ตลาดหุ้นเวียดนามร่วงหนักในเดือนมีนาคม 2563 ตามตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด -19  แทนที่จะตื่นตระหนกกับการร่วงลงของหุ้นอย่างไม่หยุดยั้งนาย Dinh Thanh Cong ตัดสินใจเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น เพื่อนบอกเขาว่านี่เป็นโอกาสที่จะซื้อหุ้นราคาถูกดังนั้น Cong จึงเข้าสู่ตลาดพร้อมกับนักลงทุนหุ้นใหม่เกือบ 400,000 คนในเวียดนามเมื่อปีที่แล้ว จำนวนนักลงทุนมือใหม่เข้าสู่ตลาดเป็นจุดเปลี่ยนของตลาดหุ้นเวียดนาม  “ ระหว่าง Covid-19 บางครั้งฉันต้องทำงานที่บ้านจึงมีเวลาทำอย่างอื่น” Cong กล่าว ตอนนี้เขาเป็นวิศวกร ได้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SSI สำหรับการซื้อขายหุ้น และมักจะตรวจสอบพอร์ตโฟลิโออย่างน้อย 4 ครั้งต่อวัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการซื้อขายเชื่อว่ากระแสนักลงทุนหน้าใหม่ (F0)  ที่เข้าสู่ตลาดหุ้นเวียดนามมาจากสาเหตุ 3 ประการ  ได้แก่  อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงอย่างรวดเร็วทำให้ผู้ฝากเงินออมต้องการมองหาช่องทางการลงทุนอื่น ๆ ชาวเวียดนามมีเงินลงทุนมากขึ้น รวมถึงเงินจากรุ่นปู่ย่าตายายที่เริ่มต้นธุรกิจในช่วงทศวรรษ 1980 การเว้นระยะทางสังคมที่ทำให้คนจำนวนมากติดอยู่กับบ้านพร้อมเงินเพื่อเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น ในปี 2020 ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (VSD) บันทึกบัญชีส่วนตัวใหม่ 2.7 ล้านบัญชีเพิ่มขึ้น 16.8% เมื่อเทียบกับปี 2019 แนวโน้มนี้แข็งแกร่งขึ้นอีกในปี 2564 โดยเฉพาะเกือบ 114,000 บัญชีที่เปิดในเดือนมีนาคมที่มากสุดเป็นประวัติการณ์ "เราไม่เคยเห็นคนจำนวนมากรีบเปิดบัญชีหุ้นและย้ายเงินออกจากธนาคารเช่นนี้" Lim Shiu Beng รองผู้จัดการทั่วไปของ SBBS Securities กล่าวกับ Nikkei Asia แม้มีความกังวลว่าหุ้นเวียดนามกำลังแสดงสัญญาณฟองสบู่ แต่นาย Lim ยังคงคิดว่านักลงทุนรายย่อยเข้าถึงข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ  รัฐบาลเวียดนามมีเป้าหมายที่จะยกระดับตลาดจากตลาดชายขอบ (Frontier) ไปสู่ตลาดเกิดใหม่ (Emerging) ในตะกร้าดัชนีหุ้น MSCI...
