นักลงทุนบอกเซ็งเป็ด Diamond ETF All Time High หลังจากวันก่อนที่แอดโพสต์เรื่องหุ้นเวียดนามตก -3.19%ทำเอานักลงทุนในเพจที่ตั้งใจเก็บ Diamond ETF บ่น“ ETF Diamond ไม่ค่อยลงเลย รอเก้อ”“ ไดมอนไม่ค่อยลงเลยครับแอด รออยู่” เมื่อวานเพื่อนในกลุ่ม Line ก็บ่นต่อ“ ไดมอนไม่ลง เซ็งเป็ด” สุดท้ายปิดตลาดเมื่อวาน (ศุกร์) Diamond ETF ทำ All Time High ที่ 21,180 VND (+2.17%) เรื่องน่ารู้Diamond ETF (ชื่อหุ้นตอนสั่งซื้อ : FUEVFVND) จะขึ้นหรือลงนั้นจะแปรผันตามการขึ้นลงของหุ้นรายตัวในกอง 13 ตัว ตามสัดส่วนน้ำหนัก NAV - Net Asset Value หรือ ทรัพย์สินสุทธิทั้งหมดที่กองทุน ETF นั้นมี โดย NAV (%) Diamond ETF ปัจจุบัน ดังนี้ ค่ะ 1 FPT 16.39%2 MWG 15.26%3...
https://youtu.be/vR_iDc5G2S8 พิเศษสำหรับผู้สมัครสัมมนาชมย้อนหลัง- คลิป VDO สัมมนาคนลงทุนหุ้นเวียดนาม 62 และปีก่อนที่ไม่เคยเผยแพร่มาก่อน- บทความ/คลิปไอเดียลงทุนของวิทยากรสุดว้าว- ไลฟ์ชวนคุยกับกูรูทั้งในและต่างประเทศ เริ่มศึกษาเรียนรู้ได้ทันทีเดี๋ยวนี้ใน Facebook กลุ่มปิด! ปรับทัพลงทุนหุ้นเวียดนาม อเมริกา จีน เท่านั้น  สมัครดูสัมมนาย้อนหลังได้ที่:https://bit.ly/316AyPXสอบถามเพิ่มเติม line: @vietnamvi หรือ Inbox มาที่  facebook.com/vvinvestor
โลกในมุมมองของ Value Investor     17 เมษายน 64 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2540 ซึ่งเป็นปีวิกฤติ “ต้มยำกุ้ง” มาจนถึงปัจจุบันและผ่านวิกฤติรุนแรงมาอย่างน้อยอีก 3 ครั้ง คือวิกฤติไฮเท็คในตลาดหุ้นสหรัฐในปี 2000   วิกฤติซับไพร์มของอเมริกาปี 2008  และล่าสุดคือวิกฤติโควิด-19 ในปี 2020 หรือปีที่แล้วที่ยังถือว่าไม่สงบ-  อย่างน้อยในประเทศไทย  แต่หลังจากวิกฤติทุกครั้งที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตกลงมาอย่างรุนแรงขนาดอย่างน้อย 40-50%  มันก็ปรับตัวกลับขึ้นมาได้เท่าเดิมและปรับตัวขึ้นต่อไปหลังจากที่วิกฤติผ่านพ้นไปและเศรษฐกิจกลับมาเติบโต  “อย่างแรง” และโตเกินกว่าช่วงก่อนวิกฤติในที่สุด ถ้าจะพูดอย่างถูกต้องในช่วงเวลานี้เกี่ยวกับวิกฤติโควิด-19  เราก็คงจะต้องบอกว่า “โลก” กำลังจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปแล้ว  ตัวเลขการเติบโตของ GDP ล่าสุดจากประเทศจีนคือ  ในไตรมาศแรกจะโตประมาณ 18.3% ซึ่งเป็นการโตที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี  จากการตกต่ำลงเนื่องจากปัญหาโควิด-19 ในไตรมาศ 1 ของปีที่แล้ว  และต่อจากนี้เศรษฐกิจก็จะเติบโตเป็นปกติและอย่างรวดเร็วต่อไปตามที่เคยเป็นมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา  ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์เองนั้น  ดัชนีตลาดหุ้นของประเทศซึ่งรวมถึงเซี่ยงไฮ้และเสิ่นเจิ้นต่างก็ปรับตัวขึ้นสูงกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ไปมากแล้ว   เช่นเดียวกัน  เศรษฐกิจของสหรัฐเองก็กำลังฟื้นตัว-อย่างแรง  ตัวเลขการบริโภค  การผลิต  การจ้างงานและอื่น ๆ  เติบโตขึ้นมากในไตรมาศแรกและการเติบโตของ GDP โดยรวมน่าจะอยู่ที่...
