.
DBC: DABACO GROUP
จะหมูจะไก่... ไว้ใจ DABACO
.
ชื่อย่อ DBC ก่อตั้งปี 1996
.
Dabaco ดำเนินกิจการด้านการเกษตรโดยเน้นผลิตภัณฑ์
อาหารสัตว์ปศุสัตว์การผสมพันธุ์สัตว์ปีกและแปรรูปอาหาร
นอกจากนี้บริษัทยังลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นิคมอุตสาหกรรม
รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานในเขตเมืองด้วย
DABACO มี
> โรงงานอาหารสัตว์ 6 แห่งกำลังการผลิตรวม 85 ตันต่อชั่วโมง
> ฟาร์มเพาะพันธุ์สุกรและไก่ที่มีพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ระดับท๊อป
> เกษตรพันธสัญญา (Contract Farming) กับเกษตรกรทั่วประเทศ
> โรงงานผลิตอาหารและสายการแปรรูปอาหารที่ทันสมัย
นำมาผลิตผลิตภัณฑ์เช่นไส้กรอกเนื้อสัตว์เป็นต้น
.
.
ผลประกอบการ
รายได้รวมปี 2020 = 15,032 ล้านบาทปี 2021 = 16,219 ล้านบาท (เติบโต +7.9% YoY)ปี 2022 = 18,404 ล้านบาท (เติบโต +13.47% YoY).
กำไรปี 2020 = 2,100 ล้านบาทปี 2021 = 1,244 ล้านบาท (ลดลง -40.76 YoY)ปี 2022 = 225 ล้านบาท (ลดลง -81.9% YoY).
งบการเงินMarket cap...
.
.
ร้านขายยา (Drug Store) มีการขยายตัวอย่างมาก จากข้อมูลขององค์กรวิจัยตลาด IQVIA ในปี 2559 เวียดนามมีร้านขายยา 55,300 แห่ง โดยมีร้านค้า 185 แห่งในเครือร้านขายยาสมัยใหม่ ในปี 2564 จำนวน ร้านขายยาทั้งหมดลดลงเหลือ 44,600 แห่ง แต่จำนวนร้านค้าในเครือข่ายร้านขายยาแบบสมัยใหม่เพิ่มข้ึน 1,600 แห่ง
.
ในปี 2565 จำนวนเครือข่ายร้านขายยาสมัยใหม่ขนาดใหญ่ยังเพิ่มข้ึนอย่างต่อเนื่อง นับถึงเดือน กรกฎาคม 2565
จำนวนร้านค้าในเครือ Pharmacity เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 40
ร้านค้าในเครือ Long Chau เพิ่มข้ึนมากกว่าร้อยละ 70
และร้านค้าในเครือ An Khang เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2564
ทำให้บริษัทขนาดใหญ่ในเวียดนามให้ความสนใจท่ีเปิดเครือข่ายร้านขายยา อาทิ บริษัท Wincommerce ซึ่งเป็น เจ้าของร้านสะดวกซื้อ Winmart ที่มีร้านค้า 3,000 แห่ง และบริษัท Viettel ซึ่งเป็นเจ้าของเครือข่ายค้าปลีกของร้าน โทรคมนาคม 370 แห่ง
บริษัทหลักทรัพย์ SSI กล่าวว่า ร้านขายยา แบบสมัยใหม่กำลังได้รับส่วนแบ่งการตลาดจากร้านขายยา แบบดั้งเดิมเนื่องจากรัฐบาลค่อยๆ...
.
.
