ผ่านไปแล้วกับทริปสัมมนา VVI Danang 2024 กับ Theme: Stocks on the beach & Hills 9 years of VVI: Go fun-Go far-Go together! ขอขอบคุณ “Dragon Capital” สำหรับการเป็น Partner และช่วยประสานงานในทริปครั้งนี้ ขอขอบคุณ Speaker - พี่กอล์ฟ “Warayuth Wongpaiboonwattana” - พี่ณัฐ “Nattapol Mongkolpradit” และพิธีกรคนเก่งของเรา น้องแบม “วศิน มานัสสถิตย์” “หลักทรัพย์ HSC” - Ms. MY TRAN HUONG Director, Head of Consumer Research I Research Division “MSN” - Mr. Le Ba Nam Anh Head of Corporate Strategy & Development Masan - Mr. Thai...
ผ่านไปแล้วกับทริปสัมมนา VVI HCMC 2024 (9 years of VVI)ขอขอบคุณ Speaker ไทย ที่บินลัดฟ้ามาร่วมงานครั้งนี้- ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร- ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ( ประธานกรรมการบริหารของหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส)- คุณธาราบดี ซึ้งอดิชัยวิทย์ (SVP ผู้จัดการทั่วไป ธนาคารกรุงเทพ เวียดนาม)- P'มี่ ทิวา ชินธาดาพงศ์- P'เจ๊กกี้ สุธน สิงหสิทธางกูร- P'พี่หลิน วีระพงษ์ ธัม- P'วัฒน์ วัฒนา หุ่นทรงธรรม- P'พี่แจ๊ค วิศวกร ปันยารชุนและพิธีกรคนเก่งของเรา น้องแบม “วศิน มานัสสถิตย์”ขอบคุณ “Dragon Capital” สำหรับการเป็น Partner และช่วยประสานครั้งนี้ขอบคุณ Speaker เวียดนามDragon Capital- Mr. Hưng Nguyễn, Senior Economist- Mr. Thanh Le,...
โลกในมุมมองของ Value Investor      29 มิ.ย. 67 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร การตกลงมาของหุ้นที่เคยปรับตัวขึ้นไปสูงมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในช่วงเร็ว ๆ นี้  ผมคิดว่านักลงทุนในตลาดหุ้นไทยควรจะต้องปรับ “Mindset” ในการลงทุนใหม่ถ้าหวังที่จะลงทุนแล้วประสบความสำเร็จในระยะยาวต่อจากนี้ คำว่า Mindset นั้น แปลง่าย ๆ  ก็คือ  กรอบความคิดหรือทัศนคติทางจิตใจที่เกิดขึ้นจากสมองของเรา  ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการลงทุนของเรา  การลงทุนของเราจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับการที่เราจะมี Mindset ที่ถูกต้องในระยะยาวค่อนข้างมาก  บางทีอาจจะสำคัญยิ่งกว่าความสามารถในการวิเคราะห์หุ้นด้วยซ้ำ  คำพูดที่ว่า  “เก่งแค่ไหนก็ไม่สำคัญเท่ากับว่ามี Mindset หรือกรอบคิดในการลงทุนอย่างไร”  นั้น  ผมว่าเป็นเรื่องจริง และต่อไปนี้ก็คือ Mindset ที่นักลงทุนควรจะสร้างขึ้นในใจและยึดถือเป็นหลักในการลงทุนเพื่อหวังผลระยะยาวถึงยาวมากตลอดชีวิต ข้อแรกก็คือ  ปรับความคิดใหม่เรื่องการลงทุนในตลาดหุ้น  จากการเก็งกำไรระยะสั้นเป็น  การลงทุนระยะยาวใน “บริษัท” ซึ่งจะต้องมั่นใจว่าเป็นบริษัทที่ดี  สามารถขายสินค้าหรือบริการที่แข่งขันได้  หรือที่ยิ่งดีก็คือ  เหนือกว่าคู่แข่งเพราะมีความได้เปรียบทางธุรกิจที่ยั่งยืนไปอีกหลาย ๆ  หรืออย่างน้อยสิบปีขึ้นไป  และหุ้นของบริษัทมีราคาถูกหรือยุติธรรม  มีผู้บริหารที่มีความซื่อสัตย์ต่อผู้ถือหุ้นทุกคน ถ้าเราไม่เข้าใจธุรกิจของบริษัท  เราจะไม่ลงทุน  ไม่ว่าเราจะคิดว่าเดี๋ยวหุ้นจะขึ้นหรือไม่  ซึ่งนั่นก็อาจจะทำให้เราไม่ลงทุนในหุ้นจำนวนมากที่อาจจะกำลังร้อนแรงและเรามั่นใจว่าหุ้นจะวิ่งขึ้นไปแน่ในเวลาอันสั้น  ว่าที่จริง  ถ้าเรามี Mindset แบบนี้เต็มเปี่ยมจริง ๆ  เราก็อาจจะไม่จองซื้อแม้แต่หุ้น IPO ที่เราไม่รู้จักอะไรเลยเกี่ยวกับบริษัทแต่มั่นใจว่าหุ้นจะวิ่งขึ้นแน่ในยามที่ตลาดหุ้นกำลังบูมสุดขีด ข้อสอง  Mindset ที่ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น  สามารถที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีมากในระดับปีละอย่างน้อย...
