ภาพปัญหาอสังหาเวียดนาม หมู่บ้านร้าง โครงการล้ม หุ้นกู้ผิดนัดชำระ เต็มหน้าฟีดแอดจากสื่อไทยในช่วงนี้
แน่นอนว่าอสังหาสัญชาติเวียดนามกำลังมีปัญหา
แต่อีกมุมหนึ่ง ปี 2565 ตลาดอสังหาริมทรัพย์เวียดนาม
ได้รับเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) สูงกว่าปีก่อนหน้า 70%
แตะ 4,450 ล้านดอลลาร์ (153,260 ล้านบาท)
เน้นไปที่โครงการอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่
ณ วันที่ 20 ธันวาคม 65 FDI ทั้งหมดในภาคอสังหานี้ มูลค่ารวม 66,300 ล้านเหรียญสหรัฐ (2.3 ล้านล้านบาท) คิดเป็น 15.1% ของภาระผูกพัน FDI ทั้งหมดสะสมในประเทศ
ตัวอย่าง1. จากต้นปี - 20 ก.พ.66 อสังหาเวียดนามดึงดูด FDI เกือบ 396.9 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วกว่าสามเท่า แม้ว่าสภาพแวดล้อมอสังหาในประเทศจะตกต่ำก็ตาม
Samsung และ LG ได้ประกาศแผนการขยายธุรกิจ จาก 2 พันล้านดอลลาร์ เป็น 4 พันล้านดอลลาร์จากภายหลัง 3. Apple จะเริ่มผลิต MacBooks ในเวียดนามภายในกลางปี 2023 ด้วยเงินลงทุนมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ 4....
โลกในมุมมองของ Value Investor 25 กุมภาพันธ์ 2566
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เวลาผ่านมาเกือบ 2 เดือนของปี 2566 แล้ว แต่ดัชนีตลาดหุ้นไทยดูเหมือนจะไม่สามารถปรับตัวขึ้นไปได้แม้ว่าหลายคนจะมีความหวังว่าปีนี้ตลาดน่าจะให้ผลตอบแทนบ้างหลังจากที่นิ่งมานานเกือบ 10 ปี และปีที่แล้วดัชนีก็แทบจะไม่ขยับเลย นอกจากนั้น หลังจากที่มีการประกาศตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาศ 4 ที่ “ผิดคาด” และ “น่าผิดหวัง” ในช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อนที่ 1.4% และทั้งปี 2565 ที่ 2.6% จากตัวเลขที่คาดไว้ 3.2% ตลาดก็ “ช็อก”
แต่ที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นตกหนักกว่าก็คือการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนเมื่อสัปดาห์ก่อนที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทจดทะเบียนจำนวนมากมีผลประกอบการไตรมาศ4 ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ล่าสุดคือเมื่อวันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็ติดลบไปแล้วประมาณ 2% นับจากต้นปี ซึ่งก็อาจจะดูว่าไม่ได้มากมายอะไร อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของโลกรวมถึงไทยก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเอื้ออำนวย หลายคนคิดว่าปีนี้อาจจะไม่ดีอย่างที่คิด ผมจึงอยากทบทวนว่าปีนี้ตลาดหุ้นไทยอาจจะต้องเจอ “มรสุม” อะไรบ้างที่อาจจะทำให้หุ้น “เลวร้าย” ไปอีก 1 ปี
เรื่องแรกก็คือการเติบโตทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างดีจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น “เท่าตัว” และอาจจะถึง 30 ล้านคน...
.
เครือ เซ็นทรัล รีเทล ได้เริ่มเข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนามตั้งแต่ปี 2012 และมีการขยายธุรกิจต่อเนื่องจนปัจจุบันเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมค้าปลีกของประเทศ
.
ปัจจุบัน เครือ เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม
มีห้างสรรพสินค้าและร้านค้ากว่า 340 แห่ง ในกว่า 40 จังหวัดทั่วประเทศ
มีพื้นที่เช่ารวมกว่า 1 ล้าน ตารางเมตร
ต้อนรับลูกค้ามากกว่า 390,000 คนในแต่ละวัน
และจ้างงานพนักงานกว่า 15,000 คน
.
