Natural Value Investor

ดรนิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โลกในมุมมองของ Value Investor   23 มีนาคม 62

การที่จะเป็น Value Investor “พันธุ์แท้”  นั้น  ถ้าจะบอกว่าเป็น “เรื่องยาก” ก็คงจะไม่ผิด  แต่ถ้าบอกว่ามันเป็นเรื่อง  “ไม่ยาก”  ก็อาจจะไม่ผิดเช่นเดียวกัน  เหตุผลสำคัญส่วนหนึ่งนั้น  น่าจะขึ้นอยู่กับคุณสมบัติส่วนตัวและนิสัยของคนที่ต้องการจะเป็น VI  คนบางคนนั้นพยายามเท่าไรหรือพยายามเรียนรู้เท่าไรก็ไม่สามารถทำได้  แต่สำหรับบางคนแล้ว  แค่ได้รับคำอธิบายหรืออ่านหนังสือเกี่ยวกับ VI ไม่เท่าไรก็เข้าใจและปฏิบัติได้แทบจะทันที  บางทีอาจจะเพราะว่าหลักการของ VI นั้น  มันตรงกับ “จริต” หรือความคิดและความเชื่อของเขาที่ฝังอยู่ในใจมานาน  บางที  “ตั้งแต่เกิด” ดังนั้น  เขาจึงยอมรับมันอย่างเต็มใจและทุ่มเทกับมันและกลายเป็น “VI ผู้มุ่งมั่น” ที่ลงทุนและใช้ชีวิต “แบบ VI”

 

คุณสมบัติของคนที่จะเป็น Value Investor พันธุ์แท้ ได้ง่ายนั้น  ผมอยากจะเรียกว่าเป็น  “Natural Value Investor” ซึ่งเป็นคุณสมบัติส่วนตัวบางอย่างที่จะทำให้เขาสามารถเรียนรู้และปฏิบัติตนแบบ VI ได้ง่ายและอาจจะไม่ต้องพยายามหรือฝืนใจอย่างหนัก  เขาสามารถทำมันได้แบบเป็น  “ธรรมชาติ” มาก  เขาอาจจะไม่รู้สึกกระวนกระวายและคิดว่าจะต้องขายหุ้นในยามที่ตลาดหลักทรัพย์หรือหุ้นที่เขาถืออยู่ตกลงมาอย่างหนักโดยที่พื้นฐานของกิจการดูเหมือนว่าจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร  เขาอาจจะสามารถขับรถเก่าราคาถูกไปไหนมาไหนโดยที่ไม่ได้สนใจว่าใครจะมองว่าจนหรือไม่รวยทั้ง   ที่เขาเป็นเศรษฐี  และตัวอย่างของคนที่น่าจะเป็น Natural VI ที่เรารู้จักกันดีก็คือ วอเร็น บัฟเฟตต์  แต่สิ่งที่คนจำนวนมากอาจจะไม่รู้ก็คือ  คนอย่างจอห์นเนฟ หรือเซียน VI ระดับโลกหลายคนก็มีลักษณะคล้าย   กัน  เขาเหล่านั้นเป็น  “Natural Value Investor” เป็นคนที่เรียนรู้และใช้ชีวิตแบบ VI มานานหรือตั้งแต่เด็กก่อนที่จะดังระดับโลก

 

คุณสมบัติของ Natural VI ที่ผมคิดว่าสำคัญมากและใครก็ตามที่มีลักษณะหรือนิสัยแบบนั้นจะมีศักยภาพเป็น “VI พันธุ์แท้” ได้ง่ายถ้าเริ่มเข้ามาศึกษา  เรียนรู้และปฏิบัติตน ก็คือ  ข้อแรก   เขาเป็นคนที่มีนิสัย “ประหยัดอดออม”  ไม่ชอบใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่ายหรือใช้เงินในสิ่งที่  “ฟุ่มเฟือย” โดย  “ไม่จำเป็น”  ตัวอย่างเช่น  การใช้สินค้าแบรนด์เนมที่มีราคาสูงมากเมื่อเทียบกับประโยชน์ใช้สอยและรู้สึก  “เสียดายเงิน” ที่อาจจะหามาได้อย่าง “ยากเย็น”  การเป็นคน “ประหยัด”  นั้น  แน่นอน  ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นคนที่ “ยังไม่มีเงิน” พอที่จะใช้จ่ายสินค้าหรูหรือแพง  แต่คนที่ “ไม่มีเงิน” ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่คนที่มีนิสัยประหยัด หลายคนพอมีเงินหรือได้เงินมาก็ใช้จ่ายเกินตัวและติดหนี้สินอีกต่างหาก  ดังนั้น  คนประหยัดในความหมายที่แท้จริงก็คือคนที่ “ใช้จ่ายเงินน้อยกว่าความมั่งคั่งหรือสินทรัพย์สุทธิ”  ของเขามาก  ซึ่งทำให้เขาสามารถ “ออมเงิน” ได้มากกว่าคนปกติที่มีรายได้เท่า   กัน

