ครบเครื่อง เรื่อง Diamond ETF
ยังคง Hot เปล่งประกายสำหรับ ETF ของเวียดนามกองนี้นะคะ
แม้ว่าช่วงนี้จะมีย่อลงมาบ้าง แต่ Inbox ใน VVI ก็ยังมีคนถามถึง ETF กองนี้ อยู่ตลอดค่ะ
และที่สำคัญคือกองเพิ่ง Rebalance พอร์ต พร้อม Publish ในเว็บไซต์ DCVFM แอดมินก็เลยขอสรุปคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ Diamond ETF มาสรุปให้ครบเครื่องในโพสต์นี้เลยค่ะ
ปูพื้น
Q1: ETF คืออะไร?
ETF หรือ Exchange Traded Fund คือ กองทุนรวมที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เหมือนหุ้น โดยได้ราคาซื้อขายแบบ Real time ขณะที่กองทุนทั่วไปจะไม่สามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์และไม่มี Market Maker ดูแลสภาพคล่อง
Q2: Diamond ETF คืออะไร?
Diamond ETF รหัสเวลาซื้อหุ้น คือ FUEVFVND เป็นกองทุนเปิดซื้อขายได้สะดวกเหมือนหุ้น 1 ตัว ที่มีไส้ในเป็นหุ้นหลายตัว ใช้เงินน้อย ค่าบริหารกองทุนต่ำ จัดเป็น Passive fund (แต่ลักษณะการเลือกหุ้นกึ่ง Active...
โลกในมุมมองของ Value Investor 15 พฤษภาคม 64
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
สัปดาห์ก่อน ดัชนีหุ้นของสหรัฐนำโดยดาวโจนส์และแนสแดคตกลงมาแรงติดต่อกันประมาณ 3 วันและทำให้ดัชนีหุ้นตกลงไปประมาณ 4-5% ซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวที่รุนแรงมากในระยะเวลาอันสั้น โดยเฉพาะในช่วงเร็ว ๆ นี้ที่ดัชนีมักจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้นักลงทุนส่วนบุคคลรายย่อยต่างก็ “แห่” เข้ามาลงทุนและดันให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์และเครื่องมือการลงทุนอื่นโดยเฉพาะคริปโตเคอเรนซี่ปรับตัวขึ้นไปอย่างแรงและต่อเนื่องมายาวนาน เหตุผลที่หุ้นตกลงมาแรงนั้น นักวิเคราะห์ต่างก็ชี้ไปที่ภาวะเงินเฟ้อในเดือนเมษายน 2021 ที่ปรับขึ้นสูงถึง 4.2% ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตขึ้นอย่างร้อนแรงและในที่สุดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของธนาคารกลางจะต้องปรับขึ้น นอกจากนั้น เม็ดเงิน QE ที่ถูกอัดฉีดเข้าไปในระบบจำนวนมหาศาลก็อาจจะต้องลดลงหรือถูกดูดออก และถ้าเป็นอย่างนั้น ตลาดหุ้นก็จะตกลงมาอย่างแรง เพราะว่าที่จริงแล้ว ดัชนีหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาร้อนแรงยาวนานนั้นก็เป็นเพราะเม็ดเงินที่รัฐอัดเข้าไปในระบบก่อนหน้านั้นนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นสัปดาห์ หุ้นก็ปรับตัวกลับขึ้นมาแรงประมาณครึ่งหนึ่งของที่ตกลงไป ดูเหมือนว่านักลงทุนจะไม่ได้กลัวหรือกังวลมากนัก คนส่วนใหญ่น่าจะยังคิดว่าหุ้นจะดีต่อไปอีกนาน
การปรับตัวลงของหุ้นสหรัฐส่งผลไปยังตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลงมาแรงพอ ๆ กัน และก็น่าจะปรับตัวกลับขึ้นไปตามหุ้นอเมริกาเหมือนกันโดยที่ไม่เว้นตลาดหุ้นไทยที่หุ้นตกลงมาแรงโดยเฉพาะวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 ที่ช่วงหนึ่งดัชนีตกลงไปถึงประมาณ 70 จุดหรือ 4.5% ในเวลาสั้น ก่อนที่จะปรับตัวกลับขึ้นมาเหลือเพียง -20 กว่าจุด สำหรับผมแล้ว เหตุการณ์ในตลาดหุ้นสหรัฐและของไทยอาจจะเป็นสัญญาณ “อันตราย” ว่าตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องยาวนานและสามารถ “ฝ่า” วิกฤติโควิด-19...
