ข่าวน่าสนใจ
กองทุนของบิล เกตส์ ถือหุ้นเวียดนาม (ภาค 2) VEIL ถือหุ้นอะไรในเวียดนามบ้าง?
Administrator - 0
กองทุนของบิล เกตส์ ถือหุ้นเวียดนาม (ภาค 2)
จากโพสต์ที่แล้วที่พูดถึงกองทุนของบิล เกตส์ (Bill & Melinda Gates Foundation Trust) ถือหุ้นเวียดนาม โดยลงทุนผ่าน Dragon Capital VEIL (Vietnam Enterprise Investments Limited) Fund จนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของ VEIL ซึ่งจดทะเบียนที่ London stock exchange ตอนนี้นักลงทุนอาจสงสัยว่าปัจจุบัน VEIL ถือหุ้นอะไรในเวียดนามบ้าง?
วันนี้แอดมินจะมารู้จัก VEIL เพิ่มกันอีกนิดค่ะ
Dragon Capital VEIL (Vietnam Enterprise Investments Limited) Fund ได้ขึ้นเป็นกองทุนอันดับหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกองทุนหลักในช่วงเวลาระหว่างปี 2014-2017 มีผลประกอบการในระยะยาวที่แข็งแกร่ง โดยมีผลตอบแทนรวม 142% ในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ชนะผลตอบแทน 121% จากดัชนีตลาดหุ้นในประเทศ
VEIL นับว่าเป็นกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในบรรดากองทุนในกลุ่มย่อยที่มีความหลากหลายในเวียดนาม ผลตอบแทน NAV รวมของ VEIL เป็นอันดับที่สองของระยะเวลาหนึ่งและสิบปี...
โลกในมุมมองของ Value Investor
19 ตุลาคม 62 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Disruption หรือการทำให้ธุรกิจดั้งเดิม “ล่มสลาย” โดยเทคโนโลยีใหม่อย่างรวดเร็วที่เราพูดกันอยู่บ่อย ๆ ในปัจจุบันนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดมาในอดีตอันยาวนาน เพียงแต่ว่าความรวดเร็วของการเกิดขึ้นนั้น ในอดีตจะช้ากว่ามาก ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นสิบ ๆ ปีขึ้นไป “ธุรกิจเดิม” ที่ถูกทำลายนั้นบ่อยครั้งก็เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสังคมและเทคโนโลยีหรือแนวความคิดหรือวิธีการประกอบการแบบใหม่ ในช่วงเริ่มต้น บริษัทหรือกิจการที่ “ล่มสลาย” ก็จะเป็นผู้เล่นที่อ่อนแอ ต่อมาคนที่แข็งแรงกว่าก็ไปไม่ไหว และสุดท้าย แม้แต่ผู้นำอันดับหนึ่งที่เคย “ยิ่งใหญ่” ก็ปิดตัวลงหรือลดสถานะกลายเป็นธุรกิจ “ขนาดเล็ก” และเมื่อถึงวันนั้น “อาณาจักรก็ล่มสลายลง” เจ้าของธุรกิจที่เคยร่ำรวยและยิ่งใหญ่ในระดับประเทศเป็นที่รู้จักและนับถือของผู้คนรวมถึงผู้นำรัฐที่ปกครองประเทศก็มักจะต้องมาปรึกษาเวลามีประเด็นที่เกี่ยวข้องทางเศรษฐกิจ ก็จะ “หมดวาสนาและบารมี” และค่อย...
บิล เกตส์ ถือหุ้นเวียดนาม
หากพูดถึงกองทุน Dragon Capital หลายท่านอาจยังไม่รู้จัก วันนี้แอดมินจะพาท่านมารู้จักกองทุนที่เก่าแก่ที่สุดที่ลงทุนในเวียดนามตั้งแต่ พศ. 2538 นั่นก็คือ Dragon Capital ซึ่งลงทุนในเวียดนามมา 24 ปีแล้ว ก่อนตลาดหุ้นเวียดนามจะเกิดซะอีก ซึ่งปัจจุบันนี้ Dragon Capital เป็นกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม โดยใหญ่กว่ากองทุนใหญ่อันดับ 2 หลายเท่า
สำหรับ Dragon Capital ในส่วนของ VEIL (Vietnam Enterprise Investments Limited) Fund ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ London นั้น ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดก็คือ Bill & Melinda Gates Foundation Trust
ซึ่ง Bill & Melinda Gates Foundation Trust เป็นกองทุนของ บิล เกตส์ มหาเศรษฐีใจบุญ ที่รวยเคยที่สุดในโลก...