โลกในมุมมองของ Value Investor      10 เมษายน 64 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ในขณะที่การระบาดของโควิด-19 ในประเทศหลัก ๆ ของโลกเช่นในสหรัฐอเมริกาและประเทศต่าง ๆ ในยุโรปที่ต้องเผชิญกับปัญหาอย่างรุนแรงมากในปีที่แล้ว  กำลังเริ่มลดลงเพราะการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอย่างกว้างขวาง  สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยกลับเลวร้ายลง “อย่างมาก” เนื่องจากเรากำลังประสบกับการระบาดของโรค “โควิดรอบ 3” ที่มีการกระจายและติดเชื้อในหมู่คนค่อนข้างกว้างขวางเมื่อเทียบกับการระบาดรอบแรกที่เกิดจากสนามมวยและรอบสองที่เกิดในหมู่คนงานต่างชาติและในตลาดสดที่อยู่ในต่างจังหวัด  แต่การระบาดรอบนี้เริ่มจากสถานบันเทิงระดับหรูที่เกี่ยวข้องกับคนที่มีสถานะทางสังคมสูงที่มักจะมีการติดต่อกับผู้คนจำนวนมาก  และยังรวมถึงผู้ให้บริการเช่นนักร้องนักดนตรีที่มักจะเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ  และพบกับผู้คนจำนวนมากด้วย  การกระจายตัวของการติดเชื้อรอบนี้จึงมีมากและการติดตามและป้องกันก็คงจะยากขึ้นมาก  ผู้เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญบางคนถึงกับบอกว่า  โควิดรอบนี้อาจจะรุนแรงกว่ารอบก่อนหน้าเป็น 10 หรือ 100 เท่า  ผมเองก็รู้สึกว่าคงเป็นอย่างนั้น  ว่าที่จริง  ใน 2 รอบก่อนนั้น  ผมไม่เคยมีเพื่อนหรือคนรู้จักที่ติดจริง ๆ เลย  แต่รอบนี้มีและพบว่ามีคนแทบทุกวงการที่ติดเชื้อ   มันคง “ใกล้ตัว” เข้ามาทุกทีแล้ว  ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดว่าเรื่องวัคซีนเราจะรอ ๆ ไปก่อนเพื่อความมั่นใจว่ามันจะไม่มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงจริง ๆ  ตอนนี้ผมคิดว่าผมอยากฉีดวัคซีนแล้ว  แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ฉีดเมื่อไร ตลาดหุ้นของแต่ละประเทศนั้น  เป็น “เทอร์โมมิเตอร์” หรือเป็น “เครื่องวัด” ที่ทรงประสิทธิภาพมากว่าผลงานการบริหารหรือการจัดการโดยเฉพาะในด้านของเศรษฐกิจ  สังคม และการเมืองของประเทศนั้นทำได้ดีแค่ไหน ...
ว่าด้วยเรื่องของจดหมายเชิญประชุมผู้ถือหุ้นเวียดนามนั้นเป็นเรื่องที่แอดเองก็ไม่เคยนำมาเขียนเป็นบทความมาก่อน วันนี้จึงอยากมาเล่าให้เพื่อนๆ VVI ฟังค่ะ พอร์ตลงทุนหุ้นเวียดนามของแอดมีทั้งผ่านโบรกเกอร์ไทยที่ชื่อผู้ถือหุ้นฝั่งเวียดนามจะเป็นชื่อของโบรกเกอร์ และพอร์ตที่แอดลงทุนตรงกับโบรกเกอร์เวียดนาม ตรงนี้ชื่อผู้ถือหุ้นจะเป็นชื่อเรา จึงทำให้ได้รับหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นรวมทั้งมีสิทธิในการโหวตออกเสียง วันนี้แอดดูหนังสือเชิญประชุมบางส่วนที่ส่งมา ก็รู้สึกถึงพัฒนาการของหนังสือเชิญประชุมในวันนี้ที่แตกต่างกับ 5-6 ปีที่แล้ว กล่าวคือ เดิมหนังสือเชิญประชุมหลายบริษัทเป็นภาษาเวียดนามล้วน แต่ปัจจุบันเป็นแบบ 2 ภาษา (มีภาษาอังกฤษประกอบด้วย) แทบทุกแห่งปัจจุบัน: บริษัทส่วนใหญ่จะมีการ List ประเด็นต่างๆ Publish ข้อมูลสำคัญต่างๆ ทาง website ให้เราอ่าน ก่อนวันประชุมจริงปัจจุบัน: บางบริษัทสามารถเข้าประชุมระบบออนไลน์ได้ด้วย แถมใช้ Zoom ระบบ 2 ภาษา เลือกภาษาฟังได้ปัจจุบัน: วิธีการร่วมประชุม เพียงแค่นำจดหมายเชิญประชุมมาพร้อมกันเอกสารแสดงตัวตน (Passport หรือ บัตรประชาชน) มาในงาน ถ้าให้คนอื่นมาแทนก็ต้องมีฟอร์มตัวแทนร่วมประชุมปัจจุบัน: ในเอกสารเชิญประชุมหลายแห่งมี QR CODE ให้ Download อ่านล่วงหน้า และ QR CODE ที่เป็นเฉพาะข้อมูลของเราเพื่อใช้ SCAN ในงานร่วมประชุม ตัวอย่างบริษัทที่ส่งจดหมายมาช่วงนี้ VCI (Viet Capital Securities) เชิญประชุม 9 เม.ย. ที่ Park Hyatt...