พอดีมีเพื่อนนักลงทุนตั้งกระทู้ชวนคุยเรื่อง ETF ในเวียดนามจะมีโอกาสล้มจนไม่สามารถเอาเงินออกมาได้ไหม ในห้องคุยหุ้นเวียดนามฯ https://web.facebook.com/groups/473890360486727
น่าสนใจแอดจึงขอหยิบคำถามนี้มาเป็นบทความ พร้อมเสนอมุมมองทั้งจากกูรูชาวเวียดนาม-ความเห็นส่วนตัวแอดดังนี้ค่ะ
---
?? เริ่มจาก มุมมองจากกูรูชาวเวียดนาม
---
ETF ในเวียดนามได้รับการควบคุมให้เป็นกองทุนเปิดโดย State Securities Commission (SSC - เหมือน ก.ล.ต ไทย) ในเวียดนาม
เนื่องจาก ETF เป็นหน่วยงานต่างจากบริษัทจัดการกองทุนทั่วไป
แม้ว่าบริษัทจัดการกองทุน (ผู้ออกกองยอดฮิตอย่าง E1VFVN30 (VN30) FUEVFVND (Diamond ETF) จะต้องหยุดกิจการ-ล้มละลาย แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อ ETF
ความรับผิดของผู้ออกกอง ETF มีจำกัด ดังนั้นไม่คิดว่าจะมีโอกาสที่ ETF จะล้มละลายได้
เงินของนักลงทุนอยู่กับธนาคารผู้รับฝากทรัพย์สินของ DCVFM ธนาคาร VCB (Vietcom bank ธนาคารอันดับ 1 ของเวียดนาม หุ้น Market cap ใหญ่อันดับ 2 รองจาก Vingroup)
ซึ่งหมายความว่าเมื่อใดก็ตามที่บริษัทจัดการ ETF หรือ DCVFM ต้องการใช้จ่ายอะไรก็ต้องปฏิบัติตามหนังสือชี้ชวนและธนาคารเข้มงวดมากในเรื่องนี้
เรื่องนี้เวียดนามค่อนข้างเข้มงวดเพื่อปกป้องนักลงทุน
—-
??ในหนังสือเวียน 229 (Circular 229) ซึ่งควบคุม ETF ในเวียดนาม
—-
ข้อ...
#ทีมเวียดนาม ไตรมาสแรก หุ้นใน VN index รายได้เพิ่มขึ้น 24.8% และกำไรสุทธิเพิ่ม 51.8% จากปีก่อนหน้า
ดัชนี Vn-Index เพิ่มขึ้น 4.1% ในเดือนเมษายน และเพิ่มขึ้น 12.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งดีกว่าตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก
มูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็น 725 ล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายน จาก 596 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก่อนหน้า ปีที่แล้วมีเพียง 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้น 5.5 เท่า YoY)
ตัวเลขนี้เกือบจะในระดับเดียวกับตลาดหุ้นสิงคโปร์ ยังเป็นรองแค่ตลาดหุ้นไทย แต่เหนือกว่ามาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
การเติบโตนี้ได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกรวมถึงกระแสการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่แข็งแกร่ง
ขณะที่การผลิตและการบริโภคก็เพิ่มขึ้นด้วย
ในขณะเดียวกันมีการเปิดบัญชีลงทุนหุ้นในประเทศใหม่ 113,000 บัญชีในเดือนมีนาคม 2564 รวมเป็น 3.02 ล้านคนหรือ 2.8% ของประชากรทั้งประเทศ
แม้ว่าสิ่งนี้ดูจะเพิ่มความเสี่ยงของความผันผวน
แต่ HSBC ระบุว่าไม่เห็นความเสี่ยงจากการปรับฐานครั้งใหญ่
โดยกล่าวว่า“ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากลดลง และราคาทองคำอยู่ใต้แรงกดดัน นักลงทุนไม่มีทางเลือกอื่นนัก”
ไม่ต้องพูดถึงแนวโน้มที่สดใสของหุ้น
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้รับการยืนยันจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสแรกของปี 2564
“โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 24.8% เมื่อเทียบเป็นรายปีและกำไรสุทธิ 51.8% “
“ ไม่นานจากนี้ เราเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะไม่สามารถเพิกเฉยต่อความน่าสนใจของหุ้นเวียดนาม” HSBC ย้ำ
แม้ว่าข้อจำกัด การเป็นเจ้าของหุ้นของชาวต่างชาติ (FOL)...