โลกในมุมมองของ Value Investor     22 มิถุนายน 67 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ช่วงนี้นักลงทุนส่วนบุคคลแทบทุกกลุ่ม  รวมถึง VI รายย่อยและรายใหญ่  “ระดับเซียน” ต่างก็ “เจ็บ” กันหนัก  บางคนก็แทบจะเป็น “หายนะ”  การที่พอร์ต “ขาดทุน 50%” หรือมากกว่านั้น  ไม่ใช่เรื่องที่ “ผิดปกติ” อีกต่อไป  ทั้ง ๆ ที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้ตกลงมารุนแรงมากในระดับวิกฤติ  และก็ไม่ได้ตกลงมาอย่างรวดเร็วเพราะมีเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างเกิดขึ้น  ว่าที่จริงตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเร็ว ๆ  นี้  “เงียบเหงามาก” ปริมาณการซื้อ-ขายหุ้นต่อวันลดลงมาเหลือเพียงวันละประมาณ 4-50,000 ล้านบาท โดยเฉลี่ย  และดัชนีหุ้นก็ผันผวนน้อย-แต่หนักทางลดลงเรื่อย ๆ แบบช้า ๆ  ซึ่งนักวิเคราะห์บางคนบอกว่าเป็น  อาการ “ต้มกบ” คือ  ดัชนีหุ้นลดลงแบบช้า ๆ  จนคนไม่รู้ตัว  กว่าจะรู้ก็สายเสียแล้ว นักลงทุนที่เจ็บหนักมากในรอบนี้ดังที่กล่าวนั้น  เป็นเพราะพวกเขาเล่นหุ้นหรือลงทุนในบริษัทขนาดเล็กและกลางที่ก่อนหน้านั้นมีผลงานที่ยอดเยี่ยม  ราคาหุ้นขึ้นไปแรงและสูงมากอย่างไม่น่าเชื่ออานิสงค์จากการที่หุ้น  “ถูกคอร์เนอร์” เพราะเม็ดเงินของคนที่ซื้อนั้นมีปริมาณมากกว่าปกติมาก  และก็มักจะมาจากนักลงทุนรายใหญ่ที่เข้ามาลงทุนในหุ้นที่มีสตอรี่และกำลังมีผลประกอบการที่โดดเด่น  แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นปัจจัยชี้ขาดและจำเป็นก็คือ  เจ้าของและผู้บริหารของบริษัทเหล่านั้น  เข้ามาร่วม “เล่นหุ้น” ของตนเองด้วย ถึงวันนี้ ...