ตามรายงานของกรมศุลกากรเวียดนาม เวียดนามมีการนำเข้ารถยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยจำนวน 173,467 คัน มูลค่า 3.84 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2565 ซึ่งสูงกว่าสถิติก่อนหน้านี้ที่ประมาณ 160,000 คันในปี 2564
ตัวเลขดังกล่าวแสดงถึงปริมาณที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 และมูลค่าที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564
ในเดือนธันวาคม 2565 การนำเข้ารถยนต์ทั้งหมด 21,896 คัน รวมมูลค่า 431.55 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นการนำเข้ามากเป็นอันดับสองของปี รองจากเดือนพฤศจิกายนที่มีประมาณนำเข้า 23,000 คัน
ประเทศอินโดนีเซียและไทยเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม
โดยเวียดนามนำเข้ารถ 72,671 คันจากอินโดนีเซีย ด้วยมูลค่ารวมกว่า 1.05 พันล้านเหรียญสหรัฐ และจากไทย 72,032 คัน ด้วยมูลค่า 1.43 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนอันดับสามคือประเทศจีน ด้วยจำนวน 17,340 คัน และมูลค่า 714.5 ล้าน
เหรียญสหรัฐ
และจำนวนรวม 162,043 คัน จากทั้งสามนี้ คิดเป็นร้อยละ 93.4 ของการนำเข้ารถยนต์
ทั้งประเทศ
ทั้งอินโดนิเซียและไทย ได้เปรียบจากมาตรการภาษีนำเข้าพิเศษร้อยละ 0 สำหรับรถยนต์ที่ประกอบและผลิตในประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ส่งไปขายที่ประเทศเวียดนาม
และกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นของตลาดพร้อมกับความนิยมในรถยนต์นำเข้าของชาวเวียดนาม ได้สร้างแรงผลักดันให้กับผู้ประกอบการและผู้จัดจำหน่ายที่นำเข้ารถยนต์จำนวนมากมายังเวียดนาม
.
ขอบคุณข้อมูลจาก: สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์
.
______________________________
VVI...
โลกในมุมมองของ Value Investor 28 มกราคม 2566
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
นักลงทุนที่เป็น Value Investor หรือ VI นั้น มีหลาย “ระดับ” ของการเป็น “VI” ซึ่งมีนิยามอย่างสั้นที่สุดก็คือ “การลงทุนซื้อหุ้นจะซื้อเฉพาะหุ้นที่มี Intrinsic Value หรือมูลค่าที่แท้จริงสูงกว่าราคาตลาดของหุ้นมากพอที่จะทำให้มี Margin of Safety หรือส่วนเผื่อของความปลอดภัยในการลงทุน และขายหุ้นเมื่อราคาสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง” ส่วนรายละเอียดว่าอะไรคือมูลค่าที่แท้จริง ประเมินอย่างไรและมีความแน่ใจแค่ไหน และมาร์จินออฟเซฟตี้ควรจะประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกันและแต่ละคนก็จะคิดไม่เหมือนกัน นอกจากนั้น กลยุทธ์การถือหรือซื้อขายหุ้น เช่นถือหุ้นจำนวนมากน้อยแค่ไหนหรือจะถือยาวแค่ไหน เช่นเดียวกับวิธีการค้นหาข้อมูลและประเมินศักยภาพของกิจการและผู้บริหาร ก็เป็นเรื่องที่มีความแตกต่างกันมากในหมู่ของนักลงทุนที่เรียกตัวเองว่าเป็น “VI”
จากการเป็น VI มายาวนานในตลาดหุ้นไทย และการศึกษา VI ที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวที่มีชื่อเสียงระดับโลกรวมถึงวอเร็น บัฟเฟตต์ ผมเองรู้สึกว่า “VI ผู้มุ่งมั่น” หรือ VI ที่มีความทุ่มเทหรือยึดถือหลักการทาง VI “อย่างเคร่งครัด” นั้น มักจะตีตัวออกห่างจากสถานการณ์ของตลาดหลักทรัพย์ เช่นไม่รู้สึกตื่นเต้นกับราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นไปแบบ “ไร้เหตุผล” หรือ “บ้าคลั่ง” เช่นเดียวกับการที่ไม่ตกใจหรือไม่กลัวเวลาหุ้นตกลงไปอย่างแรง ...
.