Samsung ทุ่มเงิน 40 ล้านดอลล่าร์ฯซื้อหุ้น CMC 30%
หลักจากที่เหล่ายักษ์ใหญ่ของเกาหลีให้ความสนใจลงทุนกับบริษัทต่างๆในเวียดนาม ซึ่งมีดีลเด่นๆ อาทิ SK Group ที่ทุ่มเงินกว่า 1พันล้านดอลล่าร์ฯ ซื้อหุ้น 6.1% ของ Vingroup และ KEB Hana Bank ที่ซื้อหุ้น 15%ของ BIDV ในราคา 20 ทริลเลี่ยนVND (869.57 ล้านดอลล่าร์ฯ) ล่าสุด Samsung ได้ทุ่ม 40 ล้านดอลล่าร์ฯซื้อหุ้น 30% ของ CMC บริษัทด้านไอทีที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สองของเวียดนาม เพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยี AI และโซลูชั่น IoT จากการร่วมมือกันของ Samsung SDS และ CMC ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2016 และในเดือนมิ.ย. ปี2018 ที่ได้มีการลงนามในความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในเรื่อง MES...
Vietjet ประสบความสำเร็จด้านบริการเสริมด้วยผลกำไรงาม
นับว่าเป็นสายการบินรุ่นใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับสายการบิน Vietjet ของเวียดนาม ซึ่งตอนนี้นอกจากการเป็นหนึ่งในสายการบินระดับต้นๆของโลกด้วยรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารในครึ่งปีแรกนี้ ที่ 1.89 ทริลเลี่ยน VND (82.1ล้านดอลล่าร์ฯ)สูงขึ้นมา 17% เทียบต่อปีแล้ว Vietjet ยังมีรายได้จากบริการเสริมของสายการบินถึง 5.4 ทริลเลี่ยนVND (230 ล้านดอลล่าร์ฯ) สูงขึ้นถึง 43% เทียบต่อปี สัดส่วนของรายได้จากบริการเสริมของสายการบินต่อรายได้จากการขนส่งทางอากาศทั้งหมด 27% ซึ่งเป็นผลมาจากการขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เติบโต
CarTrawler Ancillary Revenue Yearbook 2019 ซึ่งมีสถิติจากงบการเงินที่ตรวจสอบแล้วของสายการบินกว่าร้อยสายการบิน เผยว่า Vietjet อยู่ในอันดับที่ 12 ในแง่ของรายได้จากบริการเสริมของสายการบินต่ออัตราส่วนรายได้จากการขนส่งทางอากาศทั้งหมด
ตามรูปแบบการพัฒนาที่ยั่งยืนของผู้ให้บริการต้นทุนต่ำ รายได้จากบริการเสริมของสายการบินนับเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของผู้ให้บริการ ทั้งนี้เมื่ออัตรากำไรของบริษัทสูงถึง 90%
Vietjet มีจุดมุ่งหมายที่จะขยายการให้บริการครบวงจรและต่อเนื่องบนแผนการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยแผนที่จะให้บริการภาคพื้นดินของตัวเองที่สนามบิน Noi Bai International Airport ในฮานอยในปีหน้า และยังใช้เทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซใหม่ล่าสุดในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายสำหรับผู้ใช้บริการ ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทั้งผู้ใช้บริการและสายการบิน รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพการบริการและบริการเสริมต่างๆของสายการบินด้วย ปัจจุบัน Vietjet ให้บริการการบินประมาณ 400 เที่ยวบินต่อวัน...