.
ธุรกิจในเครือเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก:
Property - ให้เช่าพื้นที่ค้าปลีก ภายใต้แบรนด์ GO! และ go!Food - ไฮเปอร์มาร์เก็ตและซูเปอร์มาร์เก็ต และ แพลตฟอร์ม e-commerce ภายใต้แบรนด์ GO! Hypermarket, BigC, TopsMarket, LanchiMart, และ BipBipNon-Food - Nguyen Kim (เครื่องใช้ไฟฟ้า), LOOKKOOL (สินค้าของใช้ในบ้าน ของตกแต่ง เครื่องเขียน ฯลฯ), Supersports (อุปกรณ์กีฬา), Robins (แฟชั่น...
.
.
TNG Investment And Trading Joint Stock Company (TNG), เดิมชื่อ Bac Thai Garment Factory, ก่อตั้งเมื่อปี 1979
ผลิตและจำหน่าย สิ่งทอ เช่น เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ชุดเครื่องนอน รวมถึง บรรจุภัณฑ์กระดาษ พลาสติก วัสดุและอุปกรณ์ตัดเย็บ เครื่องจักร ฯลฯ
นอกจาก รับจ้างผลิตสินค้าให้แบรนด์ระดับโลกเช่น Nike, Adidas, Calvin Klein, Columbia, และ Fila แล้ว TNG ยังผลิตสินค้าเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ตนเองชื่อ TNG Fashion ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นเวียดนาม
และ บริษัทยังลงทุนใน โครงการ นิคมอุตสาหกรรม (TNG Son Cam Eco-Industrial) และ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย (TNG Village) ซึ่งชูจุดเด่นทางด้านความยั่งยืนและ Eco-friendlyness ด้วย
.
.
ผลประกอบการ
รายได้รวมปี 2020 = 6,720 ล้านบาทปี 2021 =8,165 ล้านบาท...
โลกในมุมมองของ Value Investor 18 กุมภาพันธ์ 2566
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ช่วงเร็ว ๆ นี้ โดยเฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นขนาดกลางและเล็กหลายตัวและหลาย “กลุ่ม” ที่มีความสัมพันธ์กันทางด้านบริษัทและผู้ถือหุ้นใหญ่ ตกลงมาแรงอย่าง “พร้อมเพรียงกัน” บางตัวและบางกลุ่มตกลงมาแล้วถึง 30-50% จากจุดสูงสุด โดยที่เหตุผลส่วนใหญ่ก็คือ ผลประกอบการหรือการคาดการณ์ว่าผลประกอบการที่ประกาศ “น่าผิดหวัง” แต่ที่จริงบางตัวก็ไม่ได้น่าผิดหวังมาก กำไรยังโตขึ้นด้วยซ้ำแต่ก็เป็นการโตที่น้อยกว่าที่ตลาดคาด ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ผลประกอบการที่แย่ลงแค่นั้นโดยปกติก็ไม่น่าจะทำให้ราคาหุ้นต้องตกลงมาขนาดนั้น
สิ่งสำคัญที่ทำให้หุ้นตกหนักมากน่าจะอยู่ที่ปรากฎการณ์ที่ผมเรียกว่า “Corner แตก” ซึ่งความหมายก็คือ หุ้นเหล่านั้นถูก “Corner” หรือ “ต้อนเข้ามุม” หรือกวาดซื้อโดยเฉพาะจากนักลงทุนรายใหญ่ที่อาจจะไม่สนใจเรื่องของ “มูลค่าพื้นฐานของหุ้น” มาก่อน ซึ่งทำให้ราคาหุ้นสูงผิดปกติไปมาก บางทีหลาย ๆ เท่าเมื่อเทียบกับมูลค่าที่แท้จริง และในกระบวนการที่หุ้นวิ่งขึ้นไปแรงและสูงมากนั้น ทำให้มีคนเชื่อและมีนักลงทุนโดยเฉพาะรายย่อยจำนวนมากเข้าร่วมเล่นเก็งกำไรในหุ้นตัวนั้นโดยที่คิดว่ามันคือ “หุ้นดีสุดยอด” แต่เมื่อผลประกอบการออกมาที่แสดงว่ามันไม่จริงหรือเป็นเรื่องหลอกลวง คนบางคนก็เทขายหุ้น ทำให้หุ้นตก และก็ทำให้คนอื่นเทขายตามในขณะที่คนซื้อโดยเฉพาะที่เป็นรายใหญ่ “รับไม่ไหว” หุ้นจึงตกลงมาแรง
คนที่เล่นหุ้นที่ถูก Corner รวมถึงรายใหญ่ที่เป็นคน Corner หุ้นนั้น จำนวนมากอาศัยการกู้เงินหรือซื้อหุ้นด้วยมาร์จิน เพื่อ “เพิ่มพลัง” การเล่นและการทำ...