ตลาดหุ้นเวียดนามร่วงหนักในเดือนมีนาคม 2563 ตามตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด -19  แทนที่จะตื่นตระหนกกับการร่วงลงของหุ้นอย่างไม่หยุดยั้งนาย Dinh Thanh Cong ตัดสินใจเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น เพื่อนบอกเขาว่านี่เป็นโอกาสที่จะซื้อหุ้นราคาถูกดังนั้น Cong จึงเข้าสู่ตลาดพร้อมกับนักลงทุนหุ้นใหม่เกือบ 400,000 คนในเวียดนามเมื่อปีที่แล้ว จำนวนนักลงทุนมือใหม่เข้าสู่ตลาดเป็นจุดเปลี่ยนของตลาดหุ้นเวียดนาม  “ ระหว่าง Covid-19 บางครั้งฉันต้องทำงานที่บ้านจึงมีเวลาทำอย่างอื่น” Cong กล่าว ตอนนี้เขาเป็นวิศวกร ได้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน SSI สำหรับการซื้อขายหุ้น และมักจะตรวจสอบพอร์ตโฟลิโออย่างน้อย 4 ครั้งต่อวัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการซื้อขายเชื่อว่ากระแสนักลงทุนหน้าใหม่ (F0)  ที่เข้าสู่ตลาดหุ้นเวียดนามมาจากสาเหตุ 3 ประการ  ได้แก่  อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงอย่างรวดเร็วทำให้ผู้ฝากเงินออมต้องการมองหาช่องทางการลงทุนอื่น ๆ ชาวเวียดนามมีเงินลงทุนมากขึ้น รวมถึงเงินจากรุ่นปู่ย่าตายายที่เริ่มต้นธุรกิจในช่วงทศวรรษ 1980 การเว้นระยะทางสังคมที่ทำให้คนจำนวนมากติดอยู่กับบ้านพร้อมเงินเพื่อเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น ในปี 2020 ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (VSD) บันทึกบัญชีส่วนตัวใหม่ 2.7 ล้านบัญชีเพิ่มขึ้น 16.8% เมื่อเทียบกับปี 2019 แนวโน้มนี้แข็งแกร่งขึ้นอีกในปี 2564 โดยเฉพาะเกือบ 114,000 บัญชีที่เปิดในเดือนมีนาคมที่มากสุดเป็นประวัติการณ์ "เราไม่เคยเห็นคนจำนวนมากรีบเปิดบัญชีหุ้นและย้ายเงินออกจากธนาคารเช่นนี้" Lim Shiu Beng รองผู้จัดการทั่วไปของ SBBS Securities กล่าวกับ Nikkei Asia แม้มีความกังวลว่าหุ้นเวียดนามกำลังแสดงสัญญาณฟองสบู่ แต่นาย Lim ยังคงคิดว่านักลงทุนรายย่อยเข้าถึงข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ  รัฐบาลเวียดนามมีเป้าหมายที่จะยกระดับตลาดจากตลาดชายขอบ (Frontier) ไปสู่ตลาดเกิดใหม่ (Emerging) ในตะกร้าดัชนีหุ้น MSCI...
โลกในมุมมองของ Value Investor      10 เมษายน 64 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ในขณะที่การระบาดของโควิด-19 ในประเทศหลัก ๆ ของโลกเช่นในสหรัฐอเมริกาและประเทศต่าง ๆ ในยุโรปที่ต้องเผชิญกับปัญหาอย่างรุนแรงมากในปีที่แล้ว  กำลังเริ่มลดลงเพราะการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอย่างกว้างขวาง  สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยกลับเลวร้ายลง “อย่างมาก” เนื่องจากเรากำลังประสบกับการระบาดของโรค “โควิดรอบ 3” ที่มีการกระจายและติดเชื้อในหมู่คนค่อนข้างกว้างขวางเมื่อเทียบกับการระบาดรอบแรกที่เกิดจากสนามมวยและรอบสองที่เกิดในหมู่คนงานต่างชาติและในตลาดสดที่อยู่ในต่างจังหวัด  