โลกในมุมมองของ Value Investor 8 พฤษภาคม 2564
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
สัปดาห์ก่อนเกิด “ปรากฏการณ์” ทางสังคมที่ “ประหลาด” ซึ่งทำให้เกิดความงงงวยโดยเฉพาะกับคน “รุ่นเก่า” ที่มักจะเป็นผู้สูงอายุ นั่นก็คือ เกิดกระแสในทวิตเตอร์ “#ย้ายประเทศกันเถอะ” เพราะมีคนตั้งกลุ่มในเฟซบุคในชื่อเดียวกัน และหลังจากนั้นภายในเวลาไม่กี่วันก็มีสมาชิกเกือบล้านคนแล้ว คนที่เข้าไปเป็นสมาชิกของกลุ่มนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็น “คนรุ่นใหม่” อายุน่าจะประมาณ 24-30 ปี บางส่วนก็ยังเป็นเด็กนักเรียนมัธยมอายุ 15-18 ปี พวกเขาตั้งกลุ่มและเข้าเป็นสมาชิกเพื่อหาข้อมูลและให้ความช่วยเหลือคนที่ต้องการย้ายไปอยู่ประเทศอื่นแบบ “ถาวร” หรือ “ยาวนาน” ด้วยเหตุผลที่ว่า ประเทศไทย “ไม่มีอนาคต” สำหรับ “คนรุ่นใหม่” ที่อายุยังน้อยและต้องการสร้างอนาคตที่ดีให้กับตนเอง ก่อนหน้านี้พวกเขาคือคนที่ประท้วงและเรียกร้องให้มีการปฏิรูปทางการเมืองและสังคมที่พวกเขาเห็นว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคและไม่ฟังเสียงของประชาชน พวกเขาเห็นว่า ด้วยระบบที่เป็นอยู่ ประเทศจะไม่พัฒนาและล้าหลังและคนที่จะรับผลอันนั้นในอนาคตก็คือพวกเขาเอง การเรียกร้องและ “ต่อสู้” ของพวกเขานั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับการตอบรับอย่างสิ้นเชิง ตรงกันข้าม กลับถูก “ปราบปราม” จนหลายคน “สิ้นหวัง” และถอดใจจนเกิดความคิดใหม่ว่า ถ้าอย่างนั้น น่าจะย้ายไปอยู่ประเทศอื่นจะดีกว่า
การย้ายไปอยู่ต่างประเทศแบบถาวรหรือไม่มีกำหนดเรื่องระยะเวลากลับนั้น ไม่เหมือนกับการไปเรียนหรือการทำงานหาเงินและเก็บเงินเพื่อที่จะกลับมาอยู่เมืองไทยอย่างคนที่มีสถานะ มีเงิน และมีความก้าวหน้าขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การมีชีวิตที่มีความสุข ...
เกิดอะไร? ทำไม Diamond ผันผวนหนัก?
ช่วง 2 วันมานี้ตลาดหุ้นเวียดนามก็ดูไม่ได้ผันผวนอะไร แต่ทำไม Diamond ETF (FUEVFVND) ขวัญใจนักลงทุนไทยและต่างชาติ ผันผวนหนักจัง?
วีวีไอจะสรุปให้ฟังค่ะ
——ทำไม——เมื่อวานอยู่ดีๆ Diamond ก็ All time highที่ +4.64% (23,700 VND)
วันนี้ก็มีช่วงที่ -5.19% (22,470 VND)
สุดท้าย ปิดตลาดไปที่ -2.95% (23,000 VND)
ทั้งๆ ที่ตลาดหุ้นก็ไม่ได้ผันผวนอะไร มันเกิดอะไรขึ้น?
