โลกในมุมมองของ Value Investor 9 กรกฎาคม 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและมีรูปแบบคล้ายคลึงกับดัชนีตลาดหุ้นของอเมริกาโดยเฉพาะดัชนี S&P500 มาก เหตุผลส่วนหนึ่งนั้นน่าจะมาจากการที่เศรษฐกิจเวียดนามมีความสัมพันธ์กับอเมริกามากขึ้นมากเมื่อเทียบกับอดีต เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ เวียดนามส่งสินค้าไปอเมริกามากที่สุดคิดเป็นกว่า 25% ของสินค้าส่งออกทั้งหมด และก็ยังได้เปรียบดุลการค้ามหาศาล ค่าเงินด่องในระยะหลายปีที่ผ่านมาก็มีเสถียรภาพมากที่สุดประเทศหนึ่งเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์
มองย้อนหลังไปประมาณ 5 ปี ดัชนี S&P ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาประมาณ 58% เป็น 3,899 จุด ในขณะที่ดัชนีเวียดนามปรับขึ้นประมาณ 53% เป็น 1,171 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม2565ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกันมาก และที่เหมือนกันอีกอย่างหนึ่งก็คือ ดัชนีทั้งสองแห่งทำ All Time High คือขึ้นสู่จุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ในช่วงประมาณสิ้นปี 2564 ที่ผ่านมา โดยที่ดัชนีหุ้น S&P ขึ้นมาที่ประมาณ 4,800 จุดและดัชนีเวียดนามขึ้นมาที่ 1,500 จุด
ความคล้ายกันยังดำเนินต่อไปอีกเมื่อตลาดหุ้นอเมริกาเริ่มตกต่ำลงอย่างหนักตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมาที่เศรษฐกิจเริ่มมีปัญหาอานิสงค์จากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อรุนแรงอย่างที่ไม่เคยประสบในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้สหรัฐต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วซึ่งก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังตามมา ผลก็คือ ดัชนี S&P ลดลงอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดต่ำสุดติดลบไปประมาณ 23%...
โลกในมุมมองของ Value Investor 2 กรกฎาคม 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
“กระแส” ของเหรียญคริปโตที่อ้างว่าจะกลายเป็นเงินดิจิทัลใน “โลกแห่งอนาคต” ซึ่งรวมถึง “เมตาเวอร์ส” ที่เป็น “โลกเสมือน” ที่คนอาจจะเข้าไปใช้ชีวิตอีกครึ่งหนึ่งนอกเหนือจากการใช้ชีวิตใน “โลกจริง” ที่เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว และพัดแรงขนาดที่ทำให้โลกการเงินและการลงทุนปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน คนจำนวนเป็นล้านล้านคนโดยเฉพาะที่เป็น “คนรุ่นใหม่” แทบทั้งโลกต่างก็เข้ามาลงทุนและเกี่ยวข้องในนวัตกรรมใหม่นี้ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนที่กำลัง “ปฏิวัติโลก” ในแทบทุกด้าน ซึ่งรวมถึงงานศิลปะที่เรียกว่าเหรียญ “NFT” เพื่อขายให้กับคนที่สนใจงานศิลป์ หรือการผลิต “ที่ดินเสมือน” ขึ้นมาเพื่อขายให้กับ “นักเล่นที่” ที่อาจจะอยากซื้อไว้เก็งกำไรหรือลงทุน “ทำธุรกิจ” ที่ต้องการ “หน้าร้านเสมือน” ไว้ขายของ
กระแสของเหรียญคริปโตนั้นดูเหมือนว่าจะมาตามการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 ที่ทำให้คนทั้งโลกต้องถูก “กักอยู่ในบ้าน” และต้องทำงานและใช้ชีวิตผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก ซึ่งก็ทำให้มีเวลาเหลือที่จะลงทุนเงินที่อาจจะได้รับจากรัฐบาลหรือเงินเก็บที่แทบจะไม่มีดอกเบี้ย และคนก็อาจจะเริ่มเห็นว่าเหรียญคริปโตนั้นปรับตัวขึ้นเร็วมากเนื่องจากมันมีจำนวนจำกัด และเมื่อราคาขึ้นไปก็ส่งผลให้คนใหม่เข้าไปลงทุนและดันราคาขึ้นไปอีก ถึงจุดหนึ่งเหรียญที่เป็นที่นิยมเช่นบิทคอยน์ก็ถูก “Corner” ราคาขึ้นจากประมาณ 9,000-10,000 ดอลลาร์ กลายเป็น 3-40,000 เหรียญ ในเวลาเพียง 2-3 เดือน และหลังจากนั้นที่ อีลอน มัสก์...