แต่การระบาดรอบนี้เริ่มจากสถานบันเทิงระดับหรูที่เกี่ยวข้องกับคนที่มีสถานะทางสังคมสูงที่มักจะมีการติดต่อกับผู้คนจำนวนมาก  และยังรวมถึงผู้ให้บริการเช่นนักร้องนักดนตรีที่มักจะเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ  และพบกับผู้คนจำนวนมากด้วย  การกระจายตัวของการติดเชื้อรอบนี้จึงมีมากและการติดตามและป้องกันก็คงจะยากขึ้นมาก  ผู้เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญบางคนถึงกับบอกว่า  โควิดรอบนี้อาจจะรุนแรงกว่ารอบก่อนหน้าเป็น 10 หรือ 100 เท่า  ผมเองก็รู้สึกว่าคงเป็นอย่างนั้น  ว่าที่จริง  ใน 2 รอบก่อนนั้น  ผมไม่เคยมีเพื่อนหรือคนรู้จักที่ติดจริง ๆ เลย  แต่รอบนี้มีและพบว่ามีคนแทบทุกวงการที่ติดเชื้อ   มันคง “ใกล้ตัว” เข้ามาทุกทีแล้ว  ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดว่าเรื่องวัคซีนเราจะรอ ๆ ไปก่อนเพื่อความมั่นใจว่ามันจะไม่มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงจริง ๆ  ตอนนี้ผมคิดว่าผมอยากฉีดวัคซีนแล้ว  แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ฉีดเมื่อไร ตลาดหุ้นของแต่ละประเทศนั้น  เป็น “เทอร์โมมิเตอร์” หรือเป็น “เครื่องวัด” ที่ทรงประสิทธิภาพมากว่าผลงานการบริหารหรือการจัดการโดยเฉพาะในด้านของเศรษฐกิจ  สังคม และการเมืองของประเทศนั้นทำได้ดีแค่ไหน ...
ว่าด้วยเรื่องของจดหมายเชิญประชุมผู้ถือหุ้นเวียดนามนั้นเป็นเรื่องที่แอดเองก็ไม่เคยนำมาเขียนเป็นบทความมาก่อน วันนี้จึงอยากมาเล่าให้เพื่อนๆ VVI ฟังค่ะ พอร์ตลงทุนหุ้นเวียดนามของแอดมีทั้งผ่านโบรกเกอร์ไทยที่ชื่อผู้ถือหุ้นฝั่งเวียดนามจะเป็นชื่อของโบรกเกอร์ และพอร์ตที่แอดลงทุนตรงกับโบรกเกอร์เวียดนาม ตรงนี้ชื่อผู้ถือหุ้นจะเป็นชื่อเรา จึงทำให้ได้รับหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นรวมทั้งมีสิทธิในการโหวตออกเสียง วันนี้แอดดูหนังสือเชิญประชุมบางส่วนที่ส่งมา ก็รู้สึกถึงพัฒนาการของหนังสือเชิญประชุมในวันนี้ที่แตกต่างกับ 5-6 ปีที่แล้ว กล่าวคือ เดิมหนังสือเชิญประชุมหลายบริษัทเป็นภาษาเวียดนามล้วน แต่ปัจจุบันเป็นแบบ 2 ภาษา (มีภาษาอังกฤษประกอบด้วย) แทบทุกแห่งปัจจุบัน: บริษัทส่วนใหญ่จะมีการ List ประเด็นต่างๆ Publish ข้อมูลสำคัญต่างๆ ทาง website ให้เราอ่าน ก่อนวันประชุมจริงปัจจุบัน: บางบริษัทสามารถเข้าประชุมระบบออนไลน์ได้ด้วย แถมใช้ Zoom ระบบ 2 ภาษา เลือกภาษาฟังได้ปัจจุบัน: วิธีการร่วมประชุม เพียงแค่นำจดหมายเชิญประชุมมาพร้อมกันเอกสารแสดงตัวตน (Passport หรือ บัตรประชาชน) มาในงาน ถ้าให้คนอื่นมาแทนก็ต้องมีฟอร์มตัวแทนร่วมประชุมปัจจุบัน: ในเอกสารเชิญประชุมหลายแห่งมี QR CODE ให้ Download อ่านล่วงหน้า และ QR CODE ที่เป็นเฉพาะข้อมูลของเราเพื่อใช้ SCAN ในงานร่วมประชุม ตัวอย่างบริษัทที่ส่งจดหมายมาช่วงนี้ VCI (Viet Capital Securities) เชิญประชุม 9 เม.ย. ที่ Park Hyatt...