โลกในมุมมองของ Value Investor       4 เมษายน 64 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผมเข้าใจว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เปลี่ยนเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูล  “ผู้ถือหุ้นรายใหญ่” ของบริษัทจดทะเบียนตั้งแต่ต้นปี 2564 จากที่เคยรายงานชื่อผู้ถือหุ้นทุกคนที่ถือหุ้นตั้งแต่ 0.5% ขึ้นไป  เป็นการรายงานเฉพาะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดเพียง  10  อันดับ  ผมเองไม่รู้ว่าเหตุผลจริง ๆ คืออะไร  แต่ก็รู้สึกว่าข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถือหุ้นคงจะ “น้อยลง”  เพราะ “ผู้ถือหุ้นใหญ่” 10 อันดับแรกนั้น  ส่วนใหญ่จะมีหุ้นมากกว่า 0.5% ของบริษัท  ที่จะมีน้อยกว่า 0.5% ก็มักจะเป็นบริษัทที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนไม่นานและ/หรือเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่เจ้าของเดิมไม่ขายหุ้นออกมา เช่นหุ้น AOT OR หรือ BCPG เป็นต้น  การ “ลด” การเปิดเผยข้อมูลชื่อผู้ถือหุ้นครั้งนี้  ซึ่งส่วนใหญ่ก็ปรากฏขึ้นหลังจากบริษัทปิดสมุดทะเบียนเพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิเข้าประชุมใหญ่ประจำปีผู้ถือหุ้นและการจ่ายปันผล  ได้ทำให้นักลงทุนจำนวนไม่น้อยรู้สึก “หงุดหงิด” และเห็นว่าตลาดไม่ควรเปลี่ยน  เพราะสำหรับนักลงทุนแล้ว  ข้อมูลรายชื่อ “ผู้ถือหุ้นใหญ่” มีความสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนอยู่ไม่น้อย  แม้แต่ในตลาดหุ้นที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐ  เวลาที่มีการรายงานว่าบัฟเฟตต์เข้าไปลงทุนในบริษัทไหน  หุ้นตัวนั้นก็มักจะวิ่งกระฉูด  เช่นเดียวกับเวลาที่กองทุนของอาร์คอินเวสเม้นต์เข้าไปลงทุนในหุ้นตัวไหน  หุ้นตัวนั้นก็ปรับตัวขึ้นแรงเหมือนกัน  เพราะคนที่  “เล่นหุ้นตามเซียน” นั้น  มีมากมายโดยเฉพาะในยามที่ตลาดหุ้นมีการเก็งกำไรสูงมากอย่างในช่วงเร็ว...

