Q (คุณบิว): ภาพรวมพอร์ตอาจารย์ปีนี้เป็นอย่างไรคะ
A (ดร.นิเวศน์): จริงๆ ต้องบอกว่า (หุ้นไทย) แพ้ตลาด เรา underperform
แต่ภาพรวมของผมดีกว่าตลาดเพราะว่าเราไปเวียดนาม
เวียดนามปีนี้มาเป็น Lifesaver ช่วยชีวิตเลยผมได้เยอะจนกระทั่ง แบบว่าโอ้โห ถ้าได้แบบนี้วันหลังเราก็ทยอยเอาไปเพิ่มอีก
มันกลับมาเหมือนในยุคที่วีไอบ้านเรากำลังเฟื่องๆแบบตลาดจะเป็นยังไงไม่สนใจ วีไอรวยอย่างเดียวเวียดนามตอนนี้มันมีอาการคล้ายๆ แบบนี้เพราะว่า ทุกอย่างมันดีหมด โดยเฉพาะพื้นฐานกำลังมาแรง เหมือนสมัยก่อนบ้านเราพื้นฐานมาแรง ตลาดยังไงก็ไปได้ ตลาดดีมันก็ฉิว นี่เป็นภาพที่ผมมอง
มันช่วยจนกระทั่ง เรา outperform ตลาดเยอะ ทั้งๆ ที่ (หุ้น) ตัวที่อยู่ในประเทศไทยเราแย่กว่าตลาด
--------------------------
Q (คุณบิว): สนใจ VRE ACV ควรเข้าตอนนี้หรือว่ารอก่อนดี ?
A (ดร.นิเวศน์): อันนี้เราคุยได้ไม่ได้เชียร์อะไร อยู่นอกประเทศแล้ว
หุ้น VRE ACV 2 ตัวนี้ ชัดเจนว่าธุรกิจที่อิงกับการท่องเที่ยว Entertainment ที่เจ็บหนักมากที่สุด
สนามบินบ้านเรานี่ขาดทุนแล้วนะ มันไม่ไหว หนักจริงๆ ต้นทุนคงที่มันสูงมาก คนน้อยปุ๊บขาดทุน
แต่ ACV ยังกำไรนะ เก่งมาก ทั้งๆ ที่นักท่องเที่ยวหายหมด เพราะเค้ายังมี Local ของเค้า ในความรู้สึกผมว่าน่าสนใจ Market...
VN indexศุกร์ 3 ธ.ค : 1,443 จุด (-2.6%)จันทร์ 6 ธ.ค : 1,414 จุด (-2.1%)อังคาร 7 ธ.ค : 1,447 จุด (+2.35%)
เมื่อวานแอดมินก็ลุ้นให้หุ้นเวียดนามตกเพิ่มหน่อย เผื่อเป็นจังหวะให้ทยอยสะสมหุ้นเพิ่ม แต่นี่ก็เด้งมาเท่าวันศุกร์อีกแล้ว
แม้ว่า
กระแสเงินสดจากนักลงทุนรายย่อยเริ่มแสดงสัญญาณอ่อนตัว มาร์จิ้นจากบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งเริ่มตึงตัวมีความกลัว Omicron และ เศรษฐกิจสหรัฐ
แต่สิ่งที่พุ่งปรี๊ด คือจำนวนนักลงทุนหน้าใหม่ที่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น
จากกราฟ (ค่าประมาณ)พ.ย. 2021 มีนักลงทุนหน้าใหม่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกว่า 2 แสนคน(มากกว่าค่าเฉลี่ยปี 2019 ก่อนโควิด 19 ระบาด กว่า 10 เท่า)
เม็ดเงินของนักลงทุนหน้าใหม่ที่ย้ายจากเงินฝากในธนาคาร เข้าตลาดหุ้น เป็นหนึ่งแรงพยุงสำคัญให้ตลาดหุ้นอาจไปต่อได้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าตลาดหุ้นเวียดนามมีแรงพยุงจากนักลงทุนหน้าใหม่ พื้นฐานดี พีอีต่ำ การเติบโตสูง(VN-Index P/E ปัจจุบัน 16.X เท่า เทียบกับจุดสูงสุดปี 2018 23.X เท่า)
แต่ตอนนี้ตลาดหุ้นก็มาด้วยแรงเก็งกำไรจากรายย่อยที่หวังจะรวยเร็วไม่ใช่น้อย!