โลกในมุมมองของ Value Investor       4 เมษายน 64 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผมเข้าใจว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เปลี่ยนเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูล  “ผู้ถือหุ้นรายใหญ่” ของบริษัทจดทะเบียนตั้งแต่ต้นปี 2564 จากที่เคยรายงานชื่อผู้ถือหุ้นทุกคนที่ถือหุ้นตั้งแต่ 0.5% ขึ้นไป  เป็นการรายงานเฉพาะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดเพียง  10  อันดับ  ผมเองไม่รู้ว่าเหตุผลจริง ๆ คืออะไร  แต่ก็รู้สึกว่าข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถือหุ้นคงจะ “น้อยลง”  เพราะ “ผู้ถือหุ้นใหญ่” 10 อันดับแรกนั้น  ส่วนใหญ่จะมีหุ้นมากกว่า 0.5% ของบริษัท  ที่จะมีน้อยกว่า 0.5% ก็มักจะเป็นบริษัทที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนไม่นานและ/หรือเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่เจ้าของเดิมไม่ขายหุ้นออกมา เช่นหุ้น AOT OR หรือ BCPG เป็นต้น  การ “ลด” การเปิดเผยข้อมูลชื่อผู้ถือหุ้นครั้งนี้  ซึ่งส่วนใหญ่ก็ปรากฏขึ้นหลังจากบริษัทปิดสมุดทะเบียนเพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิเข้าประชุมใหญ่ประจำปีผู้ถือหุ้นและการจ่ายปันผล  ได้ทำให้นักลงทุนจำนวนไม่น้อยรู้สึก “หงุดหงิด” และเห็นว่าตลาดไม่ควรเปลี่ยน  เพราะสำหรับนักลงทุนแล้ว  ข้อมูลรายชื่อ “ผู้ถือหุ้นใหญ่” มีความสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนอยู่ไม่น้อย  แม้แต่ในตลาดหุ้นที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐ  เวลาที่มีการรายงานว่าบัฟเฟตต์เข้าไปลงทุนในบริษัทไหน  หุ้นตัวนั้นก็มักจะวิ่งกระฉูด  เช่นเดียวกับเวลาที่กองทุนของอาร์คอินเวสเม้นต์เข้าไปลงทุนในหุ้นตัวไหน  หุ้นตัวนั้นก็ปรับตัวขึ้นแรงเหมือนกัน  เพราะคนที่  “เล่นหุ้นตามเซียน” นั้น  มีมากมายโดยเฉพาะในยามที่ตลาดหุ้นมีการเก็งกำไรสูงมากอย่างในช่วงเร็ว...

Technoking

0
โลกในมุมมองของ Value Investor    27 มีนาคม 64 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมานั้น  คนในแวดวงธุรกิจและเท็คโนโลยีที่โดดเด่นที่สุดในโลกคนหนึ่งที่ไม่มีใครสามารถปฎิเสธได้ก็คือ อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของบริษัทเทสลาและสเปซเอ็กซ์ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าและการบุกเบิกทางอวกาศ และก็แน่นอนว่า  ตำแหน่งที่เป็นทางการหรือเป็นที่รับรู้ของคนทั่วไปก็คือ “Chief Executive Officer” หรือ  “ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร”  หรือก็คือ  ผู้บริหารที่ “ใหญ่ที่สุด” ในสายงานบังคับบัญชาของบริษัท  อย่างไรก็ตาม  งานหลักที่อีลอนมัสก์ทำในบริษัทซึ่งทำให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันและมีชื่อเสียงโด่งดังและหุ้นของบริษัทมีค่ามากที่สุดก็คือ  การทำหน้าที่เป็นผู้นำในการค้นคว้าทดลองทางด้านเทคโนโลยีของบริษัท  บทบาทของมัสก์นั้นมากเสียจนแทบจะเรียกว่า  อีลอนมัสก์ก็คือบริษัท  และบริษัทก็คืออีลอนมัสก์  คล้าย ๆ  กับสมัยที่สตีป จอบส์  ปั้นบริษัทแอปเปิลจนกลายเป็นผู้นำโลกทางด้านโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสารอีกหลาย ๆ อย่าง ความเคลื่อนไหว  ความคิดและการแสดงออกของมัสก์นั้น  มักเป็น “ข่าวใหญ่” เสมอ  แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ  น้อยที่เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อนที่เขาประกาศว่าจะเปลี่ยนชื่อตำแหน่งของตนเองจาก CEO เป็น “Technoking of Tesla” หรือ  “ราชันเทคโนโลยีแห่งเทสลา”  ซึ่งฟังดูราวกับว่ามาจากนวนิยายวิทยาศาสตร์แฟนตาซีที่คนรุ่นใหม่นิยมอ่านกัน  ไม่เพียงแต่ตัวเขา  แต่ CFO...