Technoking

0
โลกในมุมมองของ Value Investor    27 มีนาคม 64 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมานั้น  คนในแวดวงธุรกิจและเท็คโนโลยีที่โดดเด่นที่สุดในโลกคนหนึ่งที่ไม่มีใครสามารถปฎิเสธได้ก็คือ อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของบริษัทเทสลาและสเปซเอ็กซ์ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าและการบุกเบิกทางอวกาศ และก็แน่นอนว่า  ตำแหน่งที่เป็นทางการหรือเป็นที่รับรู้ของคนทั่วไปก็คือ “Chief Executive Officer” หรือ  “ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร”  หรือก็คือ  ผู้บริหารที่ “ใหญ่ที่สุด” ในสายงานบังคับบัญชาของบริษัท  อย่างไรก็ตาม  งานหลักที่อีลอนมัสก์ทำในบริษัทซึ่งทำให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันและมีชื่อเสียงโด่งดังและหุ้นของบริษัทมีค่ามากที่สุดก็คือ  การทำหน้าที่เป็นผู้นำในการค้นคว้าทดลองทางด้านเทคโนโลยีของบริษัท  บทบาทของมัสก์นั้นมากเสียจนแทบจะเรียกว่า  อีลอนมัสก์ก็คือบริษัท  และบริษัทก็คืออีลอนมัสก์  คล้าย ๆ  กับสมัยที่สตีป จอบส์  ปั้นบริษัทแอปเปิลจนกลายเป็นผู้นำโลกทางด้านโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสารอีกหลาย ๆ อย่าง ความเคลื่อนไหว  ความคิดและการแสดงออกของมัสก์นั้น  มักเป็น “ข่าวใหญ่” เสมอ  แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ  น้อยที่เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อนที่เขาประกาศว่าจะเปลี่ยนชื่อตำแหน่งของตนเองจาก CEO เป็น “Technoking of Tesla” หรือ  “ราชันเทคโนโลยีแห่งเทสลา”  ซึ่งฟังดูราวกับว่ามาจากนวนิยายวิทยาศาสตร์แฟนตาซีที่คนรุ่นใหม่นิยมอ่านกัน  ไม่เพียงแต่ตัวเขา  แต่ CFO...
โลกในมุมมองของ Value Investor     20 มีนาคม 64 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งในตลาดหุ้นไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและดูเหมือนว่าจะเข้มข้นขึ้นในช่วงเร็ว ๆ นี้ก็คือ  การเล่นหุ้นเก็งกำไรที่มีฟรีโฟลทต่ำโดยอาศัย “ธีม” หรือเรื่องราวที่คนพูดถึงกันทั่วไปว่าจะเป็น “แนวโน้มใหม่” ของธุรกิจที่จะเติบโตและทำเงินให้แก่บริษัทจดทะเบียนที่เข้าไปทำหรือเกี่ยวข้องด้วย  อย่างเช่นเรื่องของ “กัญชง-กัญชา” ที่เพิ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายให้เป็นพืชสมุนไพรที่สามารถนำมาผสมหรือสร้างผลิตภัณฑ์ขายให้แก่ผู้ใช้หรือผู้บริโภคได้จากการที่เคยเป็นพืชที่เป็น “ยาเสพติด” ต้องห้ามที่คนรุ่นเก่าหลายคนโดยเฉพาะที่เป็น “ศิลปิน” ชอบที่จะใช้เพื่อช่วยเสริม  “จินตนาการ” ในการทำงาน  ว่าที่จริงในอดีต  ช่วงที่เกิดปรากฏการณ์  “เสรีนิยม” ของคนรุ่นใหม่  ซึ่งนำไปสู่การต่อต้านสงครามเวียตนามของเหล่า  “ฮิปปี้” หรือ  “บุปผาชน” ที่ “ต่อต้านสังคม” โดยการไว้ผมยาวและทำตัวสกปรก “ไร้สาระ” ในช่วงทศวรรษ 1960-1970 หรือเมื่อประมาณ 50-60 ปีมาแล้วนั้น  กัญชาก็คือสิ่งที่พวกเขาใช้เป็น “ยากล่อมประสาท” หลัก ประเทศไทยในช่วงนั้น  ถึงแม้ว่าจะเป็นประเทศ  “อนุรักษ์นิยม” สุด ๆ  แต่เราก็มีเด็กวัยรุ่นบางส่วนที่ทำตัวเป็น  “ฮิปปี้”  อยู่เหมือนกันแม้จะไม่ค่อยรู้ความหมายที่แท้จริงว่าฮิปปี้คืออะไร  ส่วนตัวผมเองนั้น  ช่วงที่กำลังเติบโตเป็นวัยรุ่นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย  ปรากฏการณ์ของฮิปปี้ก็เริ่มซาลงแล้ว  ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะว่าสงครามเวียตนามกำลังจบลง  อย่างไรก็ตาม  กัญชาก็กลายเป็นสิ่งที่สังคมไทยเริ่มรับรู้ว่าเป็น  “ยาเสพติดแบบอ่อนที่ไม่ได้ติดง่าย...