คุณสมบัติข้อสองที่จะทำให้คน   นั้นมีโอกาสเป็น VI ได้ง่ายก็คือการเป็นคนที่  “มีเหตุมีผลเสมอ”  หรือมีความคิดที่เป็นเหตุเป็นผล  ไม่เชื่อในเรื่องที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์หรือไม่มีข้อพิสูจน์เช่นเรื่องของไสยาศาสตร์หรือโหราศาสตร์   ความเชื่อที่มีเหตุมีผลนั้น  แน่นอน  ไม่ใช่ว่าต้องเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ล้วน   แบบหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง  ศาสตร์ทางสังคมเช่นเรื่องของเศรษฐศาสตร์  สังคมศาสตร์  พฤติกรรมศาสตร์  สิ่งต่าง   เหล่านี้เป็นสิ่งที่มีเหตุมีผลที่ทำให้เราสามารถคาดการณ์สิ่งต่าง  ในสังคมและในทางเศรษฐกิจได้ถูกต้องหรือใกล้เคียงพอที่จะนำมาใช้ในการลงทุนและดำรงชีวิตได้  ประเด็นสำคัญก็คือ  คนที่จะเป็น VI นั้น  จะต้องคิดแบบมี  Logic หรือมีเหตุผลไม่เชื่ออะไรง่าย   แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ในสังคมเชื่อ

คุณสมบัติข้อสามก็คือ  VI โดยธรรมชาตินั้น  มักจะต้องเป็นคนที่มี “วินัย” สูง  นั่นก็คือ  เมื่อเขามีหลักการ  มีความคิดและมีแผนที่จะทำอะไรรวมถึงการลงทุนในหุ้นที่เขาศึกษาและวิเคราะห์มาเป็นอย่างดีแล้ว  เขาก็จะทำตามแผนการนั้นโดยไม่วอกแวก   เขามักจะเป็นคนที่มีความมั่นคงทางอารมณ์และมักจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรง่าย   เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เข้ามากระทบชั่วคราวแต่ในระยะยาวแล้วสิ่งที่เขาคิด  เชื่อ  และกระทำยังเป็นสิ่งที่ถูกต้อง  การเป็นคนที่มีวินัยสูงนั้น  ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนที่ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่คนอื่นกำหนด  ตรงกันข้าม  วินัยนี้จะต้องเป็นสิ่งที่ผ่านการพิจารณาและไตร่ตรองมาเป็นอย่างดี มีเหตุมีผลและมีข้อพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องและจะทำให้เราประสบความสำเร็จในระยะยาว  ตัวอย่างที่ผิดที่เรามักจะพบบ่อยมากในเรื่องของการลงทุนก็เช่น  คนบางคนซื้อหุ้นบางตัวที่ไม่ได้มีพื้นฐานที่ดีเลยในราคาที่แพงแต่กลับคิดว่ามันเป็น “หุ้น VI”  แต่หลังจากนั้น  ราคาหุ้นตกลงไปมาก  เขาคิดว่าเขา “มีวินัย” ที่จะ  “ถือยาว”  แบบ “VI” ที่เชื่อว่าราคาที่ลงนั้นแค่ความผันผวน  ไม่ช้าราคาหุ้นก็จะต้องปรับตัวกลับขึ้นมา  แต่นี่ไม่ใช่วินัยที่ถูกต้อง  วินัยที่ถูกต้องแท้จริงก็คือ  การซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดีและราคาหุ้นถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริง  และถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว  เราก็จะไม่จำเป็นต้องขายหุ้นถ้าราคามันตกลงมา