โลกในมุมมองของ Value Investor        15 มิ.ย. 67 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ตลาดหุ้นไทยในช่วงเร็ว ๆ  ผมคิดว่านักลงทุนจำนวนมากรู้สึก “ท้อแท้” และ  “สิ้นหวัง” เหตุผลในภาพใหญ่อาจจะเป็นเรื่องที่ดัชนีตลาดหุ้นตั้งแต่ต้นปีที่ 1,416 จุด  ตกลงมาตลอดจนเหลือ 1,306 จุด ในวันที่ 14 มิถุนายน 2567 หรือลดลงมาประมาณ 7.8% ซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่ตกลงมามากที่สุดในโลกประเทศหนึ่งหลังจากปีที่แล้วที่ดัชนีตลาดก็ “แย่ที่สุดในโลก” แบบเดียวกัน  และที่แย่ลงไปอีกก็คือ  หุ้นไทยนั้นตกต่ำลงทั้ง ๆ  ที่ตลาดหุ้นต่างประเทศหลัก ๆ  ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างทั่วหน้า  อานิสงค์จากการที่เศรษฐกิจโลกปรับตัวขึ้นโดดเด่นในขณะที่เศรษฐกิจไทยถดถอยลงมาก มองจากเหตุผลระยะสั้นแบบเทคนิคก็คือ  หุ้นไทยตกเพราะนักลงทุนต่างชาติ “ขายสุทธิ” หุ้นในตลาดค่อนข้างมาก  และเป็นการขายต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันนี้สูงถึงเกือบแสนล้านบาทแล้วในเวลาไม่ถึง 6 เดือน  ซึ่งก็เป็นการขายสุทธิที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับอดีตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่ต่างชาติขายเฉลี่ยปีละประมาณ 1 แสนล้านบาท  รวมแล้วขายมาแล้วประมาณ 1 ล้านล้านบาท แต่การขายสุทธิโดยตัวของมันเองก็ไม่ได้แปลว่าหุ้นจะต้องลงเสมอไป  ตัวอย่างเช่นหุ้นในเอเชียส่วนใหญ่ในช่วงนี้ต่างก็ถูกขายสุทธิเช่นเดียวกัน  แต่ตลาดหุ้นก็ไม่ได้ลง  ว่าที่จริงตลาดหุ้นเวียดนามในช่วงนี้ก็ถูกขายสุทธิจากต่างชาติหนักมาก  แต่ดัชนีหุ้นยังปรับตัวขึ้นถึงประมาณ 13% นับจากต้นปี  หรืออย่างดัชนีฮั่งเส็งของตลาดฮ่องกงเองก็ปรับตัวขึ้นประมาณ 6%...
โลกในมุมมองของ Value Investor       8 มิถุนายน 2567 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผมเพิ่งกลับจากการเดินทางไปเยือนเมืองโฮจิมิน 2 วัน หลังจากที่ไปครั้งสุดท้ายเมื่อปลายปี 2560 หรือประมาณ 6-7 ปีที่ผ่านมา  ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากที่ผมไม่ได้ “สัมผัส” กับ “บรรยากาศ” ของประเทศเวียดนามที่ผมมั่นใจว่ากำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเห็นได้จากตัวเลขทางเศรษฐกิจและข่าวสารต่าง ๆ  ที่ออกมาตลอดเวลาไม่ต้องพูดถึงราคาและดัชนีตลาดหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะ 2-3 ปีหลังนี้ การไป “เห็นกับตา” และได้เยี่ยมเยียนร้านค้า  บ้านเมือง  และธุรกิจ  รวมถึงการได้คุยกับ “คนเวียดนาม” ที่หลากหลายนั้น  จะ Confirm หรือยืนยันว่าสิ่งที่ผมคิดในเรื่องต่าง ๆ  ของเวียดนามนั้นเป็นจริงหรือไม่  และอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไปด้วยความเชื่อมั่นที่สูง  ทั้งหมดนั้นจะช่วยให้ผมสามารถ “ลงทุนระยะยาว” ในธุรกิจและบริษัทที่จะเป็น “ซุปเปอร์สต็อก” ได้อย่างมั่นใจและสบายใจขึ้น รายการแรกที่ผมทำเมื่อเดินทางถึงที่พักทันทีก็คือการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวชื่อดังของเวียดนามถึงเรื่องของการลงทุนของผมในเวียดนามและมุมมองต่าง ๆ  เกี่ยวกับตลาดหุ้นและบริษัทจดทะเบียน  ความรู้สึกก็คือ  ขณะนี้การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นกิจกรรมที่คนเวียดนามสนใจมาก  ว่าที่จริงจำนวนนักลงทุนส่วนบุคคลในเวียดนามนั้นเกินกว่า 7 ล้านคนและน่าจะมากกว่าตัวเลขของตลาดหุ้นไทยแล้ว  ปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยต่อวันในช่วงเร็ว ๆ  นี้ผมคิดว่าน่าจะมากกว่าตลาดหุ้นไทยแล้วถ้าดูจากตัวเลขว่าปริมาณการซื้อขายหุ้นต่อวันของไทยประกอบไปด้วยการเทรดของต่างชาติเป็นหลักในขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามนั้น  เป็นนักลงทุนส่วนบุคคลน่าจะระดับ 80-90% ขึ้นไป นั่นก็ทำให้ผมคิดว่า  เมื่อถึงวันที่ตลาดหุ้นเวียดนามได้รับการปรับขึ้นเป็น “Emerging...