——ปรับพื้น——สำหรับเพื่อนๆ ที่เป็นมือใหม่ในวงการ ETF เวียดนาม แอดมินขออธิบายปรับพื้นนิดนะคะว่า ETF (Exchange Traded Fund) เป็นกองทุนรวมที่ซื้อขายได้เสมือนหุ้น 1 ตัว เปี๊ยบ! Diamond ETF ก็เช่นกัน
แต่! ราคาที่ซื้อขายจะเป็นไปตามการขึ้นลงของราคา-สัดส่วนหุ้นในกอง 13-18 ตัวที่ Diamond ถืออยู่นั้น
ไม่ได้ขึ้นตามความพอใจของผู้ซื้อและผู้ขายเหมือนหุ้นทั่วๆ ไป
——ดังนั้น——เวลาเราลงทุน ETF เวียดนาม อีกสิ่งสำคัญที่เราควรดูประกอบคือ
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยประมาณ (iNAV) ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงแบบ Real-Time ตลอดวัน ซึ่งผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market...
แอดเพิ่งดูรายการสัมภาษณ์ วิเคราะห์ประชุมผู้ถือหุ้นปู่บัฟเฟตต์ กับดร.นิเวศน์ ล่าสุด
ขอหยิบยกประเด็นที่น่าสนใจมาฝาก ดังนี้ค่ะ
——
ทำไม ETF เวียดนามถึงน่าสนใจ
——
30 ปี ก่อน บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก Bank of Japan $104,000 ล้าน
ตอนนี้บริษัทที่ใหญ่สุดของโลกเป็น Apple มูลค่า $2.055 ล้านล้านเหรียญ
ทั้งมูลค่าและธุรกิจนี่คนละเรื่องกับสมัยก่อนเลย
แต่จากแสนล้าน เป็น 2 ล้านล้านใน 30 ปี คิดเป็นผลตอบแทน 10.5% ทบต้น
นี่มันเท่ากับผลตอบแทนที่น่าจะได้จากการซื้อ ETF (index fund) !
Warren buffet พูดว่าคุณซื้อ index เท่ากับคุณเลือกหุ้นเก่งมาก คัดแต่ตัวเจ๋งๆ
30 ปี ก่อนเป็นBank of Japan เวลาผ่านไปเค้าก็คัดออกแล้วค่อยๆ เอาตัวใหม่มาแทน
ค่า fee ธรรมเนียมอะไรต่างๆ ก็แทบไม่เสีย (หรือต่ำมาก)
คุณซื้อ Index (ETF) ทบต้นได้ปีละ 10% กว่ารวย
Buffet ทำผลตอบแทนดีมากใน 30 ปีแรก
แต่ 30 ปีหลัง ซื้อ Index (ETF)...
หุ้นแบงค์เวียดนามกับ Diamond ETF
“แบงค์ก็แบงค์ ไดมอนด์ก็ไดมอนด์ แล้วมันเกี่ยวกันยังไง”
หากเพื่อนๆ กำลังบ่นในใจว่าแอดจะพาดหัวบทความยาวทำไม
“แบงค์ก็แบงค์ ไดมอนด์ก็ไดมอนด์ อย่าเอามาปนกัน”
แอดขออธิบายให้ฟังแบบนี้ค่ะ
หุ้นกลุ่มธนาคารคิดเป็นสัดส่วนราวๆ 40% ใน ETF ทั้งยอดฮิตทั้ง 2 ตัว ของนักลงทุนไทย
ทั้ง Diamond ETF (FUEVFVND) , VN30 ETF (E1VFVN30, DR:E1VFVN3001) ดังนั้นภาพรวมหุ้นแบงค์ของเวียดนามก็เป็นเรื่องที่เราต้องจับตามองค่ะ
#ยกตัวอย่าง
วันนี้เป็นวันสิ้นเดือนแอดนั่งรวมพอร์ตตัวเอง
ถ้าหุ้นรายตัวที่เป็นแบงค์ของแอด มีแค่ 2.5% ของพอร์ต
แต่!
พอร์ตแอดมี Diamond ETF 26%
และ VN30 ETF อีกเกือบ 9%
ซึ่ง!
หุ้นที่เป็นสัดส่วนใหญ่สุดใน Diamond ETF คือ
หุ้นแบงค์ (รวม Consumer finance ด้วย) คิดเป็น 40.8% ของกอง
และ!
หุ้นที่เป็นสัดส่วนใหญ่สุดใน VN30 ETF คือ
หุ้นแบงค์ คิดเป็น 38% ของกอง
#นั่นก็แปลว่า!
จากเดิมที่คิดว่าแอดมีหุ้นแบงค์แค่ 2.5%
แท้จริงแล้วมีถือโดยอ้อมผ่าน Diamond ETF = 10.6% และ VN30 ETF=3.4%
รวมแอดมีหุ้นแบงค์...
