All time high กันเป็นว่าเล่น จนทำให้นักลงทุนไทยหลายคนกลัวตกรถ การลงทุนในหุ้นเวียดนามทำได้ มากมายหลายอย่าง สะดวกสะบายมากกว่าที่แอดมินเคยลงทุนมาเมื่อ 6 ปีที่แล้ว จนเสมือนกับการลงทุนซื้อหุ้นไทยไปทุกที กองทุนก็มีมากมายที่ทยอยออกมาให้ซื้อ แถมยังมี DR ที่ซื้อได้เสมือนหุ้นตัวหนึ่งในกระดานของตลาดหลักทรัพย์ไทย วันนี้แอดมินจะมาเล่าให้ฟัง แบบโพสต์เดียวจบ
1. การลงทุนในหุ้นรายตัว การลงทุนแบบนี้ต้องเปิดพอร์ตกับโบรกเกอร์ และซื้อเหมือนหุ้นไทย ซึ่งมีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป ปัจจุบันบางโบรกเกอร์เปิดให้ซื้อขายออนไลน์ได้ด้วย1.1 โบรกเกอร์ในประเทศไทยที่บริการเปิดพอร์ตให้ลงทุนเวียดนามได้แก่ KT-Zmico / Finansia Syrus / Bualuang / CGS CIMB/ SCBS / Maybank Kimeng ฯลฯ
1.2 โบรกเกอร์เวียดนามโดยตรงได้แก่ ที่เป็นที่นิยมของนักลงทุนไทยได้แก่ SSI, HSC, VCI, VND เป็นต้น
--
2. การลงทุนในกองทุนที่ไปลงทุนหุ้นเวียดนาม ปัจจุบันมีมากมายหลายกองทุน ซึ่งมีหลากหลายวิธีการเลือกหุ้น และนโยบายการลงทุนที่ต่างกันไป
2.1 กองทุนที่หาซื้อได้ในประเทศไทย ได้แก่
PRINCIPAL VNEQ-APRINCIPAL
VTPPP-AASP-VIETUVOONE-VIETNAM-RAONE-VIETNAMRMFB-VIETNAMB-VIETNAM RMFK-VIETNAMKFVIET-ASSI-SCA (กองทุนสัญชาติเวียดนาม โดยหลักทรัพย์ ทรีนิตี้)Jitta Wealth /...
สายแรกเปิดแล้ว หลังรอมานาน 10 ปีกรุงฮานอยเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายแรก หลังก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2011รถไฟฟ้าในเขตเมืองแห่งแรกของเวียดนามเปิดให้บริการแล้วที่ใจกลางกรุงฮานอยเมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากที่ล่าช้ามานานหลายปี และมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว ท่ามกลางความคาดหวังว่าจะสามารถบรรเทาความแออัดของการจราจรในเมืองหลวงรถไฟฟ้าก๊าตลีง-ห่าโดง (Cat Linh-Ha Dong) รถไฟฟ้าสายแรกของฮานอย ระยะทาง 13 กิโลเมตร เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2011 โดยได้รับความช่วยเหลือจากจีน มีเป้าหมายแล้วเสร็จในปี 2015 แต่เผชิญกับอุปสรรคหลายครั้งส่งผลให้การดำเนินการเป็นไปอย่างล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้มาก จนต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวเป็น 18 ล้านล้านด่ง หรือราว 26,000 ล้านบาท
โลกในมุมมองของ Value Investor 13 พฤศจิกายน 2564
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ตั้งแต่เป็น VI “ผู้มุ่งมั่น” มาหลายสิบปี เวลาผมคิดทำอะไรโดยเฉพาะที่เป็นเรื่องสำคัญหรือเป็น “ยุทธศาสตร์ของชีวิต” ที่ต้อง “ต่อสู้” เพื่อที่จะ “ชนะ” เช่นเรื่องของการลงทุนนั้น ผมจะคิดคล้าย ๆ กับว่าเรากำลัง “เข้าสู่สงคราม” ซึ่งจะต้องวางกลยุทธ์ที่ดีและถูกต้อง เพราะนั่นจะทำให้เรามีโอกาส “ชนะ” สูงขึ้น ถ้าคิดและประเมินว่าการเข้าไปรบในสมรภูมิที่กำหนดแล้วมีโอกาสที่จะแพ้สูง โดยปกติผมก็จะหลีกเลี่ยง การประเมินนั้นก็ต้องดูว่าสนามรบนั้นเป็นอย่างไร เรามีจุดแข็งจุดอ่อนตรงไหน เราจะต้องทำหรือ “รบ” อย่างไรที่จะทำให้เราได้เปรียบและได้ชัยชนะในที่สุด การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมาโดยใช้หลักการลงทุนแบบ “VI” ที่เน้นลงทุนระยะยาวในหุ้นซุปเปอร์สต็อกสำหรับผมก็ต้องถือว่าประสบความสำเร็จดีมากอย่างไม่น่าเชื่อจนถึงเมื่อเร็ว ๆ นี้หรือประมาณ 6-7 ปีที่ผ่านมา ในวันนั้นผมเริ่มรู้สึกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยก็เริ่มยากขึ้นเรื่อย ๆ เฉพาะอย่างยิ่ง “สนามรบ” เริ่มจะไม่เอื้ออำนวยให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้เหมือนเดิม ผมจึงเริ่มไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม
การ “รณรงค์” ในสนามรบ “เวียดนาม” ของผมนั้น ผมเริ่มลงทุนตั้งแต่กลางปี 2557 หรือประมาณ 7 ปีมาแล้ว ด้วยเม็ดเงินเพียงประมาณ 4-5% ของพอร์ต ...