.
.
ตลาดกระเป๋าเงินอิเล็คทรอนิกส์ หรือ e-wallet ในเวียดนามกำลังเติบโตและคาดว่าจะมีผู้ใช้งานถึง 50 ล้านคนภายในเดือนกรกฎาคม 2567 นี้
จากรายงานของ Robocash Group ตลาด e-wallet ในเวียดนามกำลังเฟื่องฟู และส่วนแบ่งการตลาดหลักๆ อยู่ในมือของเจ้าตลาดเพียงไม่กี่เจ้า เช่น Momo , Viettel และ Zalo แม้จะมีการแข่งขันดุเดือดจากผู้เล่นกว่า 40 รายก็ตาม
ส่วนแบ่งการตลาดปัจจุบัน (ข้อมูลเดือน ตุลาคม 2565)Momo 45.8%ViettelPay 19.5%ZaloPay 17.5%ShopeePay 14.1%VNPTPay 2.6%Moca 0.6%
Robocash Group ประมาณการว่าภายในเดือนพฤษภาคม 2569 ตลาด e-wallet จะมีผู้ใช้งาน 100 ล้านราย และ ภายในเดือนกรกฎาคม 2573 อาจสูงถึง 150 ล้านราย
ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ใช้งาน e-wallet เพิ่มขึ้นสูงถึง 330% จาก 12.3 ล้านคนเป็น 41.3 ล้านคน
คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 57% ของประชากรผู้ใหญ่ในประเทศ ซึ่งเป็นการเติบโตที่ก้าาวกระโดด...
.
AST: TASECO AIR SERVICES
ยิ้มได้... เมื่อทัวร์มา...
.
ชื่อย่อ AST ก่อตั้งปี 2005
.
Taseco Air Services ดำเนินธุรกิจด้านบริการเชิงพาณิชย์ในสนามบินหลักๆในเวียดนามเช่น Da Nang Int’l Airport , Noi Bai Int’l Airport (Hanoi)
โดยมีกิจการร้านค้าปลีกโรงแรมบริการข้อมูลการท่องเที่ยวบริการรับ-ส่งผู้โดยสารร้านอาหารป้ายโฆษณาและจำหน่ายซิมโทรศัพท์เป็นต้น
ตัวอย่าง ร้านค้าปลีกในเครือ AST ได้แแก่ JDV Jalux จำหน่ายสินค้าเครื่องสำอางน้ำหอมและ Lucky Gift Shop จำหน่ายขนมของฝากของที่ระลึก
.
.
ผลประกอบการ
รายได้รวมปี 2020 = 539 ล้านบาทปี 2021 = 231 ล้านบาท (ลดลง -57.14% YoY)ปี 2022 = 905 ล้านบาท (เติบโต +291.8% YoY).
กำไรปี 2020 = -73.5 ล้านบาทปี 2021 = -177.1 ล้านบาท (ลดลง...