โลกในมุมมองของ Value Investor    13 มีนาคม 64 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ช่วงสิ้นเดือนมกราคมปี 2564 ผมได้เขียนบทความเรื่อง “GameStop สงคราม(หุ้น)ประชาชน” ในบทความนั้นผมได้เล่าเรื่องของหุ้น GameStop หรือ GME ว่าปรับตัวขึ้นมาถึง 19 เท่าในเวลาเพียงเดือนเดียวในช่วงเดือนมกราคม 2564  เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยที่เกาะกลุ่มกันในห้องเกี่ยวกับการลงทุน WallstreetBet ของเวปไซต์ยอดนิยม Reddit ได้เข้ามา “กวาด” ซื้อหุ้น GME เนื่องจากรู้มาว่าหุ้นตัวนี้ถูกชอร์ตเซลจากเหล่า Hedge Fund “นักล่า”  จำนวนมากที่เห็นว่า GME กำลังถูก Disrupt จากเทคโนโลยีดิจิทัล  ผลของการซื้อหุ้นในตอนนั้นทำให้เฮดจ์ฟันด์ถูก “ต้อนเข้ามุม”  หรือถูก  “Short Squeeze” ต้องกลับไปซื้อหุ้น GME ในขณะที่ไม่มีหุ้น GME ที่จะเหลือให้ซื้อ  ส่งผลให้ราคาขึ้นไปมหาศาล  “ชัยชนะ” หรือกำไรก้อนโตตกอยู่กับนักลงทุนรายย่อยแบบไม่น่าเชื่อ  เพราะในอดีตนั้น  การ “เล่นหุ้น”  ถูก “ควบคุม” เกมโดยรายใหญ่ที่มักเป็นสถาบันการลงทุนโดยเฉพาะที่เป็นเฮดจ์ฟันด์ หลายคนบอกว่าโลกของการลงทุนกำลังจะเปลี่ยนไป  รายย่อยที่เป็นบุคคลธรรมดานั้น  มี  “อาวุธ” ...
https://youtu.be/ASd-DRvPRrI หุ้นต่างประเทศน่าลงทุนแค่ไหน โดยเฉพาะหุ้นใกล้บ้านเราอย่างเวียดนาม วันนี้มาพูดคุยประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นเวียดนาม กับเเขกรับเชิญสุดพิเศษ คุณสติมา เมี้ยนละม้าย หรือคุณเต๋า จาก Vietnam Value Investor หุ้นเวียดนาม กับพรี่หนอม TAXBugnoms และหมอนัท คลินิกกองทุนแสดงน้อยลง สนใจเรียนรู้ออนไลน์ ลงทุนหุ้นเวียดนาม อเมริกา จีน สามารถดูรายละเอียดและ สมัครได้ที่: https://bit.ly/316AyPX  ท่านสามารถติดตามข่าวสารจาก vietnamviได้ที่ Website - https://www.vietnamvi.com Facebook -https://www.facebook.com/vvinvestor/ Line @vietnamvi- https://lin.ee/47V0kep YouTube- https://youtube.com/c/Vietnamvi
วันนี้จะมาแนะนำอีกหุ้นหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญไม่น้อยในตลาดเวียดนามนะครับ VRE หรือ Vincom Retail ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของเวียดนามครับ ทั้งนี้ถ้ามองถึงตลาดค้าปลีก ค้าปลีกถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มสอดคล้องกับ GDP ของแต่ละประเทศ อย่างในเวียดนาม เมื่อเศรษฐกิจเวียดนามมีโอกาสเติบโต จากทั้งปัจจัยพื้นฐาน หรือโครงสร้างประชากรที่ยังเติบโตได้ ค้าปลีกก็เป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้ที่จะต้องจับตามอง ถ้าจะเปรียบเทียบกับหุ้นไทย จะต้องบอกว่า ค้าปลีก คร่าวๆในไทยจะมีหุ้นหลักๆ ของกลุ่มเซ็นทรัล 2 ตัว คือ CRC และ CPN ในส่วนของ CRC : Central Retail Corporation เป็นค้าปลีกหลักๆเราเรียกกันว่า department store หรือห้าง หรือง่ายๆคือ รายได้หลัก มาจาก การซื้อมาขายไป หรือ มีของจาก supplier (ผู้ประกอบการแบรนด์ต่างๆ) มาวางขายในร้าน และร้านเหล่านี้ก็ได้กำไรส่วนต่างหรือ margin นั่นเอง ซึ่งคร่าวๆ CRC ก็จะมีห้างเซ็นทรัล โรบินสัน ห้างราลินาเซนเต้ (La Rinacente) อิตาลี หรือ คาเดอเวอ (KaDeWe) เยอรมัน หรือ อิลลุม...