โลกในมุมมองของ Value Investor 12 ตุลาคม 62
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ดวงลงทุน
จากประสบการณ์กว่า 20 ปีในตลาดหุ้น ผมเองคิดว่าตนเองนั้น “โชคดีมาก” ที่เข้าตลาดเริ่มลงทุนอย่างจริงจังและ “เพื่อชีวิต” นั่นคือทุ่มเทเงินทุกบาทลงทุนในหุ้น ในเวลาที่ถูกต้องและด้วยกลยุทธ์ที่ถูกต้องนั่นคือ ลงทุนแบบ “VI” ในยามที่ตลาดหุ้นเกิดวิกฤติ ราคาหุ้นตกลงมาอย่างหนักและแทบไม่มีใครสนใจจะลงทุนหรือพูดถึงตลาดหุ้นเลย ปริมาณการซื้อขายหุ้นต่อวันเพียงไม่เกิน 3-4 พันล้านบาท ผลที่ได้รับหลังจากเวลาผ่านไปกว่า 2 ทศวรรษก็คือ ชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างมาก ผลตอบแทนการลงทุนที่สูงจนแทบไม่น่าเชื่อทำให้กลายเป็นคนที่มีความมั่งคั่งสูงจากคนชั้นกลางกินเงินเดือนที่กำลังตกงานและไม่รู้ว่าอนาคตจะต้องย้ายลูกจากโรงเรียนอินเตอร์ออกมาเรียนโรงเรียนไทยหรือไม่ ทั้งหมดนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดคิด ไม่ได้เกิดจากการวางแผนรวยจากตลาดหุ้น ว่าที่จริงในยุคนั้น มีแต่ตัวอย่างของคน “จนจากตลาดหุ้น” จนคิดฆ่าตัวตาย คนอาจจะคิดหลังจากที่ผมประสบความสำเร็จแล้วว่าผมน่าจะเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ยาวไกล มองขาดว่าตลาดหุ้นจะฟื้นตัวและเติบโตขึ้นมากจนทำให้กล้าลงทุนและรวยไปเลย
ความเป็นจริงก็คือ ผมไม่ได้คิดว่าจะรวย ผมแค่คิดไปตามสถานการณ์ว่าหุ้นในขณะนั้นมีราคาถูกมาก หุ้นระดับที่น่าจะเป็น “ซุปเปอร์สต็อก” ในความหมายปัจจุบันที่มีราคาแพงลิ่วค่า PE 30-40 เท่าขึ้นไปนั้น ในตอนนั้นมีค่า PE แค่ 10 เท่า บางตัวจ่ายปันผลเกือบ 10% ต่อปี แต่ก็ไม่มีคนสนใจที่จะซื้อ เหตุผลก็เพราะว่าคนส่วนใหญ่ที่ “กล้าเสี่ยง” มากกว่าการฝากเงินในธนาคารหรือซื้อพันธบัตรรัฐบาลซึ่งจำนวนมากก็คือนักธุรกิจ ต่างก็ไม่มีเงินสดและจำนวนมากติดหนี้สินรุงรัง ส่วนคนกินเงินเดือนนั้น ส่วนมากก็ยังต้องผ่อนบ้านและรถ และคนที่มีเงินเก็บเป็นเงินสดนั้น น้อยคนที่จะกล้า “เล่นหุ้น” ที่เป็นกิจกรรมที่เสี่ยงที่สุดอย่างหนึ่งรองจากการเล่นม้าหรือเล่นการพนันในบ่อน และผมเองก็เป็นคนหนึ่งในนั้น ผมโชคดีที่ไม่ได้ซื้อทรัพย์สินใหญ่โตที่ต้องทำให้ผ่อนจนไม่มีเงินเหลือเก็บ ผมไม่เคยมีบ้านแต่อาศัยบ้านทางฝ่ายภรรยาอยู่ ผมไม่มีรถส่วนตัวแต่มีรถประจำตำแหน่งใช้ ผมทำงานในธุรกิจที่ให้เงินเดือนดีคือธุรกิจหลักทรัพย์ ผมเป็นคนประหยัดอดออมตั้งแต่เด็ก ดังนั้น แม้ว่าเงินเก็บจะไม่ได้มากเมื่อคำนึงถึงอายุที่สี่สิบกว่าปีแล้ว ผมก็มีเงินเก็บในระดับที่ใช้ได้ และนี่ก็คือความโชคดีข้อที่สอง
เหตุผลที่ผมกล้าที่จะเข้าลงทุนในยามที่ตลาดเลวร้ายที่สุดนั้นเป็นเพราะว่ามัน “จำเป็น” และผมดูแล้วว่าความเสี่ยงยอมรับได้ถ้าทำแบบ “VI” นั่นคือ “ลงทุนในหุ้นให้คิดและทำเหมือนลงทุนในธุรกิจ” เลือกธุรกิจที่ดี นั่นคือมีความสามารถในการแข่งขันหรือมียี่ห้อที่แข็งแกร่ง มีกำไรที่ดีและมั่นคง มีการจ่ายปันผล มีผู้บริหารที่ดีและไว้ใจได้ในความซื่อสัตย์...