โลกในมุมมองของ Value Investor 6 พฤศจิกายน 2564
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การประกาศเข้าซื้อหุ้นบิทคับออนไลน์จำนวน 51% ด้วยเงิน 17,850 ล้านบาท ของกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์หรือ SCBX เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นข่าวใหญ่อีกครั้งหนึ่งหลังจากที่เคยประกาศปรับโครงสร้างจากการเป็นธนาคารให้เป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินเมื่อเร็ว ๆ นี้ เหตุผลเพราะว่านั่นเป็นเครื่องแสดงว่ากลุ่ม SCBX “เอาจริง” กับการมุ่งหน้าไปสู่ “โลกใหม่” ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วซึ่งในที่สุดอาจจะ Disrupt หรือทำลายธนาคาร “แบบเก่า” ได้ นั่นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่อีกประเด็นหนึ่งก็คือ การที่บิทคับออนไลน์ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มซื้อขายเหรียญดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นได้กลายเป็น “ยูนิคอร์น” ตัวใหม่ เพราะมูลค่าของบริษัทจะเท่ากับ 35,000 ล้านบาทหรือมากกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ก่อนที่จะวิเคราะห์หรือวิจารณ์ดีลนี้ ผมอยากจะให้ทำความเข้าใจกับ “โลกใหม่” ที่โลกและโดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพย์สินต่าง ๆ ในโลกนี้กำลัง “ถูกทำให้เป็นดิจิทัล” อย่างรวดเร็วหรือก็คือการทำให้เป็น “โลกเสมือน” คู่ไปกับ “โลกจริง” อย่างที่มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก เพิ่งจะประกาศเป็นวิสัยทัศน์ของเฟซบุคว่าจะนำบริษัทเข้าสู่โลกของ “Metaverse” หรือ “อาณาจักรของโลกเสมือน” พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “Meta” แต่ผมเองคงไม่ไปไกลถึงขนาดว่าโลกจะเป็นอย่างไรในอนาคต ...
เวียดนามเป็นหนึ่งในตลาดที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดทั่วโลก
โดยเพิ่มขึ้น 7.6% MoM และ +30.8% YTD
วันนี้ VN index ปิดที่ 1456.51 จุด
PYN Elite ให้มุมมองว่า เวียดนามพุ่งแรงอีกครั้งเพราะ
1. ความเชื่อมั่นในการเปิดเศรษฐกิจและอัตราการเร่งฉีดวัคซีน
2. ผลประกอบการไตรมาส 3 ดีเกินคาด
3. แผนกระตุ้นเศรษฐกิจออกใหม่ ของรัฐบาล
----
All Time High แล้วแพงไหม?