ข่าวน่าสนใจ
ตลาดเบียร์เวียดนามแข่งเดือด… สองยักษ์ใหญ่ SABECO-HABECO เผาเงินกว่าล้านล้านดอง
Admin - NAN - 0
การแข่งขันเพื่อ "ผลาญเงิน" ในการโฆษณาและการตลาดเพื่อเพิ่มการจดจำแบรนด์ในอุตสาหกรรมเบียร์เวียดนามนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อรายได้ต่อดอลลาร์ที่ใช้ไปกับกิจกรรมนี้มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ
ในปี 2565 เวียดนามรั้งอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอันดับ 3 ในเอเชียในแง่ของการบริโภคแอลกอฮอล์เฉลี่ยต่อคนคนเวียดนามดื่มเบียร์ประมาณ 170 ลิตรต่อปีเห็นได้ชัดว่าตลาดเบียร์ในเวียดนามนั้นมีขนาดใหญ่แต่ก็แข่งขันรุนแรงมากเช่นกัน
ตลาดเบียร์ของเวียดนามถูกครอบครองโดยแบรนด์หลัก 4 แบรนด์ได้แก่ Heineken, Sabeco, Carlsberg และ Habeco โดยมีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันมากกว่า 90% และเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด "รายใหญ่" เหล่านี้ต้องทุ่มเงินหลายล้านล้านด่องต่อปีในการโฆษณาและส่งเสริมการขาย
ตั้งแต่ปี 2015 จนถึงปัจจุบัน Sabeco (SAB) ใช้จ่ายมากกว่าล้านล้านด่องต่อปีไปกับการโฆษณาและการส่งเสริมการขายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาตัวเลขนี้พุ่งสูงถึงเกือบ 2.2 ล้านล้านในปี 2021 และสูงกว่า 3,000 พันล้านในปี 2022 จำนวนเงินที่ Sabeco ใช้จ่ายในการโฆษณาในแต่ละปีนั้นสูงกว่ารายได้ขององค์กรส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมเดียวกันในตลาดหลักทรัพย์
มวยรองอย่าง Habeco (BHN) ก็ไม่น้อยหน้า บริษัทใช้จ่ายหลายแสนล้านด่องต่อปีในการโฆษณาและส่งเสริมการขาย ในปี 2565 แคมเปญของ Habeco เพื่อเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์นั้นรุนแรงมากขึ้น ค่าใช้จ่ายส่วนนี้พุ่งสูงถึงเกือบ 650 พันล้าน แต่ก็ยังไม่เท่ากับระดับก่อนเกิดโรคระบาด (2562)
อันที่จริงแบรนด์เบียร์ Habeco และฮานอยเคยเป็นชื่อชั้นนำในตลาดภาคเหนือด้วยกลุ่มราคาต่ำและราคาไม่แพงธุรกิจนี้ไม่ต้องเสียค่าโฆษณาและการตลาดมากแต่ยังทำรายได้สูงทุกปีอย่างไรก็ตามส่วนแบ่งการตลาดของธุรกิจนี้ลดลงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
จุดอ่อนอย่างหนึ่งของ Habeco อยู่ที่กิจกรรมทางการตลาดและการสร้างแบรนด์ แม้ว่าการใช้จ่ายในการโฆษณาและกิจกรรมทางการตลาดจะเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา...