โลกในมุมมองของ
Value Investor 6
ตุลาคม 62
ดร. นิเวศน์
เหมวชิรวรากร
ในยามที่ตลาดหุ้นไม่ค่อยดีและเป็นตลาดหุ้น Sideway มานานนั้น หุ้นที่น่าสนใจกลุ่มหนึ่งก็คือหุ้น Holding Company หรือหุ้นที่ถือหุ้นของบริษัทอื่นเป็นหลักหรือถือหุ้นบริษัทอื่นคิดเป็นมูลค่าจำนวนมากเมื่อเทียบกับกิจการที่บริษัททำ ถ้าเป็น Pure Holding Company อย่างบริษัทเบิร์กไชร์ของ วอเร็น บัฟเฟตต์ นั้น บริษัทจะไม่ทำกิจการอะไรเองเลยแต่จะเป็นแค่ผู้ถือหุ้นในบริษัทอื่น ๆ ในตลาดหุ้นไทยเองนั้นเท่าที่เห็นก็น่าจะมีหุ้นของ Intuch ที่ถือแต่หุ้นบริษัทอื่นเฉพาะอย่างยิ่งก็คือหุ้น Advanc เป็นหลัก เหตุผลก็คือ หุ้น Holding นั้นมักจะมีราคาหรือ Market Cap. ถูกกว่ามูลค่าของหุ้นที่บริษัทถืออยู่รวมกัน หรือเรียกว่ามี “Discount” ประมาณ 20-30% ดังนั้น ถ้าเราสนใจหุ้นของบริษัท “ลูก” เราก็ควรที่จะซื้อหุ้นบริษัท “แม่” แทน เพราะเราจะได้ส่วนลดถึง 25% เป็นต้น
ในตลาดหุ้นไทยนั้น บริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็น Holding Company ตั้งแต่แรกเลยนั้น น่าจะไม่มี
ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นว่าบริษัทจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเพื่อทำธุรกิจใหม่ที่ใกล้เคียงกันด้วยเหตุผลบางอย่าง หรือบางทีก็แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง แต่หลังจากเวลาผ่านไป บริษัทลูกกลับเติบโตขึ้นเร็วกว่าบริษัทแม่และต้องการเงินลงทุนจำนวนมากซึ่งทำให้บริษัทแม่นำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นด้วย
ต่อมามูลค่าของกิจการของบริษัทลูกก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนบางทีโตกว่าบริษัทแม่ก็มี สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นว่ามูลค่าหุ้นของบริษัทลูกที่บริษัทแม่ถืออยู่นั้น สูงกว่า...