PYN Eliteให้มุมมองว่า
แม้หุ้นเวียดนามจะ All Time High
แต่ VN Index ซื้อขายที่ Forward P/E ปี 2022 แค่ 13.6 เท่า
ซึ่งมาพร้อมกำไรบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแกร่ง
แนวโน้มเติบโต สภาพคล่องรายวันอยู่ในระดับสูงที่ ~38,300 ล้านบาท (€1.0 bn)
โดยโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ รายงานเงินไหลเข้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนในท้องถิ่น
รัฐบาลเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.16 ล้านล้านบาท ($35 bn, 10% ของ GDP) ซึ่งหากได้รับการอนุมัติก็คาดว่าจะเพิ่มการโตของGDP เวียดนาม 1% ต่อปี ในช่วงปี 2564-2568
ขอบคุณข้อมูลจาก :
PYN-Elite http://www.pyn.fi/wp-content/uploads/PYN-Elite-Monthly-Review_October_2021_EN_V3.pdf?fbclid=IwAR1oP39IP3Gq_ansucoWo7HavEMTqGl4A_Mx3kW6PKNTlDU6-dBoUVW8w0Q
----
อย่าลืมทุกวันอาทิตย์...
โลกในมุมมองของ Value Investor 30 ตุลาคม 64
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ในช่วงที่หุ้นดิจิตอลและหุ้นไฮเท็คทั้งหลายโดยเฉพาะที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก “บูม” หนักจนอาจจะเป็น “ฟองสบู่” นั้น นักลงทุนทั่วโลกต่างก็สนใจที่จะลงทุนในหุ้นเหล่านั้น แต่เนื่องจากความรู้เกี่ยวกับธุรกิจและตัวหุ้นมีจำกัด คนจำนวนมากจึงสนใจที่จะลงทุนผ่านกองทุนรวมที่บริหารโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีผลงานการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้อย่างชัดเจนเป็นที่ประจักษ์ และกองทุนหรือคนที่เป็นผู้บริหารที่โดดเด่นที่สุดอย่างน้อย 2 รายก็ปรากฏขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือกองทุน ARK Invest ซึ่งทำผลงานการลงทุนในหุ้นไฮเท็ค-เปลี่ยนโลกได้โดดเด่นโดยเฉพาะในปี 2020 ที่กองทุนหลาย ๆ กองให้ผลตอบแทนเป็น 100-200% ในปีเดียว อย่างไรก็ตาม สถิติการลงทุนของ Ark นั้นยังสั้นมากไม่ถึง 10 ปี และในช่วงนั้น มีหลายปีและหลายช่วงที่กองทุนก็ไม่ได้มีผลงานโดดเด่น ตั้งแต่ต้นปี 2021 นี้กองทุนก็ยังติดลบอยู่ขณะที่ดัชนีหลัก ๆ ของโลกกลับบวกค่อนข้างดี ดังนั้น ผลงานหรือฝีมือการลงทุนของ Cathie Wood ยังคงต้องรอการพิสูจน์ต่อไป
อีกกองทุนหนึ่งที่เน้นในหุ้นไฮเท็คหรือ “หุ้นแห่งอนาคต” คล้ายกับกองทุน ARK และก็มีผลงานยอดเยี่ยมเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2020 ในระดับ 100% เหมือนกันก็คือกองทุนของ Baillie Gifford...
โลกในมุมมองของ Value Investor 22 ตุลาคม 64