ส่วนตัวแอดมินเชื่อว่าพอหมดยุคเก็งไร ยุควีไอในเวียดนามน่าจะเริ่ม
และนึกถึงคำพูด ดร.นิเวศน์ ธ.ค. 2562...
จากคำถามเพื่อนนักลงทุนในห้องคุยหุ้นเวียดนามฯ 6 ธ.ค.ว่า
“ ตลาดหุ้นเวียดนามเป็นอะไรครับตกใจอะไร.....ชาติอื่นๆเขาก็ไม่ตกใจกันแล้ว นี่ over acting มาก ลงเกือบ 100 จุด? “
ปิดตลาดวันนี้Vietnam -2.1%India -1.7%Indonesia +0.1%Philippine +1.1%เรียกว่าตกหนักกว่าเพื่อนบ้าน
ทำไมตก?Mr. Tran Xuan Bach นักวิเคราะห์ของ Bao Viet Securities ( BVSC )
ชี้ให้เห็นว่าการลดลงอย่างมากของตลาดในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมาอาจเนื่องมาจาก1. กระแสเงินสด จากนักลงทุนรายย่อยในประเทศก็เริ่มแสดงสัญญาณอ่อนตัว นอกจากนี้แหล่งมาร์จิ้นจากบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งก็ตึงตัว �2. ความกลัวว่าเงินเฟ้อจะพุ่งสูงและความเป็นไปได้ที่เฟดจะจำกัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
3. กราฟเทคนิคบอกให้ให้ขาย เมื่อไม่สามารถเอาชนะบริเวณแนวต้านที่แข็งแกร่งที่ 1,475 - 1,530 จุด
นอกจากนี้Mr.Nguyen Vu Luan หัวหน้าแผนกนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ VNDirect กล่าวว่า
การลดลงอย่างมากในตลาดอาจมาจาก Covid Omicron สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนในระยะสั้นในตลาดหุ้นต่างประเทศ
อีกทั้งธันวาคมมักจะเป็นวัฏจักรที่ต่ำของตลาดหุ้นเพราะนักลงทุนมักจะปิดการลงทุนก่อนสิ้นปีและวันหยุดราชการจากนั้นจึงจัดสรรเงินลงทุนใหม่ในช่วงต้นปีหน้า
จะเห็นได้ว่ามีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดการปรับฐานระยะสั้นใน 2 วันทำการที่ผ่านมา และเป็นวัฏจักรมากกว่าการเปลี่ยนแปลงพื้นฐาน
จิตวิทยาของการทำกำไรเพื่อรักษาผลกำไรรวมถึงแรงกดดันด้านมาร์จิ้นอาจยังคงส่งผลกระทบต่อตลาด
Mr. Bach แนะนำว่าการลดลงอย่างรวดเร็วของตลาดในระยะสั้นจะเป็นการเปิดโอกาสในการซื้อหุ้น ด้วยมูลค่าที่น่าดึงดูด พร้อมปัจจัยพื้นฐานที่ดี การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 4 และศักยภาพในการเติบโต ในปี...
ความกังวล Omicron ยอดผู้ติดเชื้อโควิด 13,770 คน ผู้เสียชีวิต 173 คน วันนี้ที่เวียดนามดูน่าเป็นห่วงอีกทั้งตลาดเวียดนามเพิ่งขึ้นมาแรงแถว 1500 จุด แบบนี้จะปรับฐานหนักไหม?🤔 ขายก่อนแล้วค่อยมาช้อนตอนตกดีไหม?คำตอบคือ “ไม่รู้ค่ะ” ตัวแอดมินเองก็เดาอารมณ์ตลาด จับจังหวะแทบไม่เป็น
แต่สิ่งที่อยากแชร์คือประสบการณ์ คือ🔸 ปี 2015 (เริ่มลงทุน) ดัชนีหุ้นเวียดนาม ~ 600 จุด
🔸 ปี 2018 ดัชนีหุ้นเวียดนาม ATH ทะลุ 1200 จุด และไหลลง
🔸 ปี 2020โควิด 19 VN index เคยตกไป ~ 600 จุด ปลายๆแปลว่าแอดลงทุนหุ้นเวียดนามมา 5 ปี แทบไม่ได้อะไรเลยดีกว่าฝากเงินนิดเดียวตอนนั้นได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าเราลงทุนเพื่อเกษียน แค่ผลตอบแทน 7% ต่อปี ก็ดีกว่าฝากเงินธนาคารที่ดอกเบี้ยแค่ 0.5% เยอะแล้ว) ใน FB VVI ช่วงที่ตกหนักมี comment บ่นดอย ปิดพอร์ตย้ายไปประเทศอื่นดีกว่า
🔸 ปลายปี...