Natural Value Investor ข้อสุดท้ายที่ผมคิดว่าถ้าคุณเป็น  โอกาสที่คุณจะกลายเป็น VI ง่ายขึ้นก็คือ  คุณ “เกิดมาจน”  เพราะถ้าเกิดมาจน  โอกาสที่คุณจะเป็นคนใช้จ่ายฟุ่มเฟือยก็น่าจะน้อยลงไปมาก  คุณมีโอกาสที่จะกลายเป็นคนประหยัดอดออมได้มากกว่าปกติเพราะคุณอาจจะต้องออมเงินไว้ใช้ในยามที่คุณประสบปัญหา  “ไม่มีเงินกินข้าว”  คุณมักจะเห็นคุณค่าของเงิน” มากกว่าคนที่รวยกว่า  แต่การเกิดมาจนนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีโอกาสเป็น VI มากกว่าคนอื่น ตรงกันข้าม  ถ้าคุณเกิดในครอบครัวที่ยากจน  โอกาสสูงว่าคุณอาจจะไม่ได้เป็นนักลงทุนด้วยซ้ำอย่าว่าแต่จะเป็น VI เลย   เหตุผลเป็นเพราะเวลาที่เกิดเป็นคนจนแล้ว  โอกาสที่จะมีคุณสมบัติอย่างอื่นก็มักจะด้อยไปมาก  เช่น  เรื่องของการศึกษาที่คุณมักจะด้อยกว่าค่าเฉลี่ย  เรื่องของความคิดต่าง   ก็อาจจะไม่สอดคล้องเพราะคุณอาจจะอยู่ในสังคมที่คนมักเชื่อในเรื่องของบุญกรรมแต่ชาติก่อนที่ทำให้เกิดมาจน  เป็นต้น  พูดง่าย   เรื่องของ Logic อาจจะหายไปมากก็ได้

คนที่เป็น Natural VI ตามคุณสมบัติหลายข้อที่ผมกล่าวถึงนั้น  จะต้องหมายถึงว่าคุณสมบัติอย่างอื่น   เช่น เรื่องของการศึกษาและเรื่องของ IQ จะต้องไม่แพ้คนโดยทั่วไปหรือคนที่ถูกนำมาเปรียบเทียบกันด้วย  และถ้าคุณมีคุณสมบัติ 4-5 ข้อที่ผมพูดถึงแล้ว  โอกาสที่คุณจะเป็น VI หลังจากผ่านการศึกษาเรียนรู้แล้วก็จะง่ายขึ้น  การที่จะต้อง “ปรับตัว” หรือปรับความคิดต่าง   ก็จะง่ายขึ้นมาก  อย่างไรก็ตาม  แม้ว่าคุณจะไม่ได้มีคุณสมบัติดังกล่าวหรือมีไม่ครบถ้วน  คุณก็ยังมีโอกาสเป็น VI ที่ดีได้ถ้าคุณสามารถปรับความคิดหรือปรับแนวทางให้เป็นแบบแนว VI ที่ถูกต้องได้เพียงแต่ว่ามันอาจจะยากกว่า  นอกจากนั้น เรื่องของ Degree หรือระดับของคุณสมบัติก็มีส่วนด้วย  ตัวอย่างเช่น  คนที่ไม่ได้มี Logic มากเช่น  คนที่มีความเป็นศิลปินมาก   ก็อาจจะเป็น VI ได้ยาก  แต่คนที่มีความคิดแนวเหตุผลและมีความเป็นศิลปินด้วยก็อาจจะไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเป็น  VI ที่ดีเลยก็ได้

ผมเองลองมองย้อนมาดูตัวเองตั้งแต่เด็กก็พบว่าผมน่าจะเป็น “Natural Value Investor” ตั้งแต่เกิดเพราะเกิดในครอบครัวที่ยากจนมาก   เป็นคนที่อดออมและพยายามทำงานหาเงินมาตั้งแต่เด็กส่วนหนึ่งเพราะกังวลว่า  “พรุ่งนี้ครอบครัวเราจะมีอะไรกินไหม”  เพราะในสมัยเมื่อ 60-70 ปีก่อนนั้น  ความจนแปลว่าคุณอาจจะไม่มีอะไรกิน  ในช่วงที่เริ่มทำงานเก็บเงินได้แล้วนั้น  อัตราการออมของผมน่าจะสูงกว่า 30%   นอกจากนั้น  ผมเองก็เป็นคนที่มีวินัยและความรับผิดชอบสูงตั้งแต่เด็ก  เป็นคนที่ชอบคิดเลขและใช้ Logic  ในขณะที่รู้สึกว่าตนเองทำงานศิลปะและคิดแบบศิลปินไม่ได้เลย  ทั้งหมดนั้นเป็นช่วงที่ผมยังเด็ก  แต่เมื่ออายุมากขึ้นและเริ่มมีฐานะดีขึ้น  ความคิดและนิสัยบางอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปบ้างส่วนหนึ่งมาจากคนใกล้ชิด  ตัวอย่างเช่น  เรื่องของการคิดแบบสร้างสรรค์เริ่มมีมากขึ้นจากคนที่เคยเป็นคน  “หัวสี่เหลี่ยม”  ความประหยัดอดออมก็ลดลง  ทั้งหมดนั้นทำให้ผมกลายเป็น “VI ผู้มุ่งมั่น” ได้อย่างง่ายดายเมื่อผมเริ่มศึกษาและปรับตัวกลายเป็นนักลงทุนเต็มตัวเมื่อกว่า 20 ปีที่ผ่านมา