Pinduoduo แพลตฟอร์มการซื้อขายสินค้าที่ส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง


PDD Holdings บริษัทเจ้าของ E-commerce ชื่อดังอย่าง Pinduoduo แพลตฟอร์มการซื้อขายสินค้าที่ส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ซึ่งหาก สั่งซื้อสินค้าเป็นจานวนมากทางผู้ใช้งานจะได้ราคาที่ย่อมเยาว์ และ Temu แพลตฟอร์มการซื้อขายที่เน้นสินค้าแฟชั่น โดยรายได้หลักของบริษัทมาจาก ธุรกิจค้าขายออนไลน์ทั้งหมดและรายได้ทั้งหมดมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ แต่จด ทะเบียนท่ีตลาด NASDAQ ที่สหรัฐฯเท่านั้น

เผยผลประกอบการ 1Q23 รายได้รวมออกมาดีกว่าคาดปรับตัวเพิ่มขึ้น +58%YoY อยู่ที่ $5.48bn และกาไรต่อหุ้นออกมาดีกว่าคาดอยู่ที่ $1.01 หนุน มาจากการฟิ้นตัวของธุรกิจ E-commerce จากช่วงโควิดที่ผ่านมา ส่งผลให้ รายได้จากการทาธุรกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น +86%YoY อยู่ที่ $1.51bn รวมทั้ง Jiazhen Zhao ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม กล่าวว่าบริษัทมีแนวโน้มที่จะ เติบโตได้ดีในปีนี้ และพร้อมที่จะขยายธุรกิจให้แข็งแกร่งมากข้ึน
ข้อมูลจาก Bloomberg รายงานว่า Temu ได้เข้าไปเจาะตลาดฝั่งสหรัฐฯเพื่อ แข่งขันกับ Amazon (AMZN US) โดยขณะนี้มีการเร่งจัดกิจกรรมส่งเสริมการ ขายเป็นอย่างมาก เพื่อเชิญชวนให้ผู้คนเข้ามาซื้อของในแพลตฟอร์มนี้ทาให้ บริษัทขาดทุนอยู่ที่ $30 ต่อคาสั่งซื้อเพื่อดึงให้ผู้คนมาใช้งาน โดยบริษัทมีการ ออกค่าขนส่งระหว่างประเทศให้ อย่างไรก็ตามในระยะยาวแล้วบริษัทคาดว่า ลูกค้าของ Temu ในสหรัฐฯจะใช้จ่ายต่อคนต่อปีโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ $1,500 โดย บริษัทมีแผนการจะทุ่มเงินลงทุนกว่า $1.4bn ในปีนี้ และ $4.3bn ในปีหน้า สาหรับค่าโฆษณาต่างๆ เพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาดจาก Amazon
บริษัทมีแผนการที่จะย้ายสานักงานใหญ่จากจีนไปที่ไอร์แลนด์ในเร็วๆนี้โดย นักวิเคราะห์จาก CNBC คาดว่าสาเหตุคือเพื่อขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ เพิ่มเติมหลังจากที่เพิ่งเปิดตัว Temu ไป เมื่อ ก.ย. 22 ที่มียอดดาวน์โหลด มากกว่า 50 ล้านครั้งภายใน 1 เดือนหลังเปิดตัว หากเทียบกับคู่แข่งอย่าง Shein บริษัทค้าปลีกสินค้าแฟชั่นสัญชาติจีนที่ใช้เวลาเกือบ 3 ปีถึงจะมียอดดาวน์โหลด ระดับนั้นได้ ทั้งนี้ไอร์แลนด์เป็นประเทศที่บริษัทเทคฯยักษ์ใหญ่หลายบริษัทได้เข้า ไปตั้งสานักงานยกตัวอย่างเช่น Meta (META US) และ Apple (AAPL US) เนื่องจากอยู่ในสหภาพยุโรปและมีภาษีนิติบุคคลอยู่ระดับต่ากว่าประเทศอื่น
มุมมองของนักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs และBloomberg
นักวิเคราะห์จากทาง Goldman Sachs ประมาณการว่ารายได้รวม 2Q23 จะ ขยายตัว +26%YoY เนื่องจากการปล่อยโฆษณาทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นที่คาดว่า จะส่งผลให้ยอดขายเติบโตมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง Bloomberg คาดการณ์ว่าช่วง เทศกาลชอปปิ้งในช่วง 2Q23 ของจีน ผลกาไรของบริษัทมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้น เนื่องจากการเร่งจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อเข้าแข่งกันกับคู่แข่งอย่างเช่น Alibaba (9988 HK, BABA US) และ JD.com (9618 HK, JD US)
Revenue Breakdown
รายได้จากการค้าขายออนไลน์
100.0%
ขอบคุณ Global Trading finansia

VVI Membership

ดูรายละเอียดและสมัครได้ที่ https://class.vietnamvi.com

หรือ ติดตามเราได้ที่

– Youtube: youtube.com/c/vietnamvi

– Line Official Account:@vietnamvi

– www.vietnamvi.com

– ห้องคุยหุ้นเวียดนามฯ facebook.com/groups/473890360486727

– E-mail: info@vietnamvi.com