โลกในมุมมองของ Value Investor 27 พฤศจิกายน 64
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เมื่อวันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยตกลงมา 37.85 จุดหรือลดลง 2.3% และเป็นการปรับตัวลงแรงตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่ลดลงมาในระดับเดียวกัน อย่างเช่นดัชนีดาวโจนส์ที่ลดลงมา 2.53% และดัชนีนิกเกอิก็ลดลงมา 2.53% เท่ากันพอดี การลดลงในลักษณะคล้าย ๆ กับ “แพนิก” หรือตกใจนั้น นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่าเป็นเพราะนักลงทุนหวั่นวิตกว่าโรคโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ที่อาจจะร้ายแรงจนวัคซีนที่มีอยู่อาจจะไม่สามารถป้องกันได้ซึ่งอาจจะทำให้ต้องปิดเมืองกันทั่วโลกอีกครั้งหนึ่ง บางคนก็เสริมว่าอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของสหรัฐอาจจะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาด ดังนั้นนักลงทุนจึงเทขายหุ้นกันจนกลายเป็นแพนิก แต่สิ่งที่นักลงทุนกลัวจริง ๆ นั้นน่าจะอยู่ที่ว่ามันจะนำไปสู่การตกลงของหุ้นจนอาจจะเป็นวิกฤติในช่วงต่อไปมากกว่า เพราะเหตุผลที่หุ้นจะลดลงต่อเนื่องและรุนแรงในระดับที่เป็นวิกฤตินั้นมีอยู่แล้วนั่นก็คือ หุ้นมีราคาปรับขึ้นไปสูงมากเป็น “All Time High” อานิสงค์สำคัญก็คือ สภาพคล่องทางการเงินล้นทั่วโลก และนี่ก็ใกล้วันที่จะมีการดูดเม็ดเงินกลับซึ่งจะทำให้สภาพคล่องลดลงต่อเนื่อง ว่าที่จริงจะมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่หรือไม่ โอกาสที่หุ้นจะตกหนักก็มีอยู่แล้ว ลองมาดูประวัติศาสตร์เกี่ยวกับวิกฤติของตลาดหุ้นกัน
ผมจะใช้ตลาดหุ้นสหรัฐย้อนหลังไปประมาณ 20 ปีและเริ่มจากวิกฤติหุ้นไฮเท็คในปี 2000 ซึ่งก็ก่อให้เกิดวิกฤติไปทุกตลาดรวมถึงหุ้นในดัชนีดาวโจนส์ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นยักษ์และหุ้นในดัชนี S&P ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นหลัก ๆ ทั้งประเทศของสหรัฐ สิ่งที่ผมพบนั้นน่าสนใจในแง่ที่ว่าวิกฤตินั้นมักจะเกิดขึ้นตอนที่ดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้นไปสูงสุด ตลาดหุ้นร้อนแรงแบบ “ลุกเป็นไฟ” ซึ่งก็เป็นภาวะตลาดหุ้นในปัจจุบัน นอกจากนั้น ผมก็จะแสดงให้เห็นการฟื้นตัวหลังวิกฤติทุกครั้งที่ดัชนีตลาดหุ้นมักจะปรับตัวขึ้นไปต่อเนื่องยาวนานจนถึง Peak...