โลกในมุมมองของ Value Investor  25 พฤษภาคม 67 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร หลังจากข้อมูลการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 1 ปี 2567 ของประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศหลัก ๆ ในกลุ่มอาเซียนถูกประกาศออกมาเมื่อ 4-5 วันที่ผ่านมา  รัฐบาลและนักวิชาการไทยต่างก็รู้สึกตกใจและผิดหวังกับตัวเลขการเติบโตของ GDP ไทยที่ 1.5% และต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้  โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่เติบโตสูงกว่ามาก  นอกจากนั้น  ตัวเลขนี้ก็เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าการเติบโตในปีก่อนทั้งปีที่ 1.9% ด้วย  ในขณะที่ตัวเลขของประเทศอื่น ๆ  นั้นดูเหมือนว่ากำลังฟื้นตัวและการเติบโตอยู่ในเกณฑ์ที่สูงกว่ามาก  และก็สูงใกล้เคียงกับช่วงปีก่อน การเติบโตของ GDP เวียดนามนั้น  แม้ว่าจะลดลงจากระดับ 6% ปีที่แล้ว  ก็บวก 5.7% ในไตรมาส 1 ปีนี้  และเป็นระดับที่  “สูงที่สุด” ในอาเซียนเท่า ๆ กับฟิลิปปินส์   ส่วนอินโดนีเซียนั้นเติบโตรองลงมาที่ 5.1%  มาเลเซีย 4.2% และสิงคโปร์ก็ยังโต 2.7% ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่ไม่เลวเมื่อคำนึงถึงว่าสิงคโปร์นั้นเป็นประเทศพัฒนาแล้วและมีรายได้ต่อหัวสูงเกือบที่สุดในโลกอยู่แล้ว   โดยที่ไทยอยู่ในอันดับสุดท้าย  ซึ่งก็เป็นอันดับที่ไทยได้มาหลายปีที่ผ่านมา ตัวเลขการเติบโตของสหรัฐซึ่งเป็นตัวแทนของ “เศรษฐกิจโลก” และเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกที่สำคัญที่สุดก็เติบโตถึง...
ขอปิดรับ! ❌ทริปสัมมนาหุ้นเวียดนาม 2024ทั้ง Ho Chi Minh City และ Danang ค่ะ ขอบคุณผู้สมัครทริปสัมมนา VVI ไปเวียดนามทุกท่านขอบคุณ Dragon Capital สำหรับการช่วยประสานงานในทริป ขอบคุณ Special Guest ในทริป HCMCดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากรดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการP’ เอก ธาราบดี ซึ้งอดิชัยวิทย์P’ มี่ ทิวา ชินธาดาพงศ์P’ หลิน วีระพงษ์ ธัมP’ วัฒน์ วัฒนา หุ่นทรงธรรมP’ แจ๊ค วิศวกร ปันยารชุนP’ เจ๊กกี้ สุธน สิงหสิทธางกูร ที่สละเวลามาร่วม ทริปสัมมนาที่โฮจิมินห์กับเรา สำหรับ ทริปดานัง Stocks on the Beachที่ 7 ปี มี 1 ครั้ง รับรองว่าสนุกไปพร้อมกับสาระด้วยแน่นอนค่ะ หลังจากนี้ แอดมินจะสรุป Agenda พร้อม Live เตรียมตัวเดินทางสำหรับผู้ร่วมทริป รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบทาง Line กลุ่มต่อไปขอบคุณทุกท่านมากค่ะ...