โลกในมุมมองของ Value Investor   6 มีนาคม 64 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ด้วยโลกของการลงทุนที่เปิดกว้างขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนสำหรับนักลงทุนไทย  ประกอบกับการที่ตลาดหุ้นไทยมีผลงานการลงทุนที่ “ย่ำแย่” คือแทบไม่ให้ผลตอบแทนเลยมาเป็นเวลา 7-8 ปีแล้ว  การเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนไปยังตลาดอื่น ๆ  ทั่วโลกจึงเป็นสิ่งที่มีเหตุผลและนักลงทุนจำนวนไม่น้อยก็ได้เริ่มออกไปลงทุน  หลาย ๆ  คนได้ผลตอบแทนที่ดีมากในช่วงเร็ว ๆ  นี้  อย่างไรก็ตาม  มีคำถามว่าตลาดหุ้นที่ไปลงนั้น  จะดีต่อไปอย่างยั่งยืนหรือเปล่า  เรามีทางวิเคราะห์ว่าตลาดไหนน่าลงทุนในระยะยาว เป็นสิบ ๆ ปีหรืออย่างน้อย 5 ปีขึ้นไปโดยที่มีความเสี่ยงต่ำที่จะขาดทุนหรือให้ผลตอบแทนน้อยกว่าในตลาดหุ้นไทยสำหรับผมเอง  มีวิธีการคิดดังต่อไปนี้ ประเด็นแรกก็คือ  เราจะต้องดูการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศก่อนว่าจะเติบโตเร็วและยาวนานไปอย่างน้อยก็ต้อง 10 ปีขึ้นไปหรือเปล่า  เพราะเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ  นั้นก็มักจะทำให้ตลาดหุ้นเติบโตขึ้นตามกันไป  ประเด็นที่สองก็คือ  ขนาดของเศรษฐกิจก็จะต้องใหญ่พอที่จะรองรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นที่จะเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ  และในยุคใหม่ของโลกในวันนี้  ประเทศที่มีคนน้อยเกินไปก็มักจะไม่สามารถที่จะมีเศรษฐกิจที่ใหญ่มากได้  เพราะคนก็คือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของประเทศในโลกปัจจุบันที่ทรัพยากรอื่น ๆ  นั้นสามารถเคลื่อนไหวไปได้อย่างสะดวกทั่วโลก  สูตรของผมสำหรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจระยะยาวก็คือ   หนึ่ง  ประเทศจะต้องมีระบบการปกครองที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจ  สอง  จะต้องมีกำลังคนหรือแรงงานที่เป็นหนุ่มสาวเพิ่มขึ้น  และสามก็คือ  คุณภาพของคนจะต้องดี  อาจจะวัดจาก IQ และการศึกษาของคนในประเทศนั้น  ถ้าขาดข้อใดข้อหนึ่ง  ศักยภาพของประเทศก็จะจำกัด  โตได้ถึงจุดหนึ่งก็จะหยุด ด้วยกรอบความคิดดังกล่าว ...

MOST POPULAR