https://youtu.be/O_y6h_5NFW8
หุ้นเวียดนาตก วิกฤตหรือโอกาส ลงทุนหุ้นเวียดนามท่ามกลางความผันผวน สัมภาษณ์พิเศษ สุด Exclusive : 🔸ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร บิดาวีไอผู้จุดประกายการลงทุนหุ้นเวียดนาม 🔸 คุณพิกุล พิทยาอิสรกุล ผู้จัดการกองทุนหุ้นเวียดนาม Phillip Securities 🔸 คุณณัฐกิติ์ สุนทรบุระ กูรูการลงทุนหุ้นเวียดนาม พร้อม Special guest จากเวียดนาม 🇻🇳 🔸 คุณ Tuan Nhan Managing Director - Head of Brokerage and Institutional Sales & Trading, VCSC ดำเนินรายการโดย #VVI Team แอดมินเต๋า สติมา และ แนน บุศราพร
https://www.youtube.com/watch?v=ABERqdnKEpM&t=755s
โลกในมุมมองของ Value Investor 25 มิถุนายน 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การปรับตัวขึ้นของหุ้นจีนอย่างโดดเด่นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานั้นน่าจะทำให้หลายคนเริ่มคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเริ่ม “ช้อนหุ้น” หลังภาวะวิกฤติที่ดำเนินมาตั้งแต่ต้นปี เฉพาะอย่างยิ่งหุ้นเท็คของจีนที่ตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องยาวนาน ดัชนีตลาดหุ้นเสิ่นเจิ้นตั้งแต่ต้นปีตกลงมาอย่างหนักตามตลาดหุ้นแนสดัก และตกลงมาต่ำสุดถึงประมาณ 30% ก่อนที่จะเริ่มปรับตัวขึ้น และเฉพาะในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาก็ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วถึงประมาณ 14% หุ้นเท็คยักษ์ใหญ่หลายตัวปรับตัวขึ้นแรงมาก หุ้น BABA หรืออาลีบาบาปรับตัวขึ้นถึง 42% ในเวลาเพียงเดือนเดียว และนี่ก็คือหุ้นที่ผมเคยเขียนถึงเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ว่าราคาหุ้นได้ตกลงมามากจนค่า PE เหลือเพียง 17 เท่า ในขณะที่หุ้นก็ยังแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ ดังนั้น มันอาจจะกลายเป็นหุ้น Value ไปแล้ว เช่นเดียวกับหุ้น TENCEN ที่ราคาวิ่งขึ้นไป 17% ในเวลาเพียงเดือนเดียวเช่นเดียวกัน
คำถามที่น่าสนใจก็คือ แล้วหุ้นเท็คยักษ์ใหญ่ของโลกที่ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดอยู่ในตลาดหุ้นอเมริกา หรือหุ้น “ยิ่งใหญ่” อื่น ๆ ในตลาดหุ้นอื่นเล่า ถึงเวลาหรือยังที่เราจะเข้าไปช้อนซื้อหุ้นและหวังว่ามันจะเริ่มปรับตัวขึ้นไปโดดเด่นแบบที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นจีนในช่วง 1- 2 เดือนที่ผ่านมา
ลองมาดูกันว่าหุ้นแต่ละตัวน่าสนใจที่จะช้อนซื้อมากน้อยแค่ไหน สิ่งที่ผมจะดูก็คงคล้าย ๆ กับกรณีของหุ้นจีนนั่นก็คือ ...