Corporate News:
· Viettel Construction Joint Stock Corporation (CTR – โทรคมนาคม) ตลาดหลักทรัพย์ HOSE ประกาศได้รับหนังสือขอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ HOSE ของ CTR จำนวน 93 ล้านหุ้น จบ 9M21 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 30% YoY เป็น 5.4 ล้านล้านดอง กำไรหลังภาษีเพิ่มขึ้น 45.7% YoY เป็น 2.4 แสนล้านดอง
· Duc Giang Chemicals Group JSC (DGC – เคมีภัณฑ์) เผยข้อมูลประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 10 ธันวาคม บริษัทจะจะเสนอแผนการปรับโครงการ Duc Giang Nghi Son Chemical Complex ในจังหวัด Thanh Hoa ซึ่งเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทที่เคยทำมาด้วยมูลค่าลงทุน 12 ล้านล้านดอง ถ้าได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น โครงการจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 1Q22
· Masan Group Corporation (MSN – อาหาร) ประกาศ SK Group ทุ่ม 340 ล้าน USD เข้าถือหุ้น 4.9% ใน The CrownX บริษัทตั้งเป้าจะปิดดิลระดมทุนให้ The Crown X มูลค่า 200 ล้าน USD ถึง 300 ล้าน USD ในสิ้นปีนี้ หลังจากช่วยให้ WinCommerce สร้างกำไรในรอบ 7 ไตรมาสนับตั้งแต่ซื้อกิจการจาก Vingroup มา บริษัทจะเร่งการเปิดร้านโมเดล mini-mall ที่มีทั้ง WinMart+ (สินค้าจำเป็น) Phuc Long kiosk (ชา กาแฟ) Techcombank (การเงิน) ร้านขายยา และ Mobicast (เครือข่ายโทรคมนาคม) อยู่ในที่เดียวกันซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ Point of Life
· Mobile World Investment Corporation (MWG – ค้าปลีก) ผ่านมติก่อตั้งบริษัทใหม่ที่ประกอบธุรกิจคลังสินค้า การขนส่งระหว่างคลังสินค้าถึงร้านค้าของบริษัทด้วยทุนจดทะเบียน 1 แสนล้านดอง...
โลกในมุมมองของ Value Investor 20 พฤศจิกายน 64
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เมื่อวันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมามีการประกาศจากบริษัทเทเลนอร์ของประเทศนอร์เวย์ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทดีแทคในตลาดหุ้นไทยว่ากำลังคุยกับกลุ่มซีพีซึ่งเป็นเจ้าของบริษัททรูที่ทำธุรกิจให้บริการโทรศัพท์มือถือว่าจะร่วมกัน “รวมกิจการ” โทรศัพท์มือถือของทั้งสองบริษัทในประเทศไทย โดยที่คนใช้บริการของดีแทคนั้นอยู่ที่ประมาณ 19.3 ล้านเลขหมาย ส่วนของทรูอยู่ที่ 32 ล้านเลขหมาย นั่นจะทำให้ “บริษัทใหม่” มีสมาชิกถึง 51.3 ล้านเลขหมาย ซึ่งมากกว่าอันดับหนึ่งที่ครองตลาดมานาน คือ AIS ที่ 43.7 ล้านเลขหมาย ดังนั้น ถ้าดีลนี้สำเร็จ เกมการแข่งขันในตลาดโทรศัพท์มือถือจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง บริษัทดีแทคและทรูซึ่งมีผลประกอบการไม่ดีนักมายาวนานซึ่งทำให้หุ้นไม่ไปไหนอาจจะเปลี่ยนแปลงไปมากก็ได้ เหตุผลก็เพราะว่าเมื่อ 2 บริษัทรวมกัน ก็จะสามารถลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการได้มหาศาล
“กระแส” ของการรวมกิจการหรือที่เรียกว่าทำ “Mergers and Acquisitions” หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า M&A ในประเทศไทยนั้น ผมคิดว่ากำลังพุ่งขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งในช่วงเร็ว ๆ นี้ เหตุผลสำคัญมาจากเรื่องใหญ่ ๆ ที่มาประจบกัน 2-3 เรื่อง ข้อแรกก็คือ การที่เศรษฐกิจไทยโดยรวมก้าวเข้าสู่ภาวะ...
All time high กันเป็นว่าเล่น จนทำให้นักลงทุนไทยหลายคนกลัวตกรถ การลงทุนในหุ้นเวียดนามทำได้ มากมายหลายอย่าง สะดวกสะบายมากกว่าที่แอดมินเคยลงทุนมาเมื่อ 6 ปีที่แล้ว จนเสมือนกับการลงทุนซื้อหุ้นไทยไปทุกที กองทุนก็มีมากมายที่ทยอยออกมาให้ซื้อ แถมยังมี DR ที่ซื้อได้เสมือนหุ้นตัวหนึ่งในกระดานของตลาดหลักทรัพย์ไทย วันนี้แอดมินจะมาเล่าให้ฟัง แบบโพสต์เดียวจบ
1. การลงทุนในหุ้นรายตัว การลงทุนแบบนี้ต้องเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ และซื้อเหมือนหุ้นไทย ซึ่งมีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป ปัจจุบันบางโบรกเกอร์เปิดให้ซื้อขายออนไลน์ได้ด้วย1.1 โบรกเกอร์ในประเทศไทยที่บริการเปิดพอร์ตให้ลงทุนเวียดนามได้แก่ KT-Zmico / Finansia Syrus / Bualuang / CGS CIMB/ SCBS / Maybank Kimeng ฯลฯ
1.2 โบรกเกอร์เวียดนามโดยตรงได้แก่ ที่เป็นที่นิยมของนักลงทุนไทยได้แก่ SSI, HSC, VCI, VND เป็นต้น
--
2. การลงทุนในกองทุนที่ไปลงทุนหุ้นเวียดนาม ปัจจุบันมีมากมายหลายกองทุน ซึ่งมีหลากหลายวิธีการเลือกหุ้น และนโยบายการลงทุนที่ต่างกันไป
2.1 กองทุนที่หาซื้อได้ในประเทศไทย ได้แก่
PRINCIPAL VNEQ-APRINCIPAL
VTPPP-AASP-VIETUVOONE-VIETNAM-RAONE-VIETNAMRMFB-VIETNAMB-VIETNAM RMFK-VIETNAMKFVIET-ASSI-SCA (กองทุนสัญชาติเวียดนาม โดยหลักทรัพย์ ทรีนิตี้)Jitta Wealth /...