ไม่ได้ IPO ติดล้อไทย ไม่ต้องเสียใจ VVI จะพาไปติดล้อเวียดค่ะ
วันนี้ฟีด Facebook แอดมีแต่เรื่อง IPO หุ้น “เงินติดล้อ” (TIDLOR) เพื่อให้สาระพร้อมกับความอินเทรนด์เลยขอพาเพื่อนๆ ไปรู้จักหุ้นแนวเงินติดล้อที่เวียดนามกัน
แต่ก่อนอื่นขอชวนนั่ง Time Machine ย้อนไป 10-15 ปี ก่อนที่“เงินติดล้อ วันนั้นยังไม่เป็นแบบวันนี้”
กล่าวคือ “ คนเวียดนามยังกู้เงินไม่ค่อยเป็น รถยนต์ก็ยังไม่ค่อยมี เงินมันเลยติดล้อได้ไม่เท่าไทยค่ะ“
แต่ถ้าคนเวียดนามรู้จักสร้างหนี้เท่าคนไทย แอดว่าภาพรวมธุรกิจ Consumer Finance เวียดนามก็จะโตได้อีกเป็นเด้งเลย ดังนี้
เด้งแรก!
ที่เวียดนามส่วนใหญ่ใช้คำว่า Consumer loan แทน Household debt ซึ่งแค่ 20%กว่า ต่อ GDP (บางแหล่งอาจบอกว่า 40% กว่า)
“แต่หนี้ครัวเรือนพี่ไทยสูงจะทะลุ 90% ของ GDP แล้ว”
แค่มีหนี้เท่าไทย Consumer Finance ก็โตได้อีก 100-200%
เด้งสอง!
ประชากรเวียดนามเกือบ 100 ล้าน ไทย 70 ล้าน แปลว่าฐานลูกค้า Consumer เวียดนามมากกว่าไทยมีแต้มต่อให้โต
เด้งสาม!
-...
โลกในมุมมองของ Value Investor 24 เมษายน 64
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ตั้งแต่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาเมื่อต้นปี 2563 โลกของการลงทุนก็เปลี่ยนไป จากการลงทุนโดย “มืออาชีพ” และนักลงทุนสถาบัน รวมถึงนักลงทุนส่วนบุคคลผู้มุ่งมั่น เป็นผู้เล่นหลัก ก็กลายเป็นนักลงทุนส่วนบุคคลรายย่อยที่เน้นการ “เก็งกำไร” เป็นหลัก การเข้ามา “เล่น” ของพวกเขา ทำให้ทรัพย์สินหรือหลักทรัพย์ทางการเงินจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงหุ้นและอนุพันธุ์ของหุ้น และ Crypto Currency เช่น บิทคอยน์ มีราคาขึ้นไปอย่างรวดเร็วและสูงจน “กูรู” หรือผู้เชี่ยวชาญ “รุ่นเก่า” ส่วนใหญ่มองว่า “เป็นไปไม่ได้” และคิดว่าในที่สุดมันก็จะต้องตกลงมาอย่างแรงและคนที่เข้าไปเล่นก็จะเสียหายอย่างหนัก ผมเองก็คิดอย่างนั้น และโดยส่วนตัวก็ไม่ได้เข้าไปร่วมใน “มหกรรมการเก็งกำไร” ที่น่าจะพูดได้ว่ารุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่งของโลก
ถ้าจะพูดว่าผมอาจจะ “ตกยุค” ที่ไม่ตระหนักว่าโลกของการลงทุนกำลัง “เปลี่ยนไป” ธุรกิจต่าง ๆ และโครงสร้างของการทำธุรกรรมการเงินรุ่นเก่ากำลังล่มสลายหรือถูก Disrupt และทำให้เสียโอกาสที่จะทำกำไรได้อย่างรวดเร็วในช่วง 1-2 ปีมานี้ผมก็ยอมรับ เพราะการลงทุนในระยะสั้นนั้น ผลงานการลงทุนย่อมขึ้นอยู่กับภาวะของตลาดอยู่ไม่น้อย ในยามที่ตลาดกำลัง “ร้อนแรง” และมีการ “เก็งกำไร” ที่สูงมากอย่างในช่วงเร็ว ๆ นี้ คนที่เล่นหุ้นหรือหลักทรัพย์ที่มีการเก็งกำไรสูงก็มักจะทำผลงานได้ดีมาก ...