โลกในมุมมองของ Value Investor 18 มิถุนายน 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ราคาหุ้นของบริษัทโรงกลั่นน้ำมันในตลาดหลักทรัพย์ในช่วง 6-7 วันทำการก่อน ตกลงมาอย่างหนัก ไล่มาตั้งแต่หุ้นที่ตกหนักมากที่สุดตั้งแต่วันที่ 10 จนถึงวันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2565 คือหุ้น TOP ซึ่งตกจาก 60.75 บาท ลงมาเหลือเพียง 49.5 บาท หรือลดลง 18.5% ใน 6 วันทำการ โดยการตกจะหนักในช่วง 2 วันแรก คือวันที่ 10 และ 13 และหนักมากยิ่งกว่าในช่วง 2 วันสุดท้ายคือวันที่ 16 และ 17 มิถุนายน ที่ตกลงมาประมาณ เกือบ 10% ใน 2 วัน หลังจากที่มีข่าวว่ารัฐบาลจะขอคืน “Windfall Profit” หรือ “เงินกำไรส่วนเกิน” ที่เกิดจาก “ค่าการกลั่น” ที่สูงขึ้น...
โลกในมุมมองของ Value Investor 11 มิถุนายน 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ในช่วงปีวิกฤติต้มยำกุ้ง 2540 นั้น ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยตกลงไปแรงมากถึง 53% จาก 832 จุด เหลือเพียง 373 จุด ซึ่งนักลงทุนต่างก็รู้สึกเสมือนว่าเศรษฐกิจและตลาดหุ้นได้ “ตาย” และถูก “เผา” ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีนักลงทุนที่ “กล้าหาญ” ซึ่งมีจำนวนน้อยมากบางคนคิดว่ามันเป็น “โอกาสสุดยอด” ใน “วิกฤติ” ที่จะต้องเข้าไปช้อนซื้อหุ้นซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น พวกเขารู้ว่ามีความเสี่ยงรออยู่ แต่โอกาสที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีนั้นเหนือกว่ามาก เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ พวกเขาคิดว่า “ถ้าอยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ”
ประวัติศาสตร์ที่ตามมาบอกว่าพวกเขา “คิดผิด” อย่างน้อยก็ในระยะสั้นอีกเกือบ 1 ปี หลังจากนั้น เพราะดัชนีตลาดหลักทรัพย์หลังจากสิ้นปี 2540 ตกลงไปอีกมากและเหลือแค่ 215 จุดเมื่อสิ้นเดือนสิงหาคม 2541 เป็นการตกลงอีกถึง 42% ใน 8 เดือน “วิกฤติ” กลายเป็น “หายนะ” ซ้ำ ว่าที่จริงดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 2539 ก่อนวิกฤติเศรษฐกิจ...
Event driven play?
VSH เป็นบริษัทย่อยของ REE และเป็นเจ้าของเขื่อนผลิตไฟฟ้า (hydropower plant) ที่ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศทั้งหมด 3 แห่งด้วยกันคือ
Vinh Son hydropower plant (66MW capacity, COD 1994)Son Hinh hydropower plant (70MW capacity, COD 2001)Upper Kon Tum hydropower plant (220MW capacity, COD 2021)
Vinh Son และ Son Hinh ได้มีการต่อสัญญา PPA กับทาง EVN อีกราว 25 ปีไปเมื่อปี 2014 ส่วน Upper Kon Tum นั้นล่าช้ามากคือเริ่มก่อสร้างตั้งแตปี 2011 โดยผู้รับเหมาสัญชาติจีนแต่ประสบปัญหาในการก่อสร้าง และมีการเปลี่ยนเป็น JV ผู้รับเหมาร่วมระหว่างบริษัทอเมริกาและเวียดนาม ทำให้ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินงานในเดือน เม.ย. 2021 ทำให้กำลังในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัว
เขื่อนทั้ง...