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การประกาศผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ของแบ้งค์ชาติให้คนสามารถกู้เงินเต็ม 100% ของราคาบ้านได้จากเดิมที่กู้ได้ตั้งแต่ 70-90% ทำให้หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นการสร้างบ้านหรือคอนโดขายปรับตัวขึ้นกันจำนวนมากโดยเฉพาะบริษัทที่เป็นผู้นำและมีขนาดใหญ่ ปรากฏการณ์ครั้งนี้เป็นสิ่งที่น่าจับตามองสำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่แทบจะเลิกสนใจในหุ้นกลุ่มนี้มานานมากแล้วเพราะมันเป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่ “อิ่มตัว” ยอดขายทั้งอุตสาหกรรมน่าจะไม่เพิ่มมาหลายปีและน่าจะลดลงไปเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ ในอนาคต บริษัทจดทะเบียนต่างก็มียอดขาย “เท่าเดิม” มาไม่น้อยกว่า 4-5 ปีขึ้นไปเช่นเดียวกับกำไรที่ทรง ๆ อยู่เท่าเดิมในช่วงเวลาเดียวกัน รายที่ดีขึ้นก็เป็นข้อยกเว้นและก็น่าจะเป็นเรื่องชั่วคราว อนาคตก็คงโตต่อไปไม่ไหว หลาย ๆ บริษัทเริ่มหันไปทำอย่างอื่นเพิ่ม เช่น ทำห้างสรรพสินค้า หรือทำโรงพยาบาล เป็นต้น
ในส่วนของเจ้าของหุ้นหรือผู้บริหารเองนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่สนใจและอาจจะ “ถอดใจ” ที่จะ “ดูแลหุ้น” ที่ส่วนใหญ่ก็ “ไม่ไปไหน” มาหลายปี พวกเขาคงเลิกคิดที่จะได้เงินจากราคาหุ้นแต่ใช้วิธีรับเงินจากการจ่ายปันผลโดยการประกาศจ่ายปันผลที่ดีเมื่อเทียบกับราคาหรือมูลค่าหุ้นของบริษัทมากกว่า ดังนั้น สำหรับนักเก็งกำไรแล้ว หุ้นอสังหาจึงอยู่ “นอกสายตา” แต่สำหรับ VI อย่างผม นี่อาจจะเป็นหุ้นที่ “ลงทุนได้” ถ้าราคาหุ้นถูกพอที่จะเก็บลงทุนระยะยาวเพื่อ “กินปันผล” ที่คุ้มค่า
เหตุผลก็เพราะหุ้นขายบ้านจัดสรรโดยเฉพาะที่มีขนาดใหญ่และอยู่มานานมากนั้น มีคุณสมบัติที่จะทำรายได้และกำไรที่สม่ำเสมอและในระดับสูงและน่าจะนานพอสมควรต่อไปในอนาคต เหตุผลก็เพราะว่าการแข่งขันโดยรายใหม่ ๆ ...
มีคำถามจากมือใหม่ว่า ค่าเงินเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นเวียดนาม อเมริกา จีนหรือหุ้นต่างประเทศอย่างไร
วันนี้ จะเล่าให้ฟังแบบจบในโพสต์เดียว
หลักมันมีอยู่ว่าจะซื้อหุ้น หรือ ETF หรือกองทุนต่างประเทศ ไม่ว่าจะผ่านโบรกเกอร์หรือกองทุนไหนก็ตาม
เขาต้องเอาเงินเราไปแลกเงินประเทศนั้นๆ หากเงินบาทบ้านเราอ่อนค่า ไปแลกเป็นเงินต่างประเทศ มันก็ได้เงินน้อยลง
ยิ่งเงินประเทศที่เราจะลงทุนแข็งค่าขึ้นอีกด้วย เราก็จะแลกเงินเขาได้น้อยลงไปอีก
ดังนั้นเวลาซื้อหุ้นในประเทศเขาเราก็จะได้จำนวนหุ้น น้อยลงนั้นเอง
ยกตัวอย่างได้แบบง่ายๆ โดยไม่นำค่า Fee มารวมคิด ตัวอย่างเช่นอัตราแลกเปลี่ยน 30 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ ต้องการซื้อหุ้น A ราคาหุ้นละ 10 ดอลลาร์ จำนวน 100 หุ้น ต้องใช้เงิน 3000 บาท
ต่อมาเงินบาทอ่อนค่าเป็น 35บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ ต้องการซื้อหุ้น A ราคาหุ้นละ 10 ดอลลาร์ จำนวน 100 หุ้น ต้องใช้เงิน 3500 บาท
ดังนั้นเราต้องจ่ายเงินเพิ่ม 500 บาท จึงอาจไม่เป็นผลดีต่อนักลงทุนหุ้นต่างประเทศหากค่าเงินบาทอ่อน
แต่จะเป็นผลดีต่อนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศอยู่แล้ว เพราะจากกรณีดังกล่าว
หากนักลงมีหุ้น A อยู่ก่อนแล้ว แม้หุ้นไม่ขึ้น...