โลกในมุมมองของ Value Investor 28 กันยายน 62
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
หุ้น Consumer
ในระยะหลัง ๆ นี้ หุ้นที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เริ่มที่จะมีหุ้นของบริษัทที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่มียี่ห้อเป็นที่รู้จักของคนไทยมากขึ้น หลาย ๆ ยี่ห้อเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาด หุ้นบางตัวมี Market Cap. เกือบแสนล้านบาทหรือเคยมีขนาดเกือบแสนล้านบาทในช่วงสูงสุด หลายตัวก็ยังเป็นหุ้นตัวเล็กที่มีขนาดแค่หลักพันล้านบาทหรือหมื่นล้านต้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร นี่คือหุ้นที่นักลงทุนเริ่มสนใจเข้ามาลงทุน เหตุผลสำคัญส่วนหนึ่งอาจจะเป็นว่าหุ้นเหล่านี้มักจะมีผลกำไรที่ดีและมั่นคงพอสมควรเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่น การเติบโตหรือสตอรี่ที่จะเติบโตก็พอจะมีอยู่ ฐานะทางการเงินก็มักจะดีและมีหนี้ไม่มาก หลายบริษัทไม่มีหนี้เลย เหตุผลเพราะว่าบริษัทมักจะไม่ต้องลงทุนมากและขายสินค้าเป็นเงินสดหรือได้เงินเร็วในขณะที่จ่ายเงินให้เจ้าหนี้ช้ากว่า และสุดท้ายที่ทำให้หุ้นเหล่านี้บางตัว “ร้อนแรงมาก” ก็คือ มันเป็นหุ้นที่“มีเจ้าของ” หรือผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เป็นผู้ก่อตั้งที่ต้องการให้หุ้นขึ้น สิ่งนี้เมื่อนำมาประกอบกับการที่หุ้นมี Free Float หรือหุ้นที่ถือโดยนักลงทุนน้อย ก็ทำให้หุ้นสามารถถูก Corner หรือต้อนเข้ามุมง่าย ผลก็คือ หุ้นขึ้นได้สูงมากและลงได้รุนแรงทำให้คนรวยหรือจนได้อย่างรวดเร็ว
หุ้นขายสินค้าอุปโภคบริโภคหรือหุ้น Consumer นั้น มีศักยภาพที่จะเป็น “หุ้น VI” ได้ด้วยเหตุผลที่ว่ามันสามารถที่จะสร้าง Durable Competitive Advantage (DCA) หรือความได้เปรียบที่ยั่งยืนได้ผ่าน “ยี่ห้อสินค้าที่โดดเด่น” ซึ่งทำให้ผู้บริโภคเลือกที่จะซื้อมากกว่าหรือยอมจ่ายราคาที่แพงกว่าเพราะติดในยี่ห้อ คุณภาพหรือภาพพจน์ของสินค้าในใจผู้บริโภคที่เหนือกว่านั้นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนยาก ดังนั้น บริษัทที่เป็นเจ้าของขายสินค้าเหล่านี้ก็มักจะสบายในการที่จะแข่งขัน คุณไม่ต้องทำอะไรมาก แค่รักษาภาพให้ดีผ่านการทำการตลาดมาตรฐาน ควบคุมการผลิตและการบริการไม่ให้ถดถอยด้อยลง คุณก็รักษายอดขายไว้ได้แล้ว—โดยเฉพาะใน “โลกธุรกิจยุคก่อน” ที่ยังไม่มีเรื่องของการ “ปฏิวัติทางเทคโนโลยี” ที่ทำลายธุรกิจเดิมจำนวนมาก ว่าที่จริงถ้าศึกษาเรื่องการลงทุนแบบ VI แนว วอเร็น บัฟเฟตต์มานานก็จะพบว่า เขาลงทุนในหุ้น Consumer ชั้นนำจำนวนมาก อาทิเช่น โค๊กและใบมีดโกนยิลเลตที่เขาทำกำไรได้สูงมาก และซอสมะเขือเทศไฮน์ที่เขาเพิ่งลงทุนไม่นานและดูเหมือนว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ เป็นต้น
หุ้น Consumer “ระดับโลก” นั้น เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมคิดว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย หุ้นอย่างโค๊กหรือยิลเล็ตผมคิดว่ามันก็ยังเป็นบริษัทที่ยังอยู่ได้เช่นเดียวกับหุ้นของแม็คโดนัลด์หรือไนกี้ จริงอยู่ มันอาจจะไม่ถูก Disrupt หรือทำลายด้วยเทคโนโลยีใหม่ แต่การเติบโตของมันก็น่าจะน้อยถึงอิ่มตัวแล้ว ราคาหุ้นที่จะขึ้นไปหวือหวานั้นคงจะยากหรือแทบเป็นไปไม่ได้ ในขณะเดียวกันหุ้นของบริษัทที่ถูก Disrupt หรือกำลังถูกทำลายด้วยเทคโนโลยีหรือแนวทางการทำธุรกิจแบบใหม่ อย่างเช่นหุ้นที่ขายแผ่นซีดีหรือหนังสือพิมพ์ก็อาจจะล้มละลายในที่สุด ในทางตรงกันข้าม หุ้น Consumer รุ่นใหม่ที่เป็น “ผู้ชนะ” เช่นหุ้นแอ็บเปิลหรืออาลีบาบาที่อิงอยู่กับเทคโนโลยีใหม่ก็จะรุ่งเรืองเป็นซุปเปอร์สต็อกที่ “VI รุ่นใหม่” เสาะแสวงหาต่อไป
หุ้น Consumer ของไทยนั้น...