โลกในมุมมองของ Value Investor     20 มีนาคม 64 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งในตลาดหุ้นไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและดูเหมือนว่าจะเข้มข้นขึ้นในช่วงเร็ว ๆ นี้ก็คือ  การเล่นหุ้นเก็งกำไรที่มีฟรีโฟลทต่ำโดยอาศัย “ธีม” หรือเรื่องราวที่คนพูดถึงกันทั่วไปว่าจะเป็น “แนวโน้มใหม่” ของธุรกิจที่จะเติบโตและทำเงินให้แก่บริษัทจดทะเบียนที่เข้าไปทำหรือเกี่ยวข้องด้วย  อย่างเช่นเรื่องของ “กัญชง-กัญชา” ที่เพิ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายให้เป็นพืชสมุนไพรที่สามารถนำมาผสมหรือสร้างผลิตภัณฑ์ขายให้แก่ผู้ใช้หรือผู้บริโภคได้จากการที่เคยเป็นพืชที่เป็น “ยาเสพติด” ต้องห้ามที่คนรุ่นเก่าหลายคนโดยเฉพาะที่เป็น “ศิลปิน” ชอบที่จะใช้เพื่อช่วยเสริม  “จินตนาการ” ในการทำงาน  ว่าที่จริงในอดีต  ช่วงที่เกิดปรากฏการณ์  “เสรีนิยม” ของคนรุ่นใหม่  ซึ่งนำไปสู่การต่อต้านสงครามเวียตนามของเหล่า  “ฮิปปี้” หรือ  “บุปผาชน” ที่ “ต่อต้านสังคม” โดยการไว้ผมยาวและทำตัวสกปรก “ไร้สาระ” ในช่วงทศวรรษ 1960-1970 หรือเมื่อประมาณ 50-60 ปีมาแล้วนั้น  กัญชาก็คือสิ่งที่พวกเขาใช้เป็น “ยากล่อมประสาท” หลัก ประเทศไทยในช่วงนั้น  ถึงแม้ว่าจะเป็นประเทศ  “อนุรักษ์นิยม” สุด ๆ  แต่เราก็มีเด็กวัยรุ่นบางส่วนที่ทำตัวเป็น  “ฮิปปี้”  อยู่เหมือนกันแม้จะไม่ค่อยรู้ความหมายที่แท้จริงว่าฮิปปี้คืออะไร  ส่วนตัวผมเองนั้น  ช่วงที่กำลังเติบโตเป็นวัยรุ่นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย  ปรากฏการณ์ของฮิปปี้ก็เริ่มซาลงแล้ว  ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะว่าสงครามเวียตนามกำลังจบลง  อย่างไรก็ตาม  กัญชาก็กลายเป็นสิ่งที่สังคมไทยเริ่มรับรู้ว่าเป็น  “ยาเสพติดแบบอ่อนที่ไม่ได้ติดง่าย...
โลกในมุมมองของ Value Investor    13 มีนาคม 64 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ช่วงสิ้นเดือนมกราคมปี 2564 ผมได้เขียนบทความเรื่อง “GameStop สงคราม(หุ้น)ประชาชน” ในบทความนั้นผมได้เล่าเรื่องของหุ้น GameStop หรือ GME ว่าปรับตัวขึ้นมาถึง 19 เท่าในเวลาเพียงเดือนเดียวในช่วงเดือนมกราคม 2564  เนื่องจากนักลงทุนรายย่อยที่เกาะกลุ่มกันในห้องเกี่ยวกับการลงทุน WallstreetBet ของเวปไซต์ยอดนิยม Reddit ได้เข้ามา “กวาด” ซื้อหุ้น GME เนื่องจากรู้มาว่าหุ้นตัวนี้ถูกชอร์ตเซลจากเหล่า Hedge Fund “นักล่า”  จำนวนมากที่เห็นว่า GME กำลังถูก Disrupt จากเทคโนโลยีดิจิทัล  ผลของการซื้อหุ้นในตอนนั้นทำให้เฮดจ์ฟันด์ถูก “ต้อนเข้ามุม”  หรือถูก  “Short Squeeze” ต้องกลับไปซื้อหุ้น GME ในขณะที่ไม่มีหุ้น GME ที่จะเหลือให้ซื้อ  ส่งผลให้ราคาขึ้นไปมหาศาล  “ชัยชนะ” หรือกำไรก้อนโตตกอยู่กับนักลงทุนรายย่อยแบบไม่น่าเชื่อ  เพราะในอดีตนั้น  การ “เล่นหุ้น”  ถูก “ควบคุม” เกมโดยรายใหญ่ที่มักเป็นสถาบันการลงทุนโดยเฉพาะที่เป็นเฮดจ์ฟันด์ หลายคนบอกว่าโลกของการลงทุนกำลังจะเปลี่ยนไป  รายย่อยที่เป็นบุคคลธรรมดานั้น  มี  “อาวุธ” ...

MOST POPULAR