เมื่อสักครู่แอดได้อ่านบทวิเคราะห์จาก J.P.Morgan ฉบับวันที่ 29 ม.ค.64
ที่พาดหัวค่อนข้างแรงในภาวะตลาดหุ้นรถไฟเหาะตีลังกาของเวียดนามว่า
“Vietnam Equity Strategy: Buy at every correction” ( กลยุทธ์ลงทุนหุ้นเวียดนาม ซื้อทุกการปรับฐาน )
ขอแปลสรุปบทความที่อ่านดังนี้ค่ะ
- จากการที่เวียดนามพบการระบาดของโควิด 19 ในรอบเกือบ 2 เดือน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาอีกครั้ง
นักวิเคราะห์มองว่า: แม้จะมีความเสี่ยงที่การระบาดของโควิด 19 ในเวียดนามจะรุนแรงขึ้นในระยะสั้น แต่เราเชื่อว่าผลกระทบกับเศรษฐกิจมีจำกัด - รัฐบาลเวียดนามสั่งซื้อวัคซีน 30 ล้านโดส จาก AstraZeneca และพร้อมฉีดในไตรมาสแรกของปีนี้
- พวกเรามองการปรับฐานของเวียดนามเป็นโอกาสในการซื้อ เราชอบธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ อุปโภคบริโภค และไอที
- ภาคธนาคารกำไรดี NPL ยังต่ำ นอกจากนี้มีFDI ไหลเข้าเวียดนามมาก โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีทั้ง Intel Foxconn Apple มีการลงทุนเพิ่มในเวียดนาม
- การปรับฐานแบบรุนแรงทำให้มูลค่ากลับมา (Steep correction brings value)
- VN-Index dropped 12% ใน 1 สัปดาห์ ทำให้ forward P/E ตลาดอยู่ที่ 13.5 เท่า และ EPS คาดเติบโต 22% จากปีที่แล้ว
ในมุมมองของ JP Morgan ตลาดหุ้นน่าจะเด้งกลับมาได้เพราะ 4 ปัจจัยหลัก
- ดอกเบี้ยเงินฝากในเวียดนามต่ำเป็นประวัติศาสตร์
- ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เป็นบวก มาพร้อมกับนโยบายรัฐบาลเพื่อสนับสนุนการเติบโต
- การลงทุนต่างชาติที่เข้ามา
4.Valuation ที่น่าดึงดูดด
ภาพรวม Valuation ราคาหุ้นต่อกำไร (P/E) ตลาดหุ้นต่างๆ ในเอเชีย
ข้อมูลจาก Bloomberg และ VN Direct (วันที่ 29 ม.ค.64) ระบุว่าราคาหุ้นต่อกำไร (P/E)
- Thailand 26.0 เท่า
- Vietnam 16.9 เท่า
- China 20.6 เท่า (แต่ถ้าเฉพาะ HSI จะประมาณ 14.5 เท่า)
- India 33.2 เท่า
- Indonesia 27.4 เท่า
- Singapore 25.5 เท่า
- Malaysia 21.9 เท่า
- Philippines 26.3 เท่า
- Taiwan 22.3 เท่า
ข้อมูลนี้เป็นเพียงการให้มุมมองกว้างๆ นะคะ เวียดนามปรับฐานรอบนี้เป็นจังหวะให้ซื้อหุ้นไหม? หรือ ควรรอต่อไป? ก็เป็นเรื่องที่เพื่อนๆ ก็ควรศึกษาข้อมูลด้วยตัวเองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน