Event driven play? VSH เป็นบริษัทย่อยของ REE และเป็นเจ้าของเขื่อนผลิตไฟฟ้า (hydropower plant) ที่ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศทั้งหมด 3 แห่งด้วยกันคือ Vinh Son hydropower plant (66MW capacity, COD 1994)Son Hinh hydropower plant (70MW capacity, COD 2001)Upper Kon Tum hydropower plant (220MW capacity, COD 2021) Vinh Son และ Son Hinh ได้มีการต่อสัญญา PPA กับทาง EVN อีกราว 25 ปีไปเมื่อปี 2014 ส่วน Upper Kon Tum นั้นล่าช้ามากคือเริ่มก่อสร้างตั้งแตปี 2011 โดยผู้รับเหมาสัญชาติจีนแต่ประสบปัญหาในการก่อสร้าง และมีการเปลี่ยนเป็น JV ผู้รับเหมาร่วมระหว่างบริษัทอเมริกาและเวียดนาม ทำให้ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินงานในเดือน เม.ย. 2021 ทำให้กำลังในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัว เขื่อนทั้ง...
โลกในมุมมองของ Value Investor      3 มิถุนายน 2565 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร วิวัฒนาการการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามของผมในช่วงประมาณ 6-7 ปีที่ผ่านก็คือ  ช่วงที่ 1 หรือช่วงแรก  เป็นการรีบลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงจากตลาดหุ้นไทยไปสู่เวียดนามที่ผมเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจสดใสและกำลังกลายเป็น “ดาราดวงใหม่” ของโลก  แต่เพราะไม่รู้จักหุ้นรายตัวเลยและก็ไม่รู้ว่ามีกองทุนอิงดัชนีหรือไม่  ผมจึงใช้วิธีคัดกรองหุ้นด้วยหลักการแบบ “VI” เลือกหุ้นทุกตัวที่มีค่า PE ไม่เกิน 10 เท่า  PB ไม่เกิน 1 เท่า ปันผลไม่ต่ำกว่าปีละ 5% และมีขนาดของหุ้นทั้งบริษัทหรือ Market Cap. ไม่ต่ำกว่าประมาณ 4-500 ล้านบาท ซึ่งทำให้ได้หุ้นมาร้อยกว่าตัวและหุ้นแต่ละตัวก็มีขนาดไม่เกิน 4-5 ล้านบาท  เป็น “เบี้ยหัวแตก” ที่ส่วนใหญ่แล้วผมไม่รู้เลยว่าบริษัทชื่ออะไรและทำอะไรจนถึงวันนี้ ต่อมาเมื่อเริ่มมีความรู้มากขึ้น  ผมก็เริ่มเลือกหุ้นเป็นรายตัวโดยอาศัยคำแนะนำจากนักวิเคราะห์ของโบรกเกอร์  และบางส่วนก็เลือกหุ้นแนว Defensive เช่นเขื่อนและโรงไฟฟ้า  รวมถึงกิจการสาธารณูปโภคเช่น ทางด่วนและผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำประปาและน้ำอุตสาหกรรมที่ผมคิดว่ามีความปลอดภัยและให้ผลตอบแทนสูงพอสมควรอานิสงค์จากการที่รัฐบาลให้ผลตอบแทนตาม ต้นทุนเงินทุนหรือ  IRR ที่สูงกว่าของไทยมาก  ขนาดของการลงทุนในหุ้นแต่ละตัวก็มีขนาดใหญ่ขึ้นพอสมควรแต่จำนวนหุ้นที่ลงทุนก็ยังค่อนข้างมากคือน่าจะประมาณ 30 ตัว รอบที่สามนั้น  น่าจะเรียกว่าเป็นการเริ่มลงทุนในหุ้น “ซุปเปอร์สต็อก” ของเวียดนามที่เป็นหุ้นที่ผมชอบและลงทุนเป็นหลักในตลาดหุ้นไทยมานานเป็นสิบ ๆ ...
โลกในมุมมองของ Value Investor    28 พฤษภาคม 2565 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร การเลือกตั้งผู้ว่าและสมาชิกสภากรุงเทพมหานครเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้น  ก่อให้เกิดปฏิกิริยาในแวดวงการเมืองและวงการอื่นมากมายอย่างที่ “ไม่เคยปรากฏมาก่อน”  สำหรับผมแล้ว  นี่เป็นสัญญาณที่ดีต่อ “ความเป็นประชาธิปไตย” ของประเทศไทยที่ผมเห็นว่ามีความสำคัญมากขึ้นมากในโลกปัจจุบันและอนาคต  เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ  ผมคิดว่าถ้าประเทศไทยไม่สามารถพัฒนาระบอบการปกครองให้เป็น “ประชาธิปไตยในระดับสากล” ได้ภายในเวลาอีกไม่นาน  ประเทศไทยก็จะ “ล้าหลัง” ลงไปเรื่อย ๆ  จากที่เรา  “แน่นิ่ง”  มานานเกือบ 10 ปี แล้วหลังการรัฐประหารในปี 2557 และมีการใช้รัฐธรรมนูญใหม่ที่ยัง “ไม่เป็นประชาธิปไตย” ในปี 2560 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่แทบจะ “แก้ไขไม่ได้” ถ้าคนบางกลุ่มไม่ต้องการ  ในช่วงเวลาเกือบ 10 ปี ที่ผ่านมานั้น  น่าจะพูดได้ว่า  สถานะในสังคมโลกของไทยตกต่ำลงมาก  เช่นเดียวกับสถานะทางเศรษฐกิจที่มีการเติบโตช้าลงอย่างเห็นได้ชัด  จากเศรษฐกิจโตเร็วมากในกลุ่มอาเซียนกลายเป็น  “โตช้าที่สุด” และไม่รู้ว่าจะแก้ไขได้อย่างไร  สิ่งสำคัญส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะรัฐธรรมนูญและระบบการปกครองเป็นอุปสรรค  ว่าที่จริงผมเองก็แทบจะ “หมดหวัง” ในอนาคตของประเทศมานานแล้ว  เช่นเดียวกับ  “คนรุ่นใหม่” จำนวนมากที่ตัดสินใจ  “สู้” แต่ก็ดูเหมือนว่าหลายคนกลับพบว่าเป็นเรื่องยากมาก  เกิดความรู้สึกว่า “พ่ายแพ้” และ “หมดกำลังใจ”  หลายคนถอดใจและคิดว่า ...
โลกในมุมมองของ Value Investor    21 พฤษภาคม 2565 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ดัชนีตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาตกกันระเนระนาดอานิสงค์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางของสหรัฐเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนและสาเหตุอื่น ๆ  อีกหลายเรื่องที่ประดังกันเข้ามาพร้อมกันจนบางคนบอกว่าเป็นเหตุการณ์  “Perfect Storm” หรือเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นประเภท “หนึ่งในร้อยปี”  การตกลงมาของตลาดหุ้นอเมริกาในรอบนี้ผมคิดว่าเข้าข่ายเป็น “ตลาดหมี” แล้วโดยเฉพาะในตลาดหุ้นแนสแด็กที่เป็นตัวแทนของหุ้นไฮเท็คและเป็นหุ้น “เก็งกำไร” สูง  ส่วนหุ้น S&P ซึ่งเป็นหุ้นที่เป็นตัวแทนของทั้งประเทศนั้น  “หมีก็รออยู่ที่หน้าประตู” แล้ว  ในขณะที่หุ้นขนาดใหญ่ของประเทศอย่างดาวโจนส์ซึ่งเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ของประเทศและของโลกนั้น  ไม่ช้าก็เร็วก็คงจะเป็น “ตลาดของหมี” ในที่สุด คำถามสำคัญสำหรับนักลงทุนโดยเฉพาะ VI ก็คือ  แล้วตลาดหุ้นไทยจะกลายเป็นหมีตามไปหรือไม่?  เราควรจะทำอย่างไรกับหุ้นและการลงทุนของเรา  ลองมาวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นกัน  มองในแง่ของประวัติศาสตร์ดัชนีตลาดหุ้นของหลาย ๆ  ประเทศ   ไม่ต้องพูดถึงเหตุการณ์หรือเหตุผลมากมายที่มีคนพูดถึงกันมากแล้ว ตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงตั้งแต่ปี 2009 หลังจากวิกฤติซับไพร์มที่ทำให้ดัชนีหุ้นตกลงมาประมาณ 40% นั้น  เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาตลอดจนถึงสิ้นปี 2021 โดยที่มีการ “ปรับตัว” หรือหุ้นตกหนักถึงหนักมากเป็นระยะโดยเฉพาะในช่วงต้นปี 2020 ที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ที่หุ้นตกหนักถึงกว่า 30% ในช่วงเวลาสั้น ๆ  เพียง 3-4 เดือน การปรับตัวขึ้นของหุ้นเป็น “ตลาดกระทิง” ตั้งแต่ปี 2009 ถึงสิ้นปี...
-VinMart+  2601 สาขา (ภายใต้การดูแลของ Masan Group) -Bach Hoa Xanh  2147 สาขา(ภายใต้การดูแลของ Mobile World Investment Corp) -Circle K  415 สาขา(ภายใต้การดูแลของ Circle K Vietnam) -Co.op Food  394 สาขา(ภายใต้การดูแลของ Saigon Co.op Food) -Satra Foods  187 สาขา(ภายใต้การดูแลของ Saigon Trading Group)ขอบคุณข้อมูลจาก: Statista (update Apr. 2022)______ หาหุ้นไปกับสัมมนา Super stock เวียดนาม อเมริกา จีน และ Live อับเดททุกเดือน พร้อมสิทธิ์พิเศษ VVI membership คลิ๊ก: https://bit.ly/3F3mTKn มือใหม่ลงทุนหุ้นเวียดนาม ดูคลิปย้อนหลังกว่า 35 ตอน 40 ช.ม. คลิ๊ก: https://bit.ly/316AyPX #VietnamVI #VVI #VietnamValueInvestor #StockUpdate #VietnamStock #หุ้นเวียดนาม...
ขอขอบคุณทุกท่านที่สนใจสมัคร Tour learn earn more จนเต็มใน 45 นาที่แรกของเปิดรับสมัคร 🙏 โปรดติดตามโปรแกรม Tour learn earn more. ครั้งต่อไปของเรา ที่นี้ ไวๆนี้ คะท่านที่สมัคร ในvvi membership จะได้รับสิทธิพิเศษในการสมัครก่อนใครพร้อมส่วนลดเช่นเดิมคะ สนใจสมัครvvi membership  คลิ๊กลิงค์เลยคะ  https://bit.ly/3F3mTKn
.-Pharmacity 1000 สาขา-Long Chau 535 สาขา-An Khang 210 สาขา-Guardian 98 สาขา-Medicare 77 สาขา-Phano Pharmacy 62 สาขา.ขอบคุณข้อมูลจาก: Statista (update Apr. 2022).______. หาหุ้นไปกับสัมมนา Super stock เวียดนาม อเมริกา จีน และ Live อับเดททุกเดือน พร้อมสิทธิ์พิเศษ VVI membership คลิ๊ก: https://bit.ly/3F3mTKn.มือใหม่ลงทุนหุ้นเวียดนาม ดูคลิปย้อนหลังกว่า 35 ตอน 40 ช.ม. คลิ๊ก: https://bit.ly/316AyPX.#VietnamVI #VVI #VietnamValueInvestor #StockUpdate #VietnamStock #หุ้นเวียดนาม #Pharmacy #LongChau #AnKhang #MWG #FRT
REE เป็นหนึ่งในหุ้นบริษัทแรกๆที่ผมศึกษาตอนเริ่มลงทุนที่เวียดนาม (ราวปี 2015) สาเหตุเพราะเป็นหุ้นที่ นลท. เวียดนามเองไม่ค่อยสนใจ คงเป็นเพราะ Business model ที่ไม่ Sexy และน่าเบื่อ รวมถึง FOL ที่เต็มไปแล้ว เและไม่มีแรงซื้อจากต่างชาติมาช่วย Drive ราคาหุ้น ทำให้ราคาหุ้นซื้อขายกันที่ PE ต่ำมาก (forward PE < 8) ในตอนนั้น —————————— REE business in 2015 คือ 1. M&E REE เป็นบริษัทรับเหมารายใหญ่ทางด้านระบบ Mechanical and electrical ในอาคารเช่น Office building โรงแรม และ สนามบิน 2. Office leasing ให้เช่า Office โดยมีพื้นที่ให้เช่ารวมประมาณ 110,000 ตร.ม. 3. Utility โดย REE เข้าไปถือหุ้นบริษัทผลิตไฟฟ้าและบริษัทผลิต/จำหน่ายน้ำประปา ซึ่ง Investment ก้อนใหญ่จะอยู่ที่ โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน Pha...
Tour learn earn more
***ขออภัยผู้สมัครเต็มแล้วค่ะ*** Tour Learn Earn More in Ho Chi Minh City, เตรียมสมัครทริปสัมมนา Tour Learn Earn More in Ho Chi Minh City, 12-14 ก.ค. 65 จัดโดย VVI GROUP ร่วมกับ Viet Capital Securities (VCSC) รายละเอียด HIGHLIGHT - ได้เวลาปิดจอดูหุ้นแล้วไปเที่ยว “วิกฤตหรือโอกาสในการลงทุนหุ้นเวียดนามท่ามกลางความผันผวน” - Update สาระความรู้ ศึกษาธุรกิจ สภาพการแข่งขันหุ้นไปพร้อมกับการท่องเที่ยวเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญสุดของเวียดนาม - เรียนรู้-แลกเปลี่ยนประสบการณ์การลงทุนกับเพื่อนนักลงทุน คุยกันสดๆ พร้อมใช้ชีวิตร่วมกันในต่างแดน - พบบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น ถามตรงกับผู้บริหาร - Company visit ชมธุรกิจ บริษัทที่น่าสนใจในตลาดหุ้น- สถานที่จัดสัมมนา Sheraton Saigon Hotel โรงแรมระดับ 5 ดาว กลางเมือง ทั้งสะดวกทั้งใกล้สถานที่สำคัญในการหาหุ้น และอาหารอร่อย -...
โลกในมุมมองของ Value Investor  7 พ.ค. 2565 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุน VI ระยะยาวมากเป็น 10 ปีขึ้นไปนั้น  เวลาที่จะลงทุนควรที่จะเลือกตลาดหุ้นที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวอย่างน้อย 10 ปีขึ้นไปเช่นเดียวกัน  และตลาดหุ้นที่จะมีลักษณะอย่างนั้นได้ก็ควรที่จะอยู่ในประเทศหรือเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตเร็วและจะเติบโตต่อเนื่องไปอย่างน้อยอีก 10 ปีเช่นเดียวกัน  เพราะเศรษฐกิจที่โตเร็วและมีขนาดใหญ่พอนั้นจะทำให้มูลค่าของตลาดหุ้นหรือดัชนีตลาดหุ้นเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม  เมื่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นเติบโตถึงจุดหนึ่งแล้ว  มันก็มักจะเติบโตช้าลงและอาจจะหยุดโตเลย  อย่างไรก็ตาม  บางประเทศนั้นเนื่องจากโตเร็วมาก เมื่อโตถึงจุดหนึ่งคนก็ร่ำรวยและประเทศกลายเป็นประเทศ  “พัฒนาแล้ว” แต่บางประเทศก็อาจจะโตไม่เร็วพอจึงเป็นได้แค่ “คนชั้นกลางค่อนข้างดี” แต่ประเทศโตช้าหรือหยุดโตแล้ว  ซึ่งในทางวิชาการเรียกว่าเป็น  “Middle Income Trap” หรือประเทศที่ติด “กับดักรายได้ชั้นกลาง”    อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ  ระยะเวลาของการเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นว่ามันจะโตแค่ไหนและยาวแค่ไหน?  มาศึกษาประวัติศาสตร์ดัชนีตลาดหุ้นของประเทศที่โตเร็วหรือเคยโตเร็วกัน 3 ประเทศคือ  ญี่ปุ่น ไทย  และเวียดนาม  ซึ่งผมพบว่ามีรูปแบบคล้ายคลึงกันมากอย่างไม่น่าเชื่อและดูเหมือนว่าประเทศอื่น ๆ  อีกหลายประเทศเช่นเกาหลีหรือไต้หวันก็มีพฤติกรรมใกล้เคียงกัน  มันคงมีเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์อยู่แต่ผมศึกษาไม่ไหว การเติบโตของตลาดหุ้นซึ่งสะท้อนจากการเติบโตของเศรษฐกิจนั้นดูเหมือนว่าจะโตเร็วต่อเนื่องจากวันที่ “เริ่มการพัฒนา” ไปยาวนานถึงประมาณ 40 ปี โดยที่ 20 ปีแรกจะเป็นช่วงโตเร็วมากที่สุด และ 20 ปีหลังจะโตช้าลง  บางทีก็ช้าลงมากแต่บางแห่งก็ช้าลงไม่มากขึ้นอยู่กับศักยภาพของคนและระบบการปกครองของประเทศ ...

MOST POPULAR