สายแรกเปิดแล้ว หลังรอมานาน 10 ปีกรุงฮานอยเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายแรก หลังก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2011รถไฟฟ้าในเขตเมืองแห่งแรกของเวียดนามเปิดให้บริการแล้วที่ใจกลางกรุงฮานอยเมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากที่ล่าช้ามานานหลายปี และมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว ท่ามกลางความคาดหวังว่าจะสามารถบรรเทาความแออัดของการจราจรในเมืองหลวงรถไฟฟ้าก๊าตลีง-ห่าโดง (Cat Linh-Ha Dong) รถไฟฟ้าสายแรกของฮานอย ระยะทาง 13 กิโลเมตร เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2011 โดยได้รับความช่วยเหลือจากจีน มีเป้าหมายแล้วเสร็จในปี 2015 แต่เผชิญกับอุปสรรคหลายครั้งส่งผลให้การดำเนินการเป็นไปอย่างล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้มาก จนต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวเป็น 18 ล้านล้านด่ง หรือราว 26,000 ล้านบาท
โลกในมุมมองของ Value Investor 13 พฤศจิกายน 2564
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ตั้งแต่เป็น VI “ผู้มุ่งมั่น” มาหลายสิบปี เวลาผมคิดทำอะไรโดยเฉพาะที่เป็นเรื่องสำคัญหรือเป็น “ยุทธศาสตร์ของชีวิต” ที่ต้อง “ต่อสู้” เพื่อที่จะ “ชนะ” เช่นเรื่องของการลงทุนนั้น ผมจะคิดคล้าย ๆ กับว่าเรากำลัง “เข้าสู่สงคราม” ซึ่งจะต้องวางกลยุทธ์ที่ดีและถูกต้อง เพราะนั่นจะทำให้เรามีโอกาส “ชนะ” สูงขึ้น ถ้าคิดและประเมินว่าการเข้าไปรบในสมรภูมิที่กำหนดแล้วมีโอกาสที่จะแพ้สูง โดยปกติผมก็จะหลีกเลี่ยง การประเมินนั้นก็ต้องดูว่าสนามรบนั้นเป็นอย่างไร เรามีจุดแข็งจุดอ่อนตรงไหน เราจะต้องทำหรือ “รบ” อย่างไรที่จะทำให้เราได้เปรียบและได้ชัยชนะในที่สุด การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมาโดยใช้หลักการลงทุนแบบ “VI” ที่เน้นลงทุนระยะยาวในหุ้นซุปเปอร์สต็อกสำหรับผมก็ต้องถือว่าประสบความสำเร็จดีมากอย่างไม่น่าเชื่อจนถึงเมื่อเร็ว ๆ นี้หรือประมาณ 6-7 ปีที่ผ่านมา ในวันนั้นผมเริ่มรู้สึกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยก็เริ่มยากขึ้นเรื่อย ๆ เฉพาะอย่างยิ่ง “สนามรบ” เริ่มจะไม่เอื้ออำนวยให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้เหมือนเดิม ผมจึงเริ่มไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม
การ “รณรงค์” ในสนามรบ “เวียดนาม” ของผมนั้น ผมเริ่มลงทุนตั้งแต่กลางปี 2557 หรือประมาณ 7 ปีมาแล้ว ด้วยเม็ดเงินเพียงประมาณ 4-5% ของพอร์ต ...