หัวข้อ: ทำไมตลาดอินโด (Indonesia) เวียดนาม (Vietnam) มาแรงในภาวะเศรษฐกิจถดถอย - Money Chat Thailand
.
บทสัมภาษณ์
ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ
ผู้อำนวยการอาวุโส และหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
คุณโน้ต พสุวุฒิ วิไลนิรันดร์
หัวหน้าฝ่ายจัดการกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด
.
หมายเหตุ: ทางเพจขออนุญาตนำเนื้อหาบางส่วนมาเท่านั้น โดนเน้นช่วงที่เกี่ยวข้องกับ ตลาดหุ้นเวียดนาม
.
.
ภาพใหญ่
คนชอบไปตอนที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเยอะมากๆ แต่ราคาที่เพิ่มขึ้นก็มาพร้อมความเสี่ยงที่มากขึ้นปีที่แล้ว ตลาดหุ้นเวียดนาม ลงมาแล้ว 35% ตอนนี้ PE ตลาด อยู่ประมาณ 10-11x ซึ่ง -2SD จากค่าเฉลี่ย 10 ปีเศรษฐกิจเวียดนาม จะโตแบบทบต้นไปเรื่อยๆRisk-Reward ตลาดเวียดนาม น่าสนใจที่สุดในภูมิภาคการชะลอตัวของเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐ จะกระทบกับ ภาคการส่งออกของเวียดนามแต่การบริโภคภายในของประเทศยังคงแข็งแกร่ง และ เติบโตเร็วมากดอกเบี้ยในเวียดนามค่อนข้างสูง ดอกเบี้ยนโยบาย 6-7% แต่ถ้าคนทั่วไป เอาไปฝากธนาคาร จะได้ดอกเบี้ยเงินฝากสูงถึง 8-9%...
โลกในมุมมองของ Value Investor 21 มกราคม 2566
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
หุ้นในตลาดหลักทรัพย์จำนวนมาก น่าจะเป็นร้อยตัวขึ้นไป โดยเฉพาะที่เป็นหุ้นขนาดเล็ก น่าจะเป็นหุ้นที่ผมเรียกว่า “อยู่ใน Corner” คือเป็นหุ้นที่ถูกซื้อโดยโดยนักลงทุนโดยเฉพาะที่เป็น “รายใหญ่” และบางครั้งก็รวมถึงผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในปริมาณที่มากกว่าปกติมากจนทำให้เหลือหุ้นจำนวนน้อยที่ “ถูกต้อนเข้ามุม” และหลังจากนั้น ราคาก็มักจะขึ้นไปแรงมากเมื่อมีนักลงทุนเข้าไปซื้อเพิ่มในขณะที่คนขายมักจะไม่อยากขายเพราะคิดว่าหุ้นจะขึ้นไปอีก ซึ่งก็ส่งผลให้หุ้นมีราคาสูงขึ้นไปจน “เกินพื้นฐาน” ไปมาก เช่น วัดจากค่า “PE ปกติ” ตั้งแต่ 40-50 เท่าขึ้นไป ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นบริษัทที่ดีเยี่ยมแบบซุปเปอร์สต็อก หรือมีค่า PE สูงเป็น 2-3 เท่าของบริษัทในธุรกิจเดียวกันทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีความสามารถในการแข่งขันเหนือคู่แข่ง
หุ้นที่อยู่ใน Corner นั้น ไม่ช้าก็เร็ว หุ้นจะตกลงมาแรงมากและกลับมาสู่ราคาพื้นฐานที่ควรจะเป็น สิ่งที่ไม่รู้ก็คือ เมื่อไร? และเมื่อเกิดขึ้นแล้วหุ้นจะตกลงมามากและเร็วแค่ไหน? จากประสบการณ์ของตลาดหุ้นไทย ผมคิดว่าหุ้นที่อยู่ในคอร์เนอร์มักจะมีวันที่จะเป็นจุดเริ่มที่จะ “แตก” หลาย ๆ วันดังต่อไปนี้
วันที่น่ากลัวที่ Corner จะแตกและเกิดกับหุ้นมากที่สุดก็คือ วันประกาศผลประกอบการโดยเฉพาะประจำปีของบริษัท ซึ่งก็กำลังจะเกิดขึ้นและนับต่อจากวันนี้ไปอีกประมาณ 1...
.
KIDO: KIDO Group Corporation
.
ชื่อย่อ KDC ก่อตั้งปี 1993
KIDO Group Corporation คือผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของเวียดนามมีส่วนแบ่งการตลาดไอศครีม 42% และน้ำมันพืช 13%
.
ผลิตภัณฑ์ 4 กลุ่มหลัก:
น้ำมันพืช ภายใต้แบรนด์ Tuong Anไอศครีมและนมภายใต้แบรนด์ Merino และ Celanoขนมขบเคี้ยวภายใต้แบรนด์ Kido’s , Kido’s Bakeryชากาแฟภายใต้แบรนด์ Chuk Tea & Coffee
สัดส่วนกำไรของบริษัทมาจากผลิตภัณฑ์หลัก 2 กลุ่มคือ
น้ำมันพืช (60%) และอาหารอื่นๆ (39%)
ในปี 2020 KDC ออกแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ KIDO’s Bakery เพื่อผลิตขนมหวาน เช่น เค้ก และ ขนมไหว้พระจันทร์ หลังจากเคยขายหน่วยธุรกิจนี้ให้กับ Mondelez Int'l เมื่อปี 2015
และในปี 2021 ได้เปิดร้านชากาแฟ Chuk Tea & Coffee เพื่อขายเครื่องดื่ม และ ขนม...
โลกในมุมมองของ Value Investor 14 มกราคม 2566
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การทำ M&A หรือการควบรวมกิจการในตลาดหุ้นไทยในช่วงหลายปีมานี้ดูเหมือนว่าจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ และที่น่าสนใจก็คือ การควบรวมกิจการในช่วงหลัง ๆ นี้มักจะมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เหตุผลสำคัญผมคิดว่ามาจากการที่เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงอย่างมากในช่วงประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้กิจการขนาดใหญ่โตช้าลงมากจากธุรกิจเดิมของบริษัทที่ทำอยู่ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือการที่อัตราดอกเบี้ยต่ำลงมามากและสภาพคล่องในตลาดสูงมาก ทำให้ต้นทุนในการซื้อกิจการต่ำลงมาก ดังนั้น ผู้บริหารจึงต้องหาหนทางที่จะเติบโตให้เร็วขึ้นโดยการทำ M&A ซื้อทั้งกิจการที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน ธุรกิจต่อเนื่อง และธุรกิจที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องเลยแต่บริษัทคิดว่าตนสามารถที่จะบริหารได้เพราะมีความเข้มแข็งหรือมีความสามารถพอ และที่สำคัญมีเงินหรือสามารถที่จะระดมเงินที่จะซื้อได้โดยแทบจะไม่ต้องเพิ่มทุน
จากการศึกษาประวัติศาสตร์ของการทำ M&A ในตลาดหุ้นอย่างอเมริกานั้น พบว่ามักจะเกิดขึ้นในยามที่เศรษฐกิจดีตลาดหุ้นคึกคัก ในอดีตที่โลกยังไม่เข้าสู่ยุคดิจิทัลนั้น การเทคโอเวอร์หรือควบรวมกิจการมักจะเป็นเรื่องของการขยายตัวแบบ Conglomerate คือซื้อกิจการสารพัดที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิม ซึ่งทำให้บริษัทใหญ่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ได้คำนึงถึงการที่จะทำให้ธุรกิจดีขึ้นหรือนำมาเสริมกับธุรกิจเดิมที่จะก่อให้เกิด “Synergies” ที่จะช่วยลดต้นทุนหรือเพิ่มประสิทธิภาพในทางการตลาดอื่น ๆ ดังนั้น บ่อยครั้ง หลังจากที่ซื้อธุรกิจไปแล้ว ผลการดำเนินงานของธุรกิจที่ซื้อเข้ามาก็ตกต่ำจนบริษัทแม่ต้องขายทิ้ง
อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังที่เป็นยุคไฮเท็คดิจิทัล การทำ M&A มักจะเป็นเรื่องของการซื้อกิจการในธุรกิจใหม่ที่เป็น Startup ที่กำลังเติบโตและอาจจะมาท้าทายกิจการเดิมของตนเอง ซึ่งหลายครั้งก็ก่อให้เกิดผลดีต่อบริษัทอย่างน่าทึ่งนั่นคือ ทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วและเข้มแข็งโดดเด่นทำกำไรให้กับบริษัทมหาศาลอย่างที่เราได้เห็นอยู่ในปัจจุบันที่เป็นกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่เช่นกลุ่ม FAANG เป็นต้น
ในตลาดหุ้นไทยนั้น เหตุการณ์การควบรวมขนาดใหญ่เริ่มทยอยออกมาต่อเนื่อง โดยที่เหตุผลและข้อดีข้อเสียรวมถึงผลกระทบกับราคาหุ้นในแต่ละดีลนั้น ผมจะลองวิเคราะห์แบบหยาบ ๆ ...
.
NLG: NAM LONG INVESTMENT CORPORATIONบริษัทบ้านขวัญใจชนชั้นกลาง
ชื่อย่อ NLG (HOSE)
ก่อตั้งปี 1992
.NAM LONG หรือ NLG คือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ระดับกลางที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปีในเวียดนาม
.
มี 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่:
Land Development พัฒนาที่ดิน แล้วขายที่ดินเปล่า Township & Residential พัฒนาที่พักอาศัย เช่น บ้าน คอนโดConstruction & Services ก่อสร้างCommercial บริหารอสังหาริมทรัพย์ บริการและให้เช่า
.
4 แบรนด์หลัก:
Valora: ทาวน์เฮาส์ วิลล่า (ราคาเริ่มต้น 3.7-5 ล้านบาท)Flora: คอนโดมิเนียม ระดับกลาง (ราคาเริ่มต้น > 1.5 ล้าน)EHomeS: อพาร์ทเมนต์ ที่ NLG พัฒนาร่วมกับหน่วยงานการเคหะนครโฮจิมินห์ (ราคา 8 แสน-1.5 ล้านบาท)EHome: อพาร์ทเมนต์ ระดับเริ่มต้น (ราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท)
.
สัดส่วนรายได้ แบ่งตามหน่วยธุรกิจ
ขายอสังหา...
TNH: THAI NGUYEN INTERNATIONAL HOSPITALเครือโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ของเวียดนาม
ก่อตั้งปี 2014
.TNH คือ ผู้ให้บริการโรงพยาบาลเอกชน ที่มีเครือข่ายครอบคลุมที่สุดในภาคเหนือของเวียดนาม โดยปัจจุบันมี โรงพยาบาลที่เปิดให้บริการแล้ว 2 แห่ง จำนวนเตียงรวมกว่า 750 เตียง
-TNH มีแผนเปิดโรงพยาบาลเพิ่มเติมอีก 3 แห่ง ในจังหวัด Thai Nguyen และ Bac Giang คาดว่าจะเปิดให้บริการช่วงปลายปี 2023
-ปัจจุบัน รายได้เกือบทั้งหมด (98.8%) ของ TNH มาจากการตรวจโรคและรักษาโรค ในขณะที่รายจ่ายหลักมาจาก อุปกรณ์ ยา และ เวชภัณฑ์ (42%) -บุคลากรแพทย์ พยาบาล และผู้ที่เกี่ยวข้อง (33%) และ ค่าเสื่อม (16%)
ณ สิ้นปี 2021 TNH มีสัดส่วนผู้ป่วยนอก 92% และ ผู้ป่วยใน 8%
.
ผลประกอบการ
รายได้รวมปี 2020 = 503 ล้านบาทปี 2021 =...