สัปดาห์ก่อนนายกรัฐมนตรีได้ประกาศ “เปิดประเทศ” ให้ชาวต่างชาติที่มาจากประเทศที่มี “ความเสี่ยงต่ำ” และได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบถ้วนแล้ว สามารถเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยได้อย่างไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันที่ 1เดือนพฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป ข่าวนี้ทำให้วันรุ่งขึ้นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับเพิ่มขึ้น 10 จุด แม้ว่าจะไม่มาก แต่เมื่อคำนึงถึงว่าดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศในวันนั้นต่างก็ไม่ดีนักก็ต้องถือว่านั่นเป็น “ข่าวดี” ที่ประชาชนและนักลงทุนต่างก็ตื่นเต้นที่คาดว่าภายในช่วงสิ้นปีนี้การท่องเที่ยวจะดีขึ้นมาก และนั่นก็จะหมายถึงว่าเศรษฐกิจโดยรวมก็น่าจะเริ่มฟื้นตัวและจะดีขึ้นอีกมากในปีต่อไป ราคาของหุ้นโดยรวมจึงปรับตัวขึ้น และหุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวโดยตรงทั้งจากต่างประเทศและในประเทศก็ปรับตัวขึ้นไปมากยิ่งกว่า นักวิเคราะห์และ “นักเก็งกำไร” ซึ่งมีเพิ่มขึ้นมากในช่วงโควิดต่างก็แนะนำให้ซื้อหุ้นและเข้าซื้อหุ้นโดยเฉพาะที่จะได้รับผลดีจากการเปิดเมืองโดยตรง ยิ่งได้ผลดีมากเท่าไร ก็น่าซื้อมากขึ้นเท่านั้น แต่ผมเองกลับมีความรู้สึกว่านี่อาจจะเป็น “ความเสี่ยง” ที่จะซื้อหุ้นแพงที่เกิดจากแรงกระตุ้นของการเก็งกำไรและการมองโลกในแง่ที่ดีเกินไป
ประเด็นของผมก็คือ การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจนั้น อาจจะดีขึ้นเร็วในช่วงแรก อาจจะซัก 1 ปี อานิสงค์ส่วนหนึ่งจาก “Pent-Up Demand” หรือความต้องการที่เพิ่มขึ้นแรงทันทีเพราะกิจกรรมถูก “อั้นไว้” ไม่สามารถทำได้มานาน แต่เมื่อได้ทำแล้ว หลังจากนั้นความต้องการก็จะกลับสู่ภาวะปกติซึ่งก็อาจจะเติบโตช้าลงมากในปีต่อ ๆ ไปซึ่งน่าจะเกิดจากการที่ประชาชนมีหนี้สินมากขึ้น รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้น คนแก่ตัวลง และอาจจะบริโภคสิ่งที่เคยบริโภคบางอย่างน้อยลงเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในช่วงเกือบ 2 ปีของการระบาดของโควิด-19 ทั้งหมดนั้นทำให้การเติบโตในระยะยาวซัก 3-4 ปีจากนี้อาจจะค่อนข้างต่ำ ซึ่งทำให้บริษัทจดทะเบียนจำนวนมากไม่สามารถเติบโตได้มากนัก และนั่นก็นำไปสู่มูลค่าหุ้นของกิจการที่จะ “ไปไม่ไกล” จากระดับที่เคยสูงสุดก่อนหน้าที่จะเกิดโควิดระบาดเมื่อสิ้นปี 2562
ลองมาดูหุ้นที่น่าสนใจในแต่ละกลุ่มโดยเฉพาะที่มีราคาเพิ่มขึ้นแรงเพราะผลของการประกาศเปิดเมือง โดย “กรอบความคิด”...
วันนี้แอดนั่งดูค่าเงิน และผลตอบแทนหุ้นเวียดนามจากต้นปี
ขอแบ่งตามกลุ่มนักลงทุนหุ้นเวียดนามแบบง่ายๆ เป็น 4 กลุ่ม
1. กลุ่มโอนเงินไปเวียดนาม แล้วลืมซื้อหุ้น กำไร +13.2% YTD
2. กลุ่มโอนเงินไปซื้อ VN30ETF (E1VFVN30) ที่เวียดนาม กำไร +56.21% YTD
3. กลุ่มซื้อ VN30 ETF ในไทย (DR: E1VFVN3001) กำไร +56.25% YTD
4. กลุ่มโอนเงินไปซื้อ Diamond ETF (FUEVFVND) ที่เวียดนาม กำไร +76.6% YTD
—
แต่ก่อน มักได้ยิน นลท. บ่นว่าลงทุนหุ้นเวียดนาม ได้กำไรหุ้นก็ขาดทุนค่าเงิน สุดท้ายไม่ได้อะไร เงินบาทนี่หล่ะเป็น Safe Heaven ที่แท้ทรู
ตอนนี้ มักได้ยิน นลท. บ่นว่าโอนออก ตอนนี้ก็ขาดทุนค่าเงิน รอก่อนดีกว่า ไม่ก็ขายหุ้นเวียดนามทิ้ง เอาเงินกลับจะได้กำไรค่าเงิน
แอดมินว่าการเดาค่าเงินมันยาก...