โลกในมุมมองของ Value Investor 3 มิถุนายน 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
วิวัฒนาการการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามของผมในช่วงประมาณ 6-7 ปีที่ผ่านก็คือ ช่วงที่ 1 หรือช่วงแรก เป็นการรีบลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงจากตลาดหุ้นไทยไปสู่เวียดนามที่ผมเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจสดใสและกำลังกลายเป็น “ดาราดวงใหม่” ของโลก แต่เพราะไม่รู้จักหุ้นรายตัวเลยและก็ไม่รู้ว่ามีกองทุนอิงดัชนีหรือไม่ ผมจึงใช้วิธีคัดกรองหุ้นด้วยหลักการแบบ “VI” เลือกหุ้นทุกตัวที่มีค่า PE ไม่เกิน 10 เท่า PB ไม่เกิน 1 เท่า ปันผลไม่ต่ำกว่าปีละ 5% และมีขนาดของหุ้นทั้งบริษัทหรือ Market Cap. ไม่ต่ำกว่าประมาณ 4-500 ล้านบาท ซึ่งทำให้ได้หุ้นมาร้อยกว่าตัวและหุ้นแต่ละตัวก็มีขนาดไม่เกิน 4-5 ล้านบาท เป็น “เบี้ยหัวแตก” ที่ส่วนใหญ่แล้วผมไม่รู้เลยว่าบริษัทชื่ออะไรและทำอะไรจนถึงวันนี้
ต่อมาเมื่อเริ่มมีความรู้มากขึ้น ผมก็เริ่มเลือกหุ้นเป็นรายตัวโดยอาศัยคำแนะนำจากนักวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ และบางส่วนก็เลือกหุ้นแนว Defensive เช่นเขื่อนและโรงไฟฟ้า รวมถึงกิจการสาธารณูปโภคเช่น ทางด่วนและผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำประปาและน้ำอุตสาหกรรมที่ผมคิดว่ามีความปลอดภัยและให้ผลตอบแทนสูงพอสมควรอานิสงค์จากการที่รัฐบาลให้ผลตอบแทนตาม ต้นทุนเงินทุนหรือ IRR ที่สูงกว่าของไทยมาก ขนาดของการลงทุนในหุ้นแต่ละตัวก็มีขนาดใหญ่ขึ้นพอสมควรแต่จำนวนหุ้นที่ลงทุนก็ยังค่อนข้างมากคือน่าจะประมาณ 30 ตัว
รอบที่สามนั้น น่าจะเรียกว่าเป็นการเริ่มลงทุนในหุ้น “ซุปเปอร์สต็อก” ของเวียดนามที่เป็นหุ้นที่ผมชอบและลงทุนเป็นหลักในตลาดหุ้นไทยมานานเป็นสิบ ๆ ...
โลกในมุมมองของ Value Investor 28 พฤษภาคม 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การเลือกตั้งผู้ว่าและสมาชิกสภากรุงเทพมหานครเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้น ก่อให้เกิดปฏิกิริยาในแวดวงการเมืองและวงการอื่นมากมายอย่างที่ “ไม่เคยปรากฏมาก่อน” สำหรับผมแล้ว นี่เป็นสัญญาณที่ดีต่อ “ความเป็นประชาธิปไตย” ของประเทศไทยที่ผมเห็นว่ามีความสำคัญมากขึ้นมากในโลกปัจจุบันและอนาคต เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ ผมคิดว่าถ้าประเทศไทยไม่สามารถพัฒนาระบอบการปกครองให้เป็น “ประชาธิปไตยในระดับสากล” ได้ภายในเวลาอีกไม่นาน ประเทศไทยก็จะ “ล้าหลัง” ลงไปเรื่อย ๆ จากที่เรา “แน่นิ่ง” มานานเกือบ 10 ปี แล้วหลังการรัฐประหารในปี 2557 และมีการใช้รัฐธรรมนูญใหม่ที่ยัง “ไม่เป็นประชาธิปไตย” ในปี 2560 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่แทบจะ “แก้ไขไม่ได้” ถ้าคนบางกลุ่มไม่ต้องการ
ในช่วงเวลาเกือบ 10 ปี ที่ผ่านมานั้น น่าจะพูดได้ว่า สถานะในสังคมโลกของไทยตกต่ำลงมาก เช่นเดียวกับสถานะทางเศรษฐกิจที่มีการเติบโตช้าลงอย่างเห็นได้ชัด จากเศรษฐกิจโตเร็วมากในกลุ่มอาเซียนกลายเป็น “โตช้าที่สุด” และไม่รู้ว่าจะแก้ไขได้อย่างไร สิ่งสำคัญส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะรัฐธรรมนูญและระบบการปกครองเป็นอุปสรรค ว่าที่จริงผมเองก็แทบจะ “หมดหวัง” ในอนาคตของประเทศมานานแล้ว เช่นเดียวกับ “คนรุ่นใหม่” จำนวนมากที่ตัดสินใจ “สู้” แต่ก็ดูเหมือนว่าหลายคนกลับพบว่าเป็นเรื่องยากมาก เกิดความรู้สึกว่า “พ่ายแพ้” และ “หมดกำลังใจ” หลายคนถอดใจและคิดว่า ...