ส่องบรรยากาศ การลงทุน “เวียดนาม”

Hanoi- เริ่มมีย่านการค้าทำเลทอง
– มีห้างสรรพสินค้าลอตเต้สัญชาติเกาหลี
– มีห้างบิ๊กซีจากไทยเข้าไปลงทุน
– มีการก่อสร้างโครงการมิกซ์ยูส โดย “แคปปิตัลแลนด์” สัญชาติสิงคโปร์
– ส่วนของทุนท้องถิ่นก็ไม่เบาเลย
มีการขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมอย่างยานยนต์ที่ Vingroup เพิ่งจะทำคลอดรถแบรนด์ “Vin Fast” สัญชาติเวียดนามออกมาต้นปีนี้ -พร้อมเปิดตัวสมาร์ทโฟนแบรนด์ “Vsmart” ของบริษัทเป็นครั้งแรก

————-
ซี.พี.เวียดนาม
————
บิ๊กธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนธุรกิจปศุสัตว์ครบวงจร Feed-Farm-Food ในเวียดนาม นาน 25 ปี จนเติบโตเป็นท็อป 5 ในตลาดอาหารเวียดนาม ได้เล่าว่า

“เวียดนามมีจุดเด่นสามารถเป็นได้ทั้งฐานการผลิตและฐานการตลาด เพราะ
– มีประชากรเวียดนามมากถึง 97 ล้านคน
– มีอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรปีละ 1% ที่สำคัญ ประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน มีอายุเฉลี่ย 31 ปี จึงมีความต้องการบริโภคสูงขึ้น
– มีแรงงานจำนวนมาก ค่าแรงงานต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอาเซียนอื่น
– ภูมิประเทศมีชายฝั่งทะเลยาวจึงมีการพัฒนาท่าเรือ และมีทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์
– อัตราการขยายตัวของจีดีพีเฉลี่ย 6.5% รายได้ประชากรต่อหัวต่อปีประมาณ 2,629 เหรียญสหรัฐ
–  “การเมือง” ที่มีเสถียรภาพ ทำให้มีการขับเคลื่อนนโยบายมีเอกภาพและมีความต่อเนื่อง โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจ มีการปฏิรูปเศรษฐกิจ เปิดกว้าง มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ ตามนโยบาย “Doi Moi” จัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 10 ปี (ปี 2010-2020) ซึ่งทุก ๆ หน่วยงานต่างเดินหน้าไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
– ด้านการค้าระหว่างประเทศก็มีความได้เปรียบ เพราะได้มีการทำความตกลงเปิดเขตการค้าเสรีต่าง ๆ ทั้งกรอบอาเซียน  อาเซียน+6 หรือ RCEP เอฟทีเอกับอียู เกาหลี ออสเตรเลีย และความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ซึ่งพัฒนามาจากความตกลง TPP ที่สหรัฐถอนตัวออก”ทาง ซี.พี.มองข้ามชอตว่า การลงทุนในเวียดนามจะช่วยขยายตลาดไปยัง CPTPP ได้ เพราะไทยยังไม่เข้าร่วมความตกลงนี้

ไทยลงทุนในเวียดนามเป็นอันดับ 9 เช่น บริษัท Thaibev, SCG และ อาปิโก ไฮเทค เป็นต้น

ในอีกมุมหนึ่ง เมื่อมีการลงทุนในเวียดนามมากขึ้น นำมาสู่นโยบายจัดระเบียบการนำเข้าสินค้าต่าง ๆ สร้างกำแพง เพื่อรักษาความเป็นฐานผลิตใหญ่ในอาเซียน โดยจะเห็นว่าเมื่อต้นปี 2561 รัฐบาลเวียดนามบังคับให้ผู้นำเข้ายานยนต์สำเร็จรูปต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานโดยห้องแล็บเวียดนาม ส่งผลกระทบต่อไทยและอินโดนีเซียซึ่งเป็นเจ้าตลาดที่ส่งออกสินค้ายานยนต์

อย่างไรก็ตามปี 2561 เวียดนามนำเข้ารถเพิ่มขึ้น 21.6%
แม้ว่าปมนำเข้ารถยนต์จะลุล่วงไปเปลาะหนึ่ง แต่ในอนาคตไทยจะต้องปรับมุมมองในทางการค้าและการลงทุนกับเวียดนาม เพื่อหลบกำแพงการจัดระเบียบการนำเข้า โดยอาจหันไปตั้งฐานการผลิต หรือสร้างความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจอย่างเข้มข้นกับเวียดนาม เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจต่อไป

สรุปข่าวจาก

ส่องบรรยากาศ การลงทุน “เวียดนาม”