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ในเวียดนามได้ประสบปัญหาราคาไก่เลี้ยงตกต่ำ จนเหลือราคาราว 13,000 ดอง(56เซนต์)ต่อกิโลกรัม ซึ่ง Le Van Quyet รองประธานสมาคมเพาะพันธุ์ปศุสัตว์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เหตุผลว่า เพราะการเลี้ยงสุกรเกิดปัญหาโรคไข้หวัดหมูแอฟริกันระบาด ที่พบการระบาดตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมาและได้ระบาดไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ ซึ่งในตอนแรกนั้นส่งผลให้ราคาไก่สูงขึ้นถึง 40,000ดอง(1.73ดอลล่าร์ฯ) ด้วยจึงเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรจำนวนมากหันมาเลี้ยงไก่แทนสุกร ตามรายงานของเดือนนี้จำนวนไก่เลี้ยงในจ. Dang Nai เพิ่มขึ้น 24.8 ล้านตัว สูงขึ้น 16.8%จากเดือนเม.ย.ที่พบว่ามีสุกรติดโรคระบาดในจังหวัดนี้ Tran Van Quang หัวหน้าฝ่ายของ Livestock Breeding and Veterinary Department ของ จ.Dong Nai กล่าวว่ามีจำนวนสัตว์ปีกเพิ่มขึ้นเป็นหลักล้านในเดือนก่อนและมีฟาร์มไก่จำนวนหนึ่งที่ขยายตัว หากยังมีแนวโน้มเช่นนี้ต่อไปอาจทำให้บางธุรกิจต้องขาดทุนย่อยยับ ...
"วันรวมพลคนลงทุนหุ้นเวียดนาม 62 "
รวมพลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับตลาดหุ้นเวียดนามปีใหม่
วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม เวลา 9.00-17.00 น. (เริ่มลงทะเบียน 8.30 น.)
ณ. โรงแรมเอเชีย (ติดรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี)
1 ปีมีเพียงคร้งเดียวเท่านั้น. พลาดแล้วต้องรออีก 1 ปี งานนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนทั้งเริ่มต้นและนักลงทุนที่ลงทุนมานานแล้วแต่ควรเป็นนักลงทุนระยะยาว ท่านจะพบกับกูรูผู้เชี่ยวชาญการลงทุนทั้งจากไทยและเวียดนาม โดยเฉพาะมุมมองต่อหุ้นเวียดนามที่โบรกเกอร์เวียดนามชอบ. แล้วมาฟังรายละเอียดเจาะลึกเป็นรายตัวจากนักลงทุนหุ้นเวียดนามไทย ท่านจะได้พบกับ
อ.ดร นิเวศน์ เหมวชิรวรากรAdministrator เพจ vvinvestor และทีมงานคุณภาคย์ภูมิ ศิริหงษ์ทอง คุณณัฐกิติ์ สุนทรบุระ บริษัทหลักทรัพย์-นักวิเคราะห์ทั้งจากไทยและเวียดนาม เป็นต้นกองทุนที่น่าสนใจที่ลงทุนตรงในเวียดนาม
พร้อมรับอาหารเที่ยงแบบบุฟเฟต์ร่วมกันและ 2 เบรคระหว่างสัมมนา. รายละเอียดการสัมมนา และ ค่าสมัครสัมมนา. จะแจ้งให้ทราบในวันที่ 10 ตุลาคม 2562 นี้ รับจำนวนจำกัด