นิยมเช่นบิทคอยน์ก็ถูก “Corner” ราคาขึ้นจากประมาณ 9,000-10,000 ดอลลาร์ กลายเป็น 3-40,000 เหรียญ ในเวลาเพียง 2-3 เดือน และหลังจากนั้นที่ อีลอน มัสก์...
https://youtu.be/O_y6h_5NFW8
หุ้นเวียดนาตก วิกฤตหรือโอกาส ลงทุนหุ้นเวียดนามท่ามกลางความผันผวน สัมภาษณ์พิเศษ สุด Exclusive : 🔸ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร บิดาวีไอผู้จุดประกายการลงทุนหุ้นเวียดนาม 🔸 คุณพิกุล พิทยาอิสรกุล ผู้จัดการกองทุนหุ้นเวียดนาม Phillip Securities 🔸 คุณณัฐกิติ์ สุนทรบุระ กูรูการลงทุนหุ้นเวียดนาม พร้อม Special guest จากเวียดนาม 🇻🇳 🔸 คุณ Tuan Nhan Managing Director - Head of Brokerage and Institutional Sales & Trading, VCSC ดำเนินรายการโดย #VVI Team แอดมินเต๋า สติมา และ แนน บุศราพร
https://www.youtube.com/watch?v=ABERqdnKEpM&t=755s
โลกในมุมมองของ Value Investor 25 มิถุนายน 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การปรับตัวขึ้นของหุ้นจีนอย่างโดดเด่นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานั้นน่าจะทำให้หลายคนเริ่มคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเริ่ม “ช้อนหุ้น” หลังภาวะวิกฤติที่ดำเนินมาตั้งแต่ต้นปี เฉพาะอย่างยิ่งหุ้นเท็คของจีนที่ตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องยาวนาน ดัชนีตลาดหุ้นเสิ่นเจิ้นตั้งแต่ต้นปีตกลงมาอย่างหนักตามตลาดหุ้นแนสดัก และตกลงมาต่ำสุดถึงประมาณ 30% ก่อนที่จะเริ่มปรับตัวขึ้น และเฉพาะในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาก็ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วถึงประมาณ 14% หุ้นเท็คยักษ์ใหญ่หลายตัวปรับตัวขึ้นแรงมาก หุ้น BABA หรืออาลีบาบาปรับตัวขึ้นถึง 42% ในเวลาเพียงเดือนเดียว และนี่ก็คือหุ้นที่ผมเคยเขียนถึงเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ว่าราคาหุ้นได้ตกลงมามากจนค่า PE เหลือเพียง 17 เท่า ในขณะที่หุ้นก็ยังแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ ดังนั้น มันอาจจะกลายเป็นหุ้น Value ไปแล้ว เช่นเดียวกับหุ้น TENCEN ที่ราคาวิ่งขึ้นไป 17% ในเวลาเพียงเดือนเดียวเช่นเดียวกัน
คำถามที่น่าสนใจก็คือ แล้วหุ้นเท็คยักษ์ใหญ่ของโลกที่ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดอยู่ในตลาดหุ้นอเมริกา หรือหุ้น “ยิ่งใหญ่” อื่น ๆ ในตลาดหุ้นอื่นเล่า ถึงเวลาหรือยังที่เราจะเข้าไปช้อนซื้อหุ้นและหวังว่ามันจะเริ่มปรับตัวขึ้นไปโดดเด่นแบบที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นจีนในช่วง 1- 2 เดือนที่ผ่านมา
ลองมาดูกันว่าหุ้นแต่ละตัวน่าสนใจที่จะช้อนซื้อมากน้อยแค่ไหน สิ่งที่ผมจะดูก็คงคล้าย ๆ กับกรณีของหุ้นจีนนั่นก็คือ ...
โลกในมุมมองของ Value Investor 18 มิถุนายน 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ราคาหุ้นของบริษัทโรงกลั่นน้ำมันในตลาดหลักทรัพย์ในช่วง 6-7 วันทำการก่อน ตกลงมาอย่างหนัก ไล่มาตั้งแต่หุ้นที่ตกหนักมากที่สุดตั้งแต่วันที่ 10 จนถึงวันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2565 คือหุ้น TOP ซึ่งตกจาก 60.75 บาท ลงมาเหลือเพียง 49.5 บาท หรือลดลง 18.5% ใน 6 วันทำการ โดยการตกจะหนักในช่วง 2 วันแรก คือวันที่ 10 และ 13 และหนักมากยิ่งกว่าในช่วง 2 วันสุดท้ายคือวันที่ 16 และ 17 มิถุนายน ที่ตกลงมาประมาณ เกือบ 10% ใน 2 วัน หลังจากที่มีข่าวว่ารัฐบาลจะขอคืน “Windfall Profit” หรือ “เงินกำไรส่วนเกิน” ที่เกิดจาก “ค่าการกลั่น” ที่สูงขึ้น...
โลกในมุมมองของ Value Investor 11 มิถุนายน 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ในช่วงปีวิกฤติต้มยำกุ้ง 2540 นั้น ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยตกลงไปแรงมากถึง 53% จาก 832 จุด เหลือเพียง 373 จุด ซึ่งนักลงทุนต่างก็รู้สึกเสมือนว่าเศรษฐกิจและตลาดหุ้นได้ “ตาย” และถูก “เผา” ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีนักลงทุนที่ “กล้าหาญ” ซึ่งมีจำนวนน้อยมากบางคนคิดว่ามันเป็น “โอกาสสุดยอด” ใน “วิกฤติ” ที่จะต้องเข้าไปช้อนซื้อหุ้นซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น พวกเขารู้ว่ามีความเสี่ยงรออยู่ แต่โอกาสที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีนั้นเหนือกว่ามาก เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ พวกเขาคิดว่า “ถ้าอยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ”
ประวัติศาสตร์ที่ตามมาบอกว่าพวกเขา “คิดผิด” อย่างน้อยก็ในระยะสั้นอีกเกือบ 1 ปี หลังจากนั้น เพราะดัชนีตลาดหลักทรัพย์หลังจากสิ้นปี 2540 ตกลงไปอีกมากและเหลือแค่ 215 จุดเมื่อสิ้นเดือนสิงหาคม 2541 เป็นการตกลงอีกถึง 42% ใน 8 เดือน “วิกฤติ” กลายเป็น “หายนะ” ซ้ำ ว่าที่จริงดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 2539 ก่อนวิกฤติเศรษฐกิจ...