โลกในมุมมองของ Value Investor 4 กุมภาพันธ์ 2566
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
คนที่คิดถึงความก้าวหน้าและชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคตนั้น ต่างก็จะต้องมี “ความฝัน” ก่อน และหลังจากนั้นก็จะต้องตามด้วยกลยุทธ์และการปฏิบัติตนที่จะทำให้ความฝันนั้น “เป็นจริง” ยิ่งความฝันนั้นแรงกล้าและการปฏิบัติเต็มไปด้วย “ศรัทธา” คือเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำและทำอย่างต่อเนื่องไม่ท้อถอย โอกาสสำเร็จก็จะมากขึ้น
“ความฝัน” ที่กล่าวถึงนั้น ไม่ใช่เรื่องของการนอนหลับแล้วฝันไปแม้ว่านั่นจะเป็นส่วนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของการคิดถึงสิ่งดี ๆ ที่ตนเองอยากเห็นอยากเป็นแต่ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้จากสถานะที่เป็นอยู่ในขณะนั้น ซึ่งบางทีเราก็เรียกว่าเป็น “จินตนาการ” ซึ่งก็เป็นสิ่งที่อยู่ในยีนของมนุษย์ มาช้านานและก็ทำให้มนุษย์เจริญก้าวหน้ามากกว่าสัตว์อื่นมาก ลองมาดู “ความแรงกล้า” ของความฝันในสังคมมนุษย์กัน
“เมื่อมีชีวิต ทุกคนมีสิทธิ์ จะฝัน ต่างจิตใจกัน ต่างก็เลือกฝัน กันไป ฝันเป็นเศรษฐี ฝันมีคนจ้อง เอาใจ ฝันกันจนเหนื่อยไป ชอบฝันเกินกายของตน จิตของมนุษย์ สุดจะสรร ชอบเอาความฝันมาลิขิต ชีวิตคน ฝันกลางฤดูฝน ฝนบ้า ฟ้าบ่น พาจิตคน ฝันร้าย.. นรก สวรรค์ ฝันไม่ศักดิ์สิทธิ์ ดังหมาย ฝันเพียงภาพ ลวงใจ เขตฝันเกินกาย ของคน”
นั่นคือเนื้อร้องของเพลงดัง “ฝันกลางฤดูฝน”...
.
หัวข้อ: หมัดต่อหมัด "ไทย vs เวียดนาม" ใน 10 ปีข้างหน้า
.
บทสัมภาษณ์
ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย
ดำเนินรายการโดย คุณ ศิรัถยา อิศรภักดี
ออกอากาศวันที่ 3 ก.พ. 2566
.
.
GDP VN ประมาณ 60% ของ GDP THปัจจุบัน รวมถึงอีก 10 ปี... รายได้ต่อหัวของเวียดนามก็ยังต่ำกว่าไทยเวียดนามพึ่งพิงการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ในขณะที่ไทย พึ่งพิงการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
.
ปัจจัยที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติของเวียดนาม
ความมั่นคงของรัฐบาลและหน่วยงานปกครองกฎหมายและมาตรการการลงทุนที่เป็นมิตรต่อต่างชาติเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ เช่น แร่ธาตุ น้ำมัน พลังงานต่างๆมีการพัฒนาเส้นทางขนส่งสินค้าและสาธารณูปโภคอย่างต่อเนื่องมีขนาดตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่และกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นต้นทุนแรงงานที่ถูกและมีประสิทธิภาพมีข้อตกลงทางการค้า (FTA) จำนวนมาก
ตัวอย่าง กลุ่มอุตสาหกรรม ที่นักลงทุนต่างชาติสนใจ
อิเล็กทรอนิคส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเสื้อผ้าและสิ่งทอประมงการก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างค้าปลีกพลาสติก
จุดเด่นของประเทศไทย
การบริการ - HOSPITALITYสินค้าที่มีคุณภาพ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ สินค้าเคมีภัณฑ์
ความท้าทายของทั้งไทยและเวียดนาม
ต้องเร่งพัฒนา แรงงานที่มีทักษะ ที่มีความรู้ทางด้านภาษา เทคโนโลยี เป็นต้นทั้งสองประเทศ ได้รับผลกระทบจากนโยบาย เศรษฐกิจมหภาค ค่อนข้างมากDe-globalizationราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นของ น้ำมัน และ สินค้าโภคภัณฑ์ เนื่องจากเป็นต้นทุนการผลิตสินค้าหลากหลายภัยธรรมชาติ (โดยเฉพาะในเวียดนาม)โครงสร้างประชากรที่จะมีสัดส่วนวัยแรงงานน้อยลง และ สัดส่วนผู้สูงอายุมากขึ้น
คำแนะนำต่อ...