โลกในมุมมองของ Value Investor       18 พ.ค. 67 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ในปี 1996-2001 เป็นเวลาประมาณ 5 ปี เป็นช่วง “เวลาทอง” และ “จุดจบ” ของกองทุน “Tiger Funds” หรือ “กองทุนเสือ” ที่ก่อตั้งและบริหารโดย Julian Robertson นักลงทุนเฮดจ์ฟันด์แนว VI กลุ่มแรก ๆ  ที่จัดตั้งและบริหารเงินทุนโดยใช้หลักการแบบ “VI” อย่างเข้มข้น  อย่างไรก็ตาม  เนื่องจากสถานการณ์และความผิดพลาดรุนแรงและการที่อาจจะไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงเพียงพอ  จึงทำให้กองทุน “ล่มสลาย” ในที่สุด อย่างไรก็ตาม  หลังจากการล่มสลายของกองทุนไทเกอร์  ลูกน้องและผู้ช่วยของโรเบิร์ทสันหลาย ๆ คนก็ออกมาก่อตั้งกองทุนที่ถูกเรียกว่า “Tiger Cub” หรือกองทุน  “ลูกเสือ” ซึ่งก็คงเน้นการลงทุนแนว VI แบบเข้มข้นเหมือนเดิม  เพราะนั่นคือสัญลักษณ์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับไทเกอร์ฟันด์มานานก่อนที่จะปิดตัวลง  คนที่ออกมาตั้งกองทุนลูกเสือก็คงมีชื่อเสียงว่าเป็น  “เซียน VI” ในสายตาของคนทั่วไปหรือลูกค้า Bill Hwang ชาวเกาหลีที่อพยพมาอยู่ในอเมริกาและน่าจะเป็นลูกน้องและผู้บริหารที่โดดเด่นของโรเบิร์ตสัน  ได้ออกมาจัดตั้งบริษัทจัดการลงทุนชื่อ  “Tiger Asia...
โลกในมุมมองของ Value Investor 11 พฤษภาคม 2567 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ตั้งแต่ต้นปี 2567 ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวขึ้นไปประมาณ 10% แล้วนับถึงวันที่ 10 พฤษภาคม นับเป็นการฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 2566 ที่ดัชนีปรับตัวขึ้นไปประมาณ 12% โดยเหตุผลของการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นนั้นมาจากการฟื้นตัวของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวมาตั้งแต่ปี 2566 หลังจากสถานการณ์วิกฤติโควิด 19 “จบลง” ตัวเลขการนำเข้าและส่งออกที่เคยซบเซาเพราะภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่เอื้ออำนวยนั้น  เดือนเมษายนที่ผ่านมาเติบโตขึ้น 19.9% และ 10.6% ตามลำดับ ซึ่งทำให้ประเทศได้เปรียบดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 8.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ  ตัวเลขการบริโภคของประชาชนคือการค้าปลีกเพิ่มขึ้น 9%   รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 58%  และ 4 เดือนที่ผ่านมานั้นแซงช่วงก่อนโควิดไปแล้ว   การลงทุนทางตรงของต่างชาติตั้งแต่ต้นปีเพิ่มขึ้น 7.4%  แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเศรษฐกิจที่จะเติบโตต่อไปอย่างมั่นคง  เช่นเดียวกับค่าเงินด่องที่อ่อนค่าลงน้อยกว่าหลาย ๆ  ประเทศรวมถึงไทยนับตั้งแต่ต้นปี ดูเหมือนว่าเวียดนามกำลัง “ตั้งหลัก” ได้  และกำลัง “ฟื้นตัว” จากภาวะวิกฤติเนื่องจากโควิด 19 ซึ่งช่วงหนึ่งดัชนีหุ้นตกลงมาอย่างรุนแรงประมาณ 45% จนเหลือประมาณ 650 จุด เมื่อประมาณ...

MOST POPULAR