โลกในมุมมองของ Value Investor     7 มกราคม 2565 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร หนทางการลงทุนที่ทำให้ผม  “เปลี่ยนชีวิต” ในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมาก็คือ  การลงทุนในหุ้น “Super Stock” ประมาณ 6-7 ตัว ย้อนหลังไปประมาณ 15- 20 ปี และถือไว้ยาวนานโดยที่ไม่ค่อยได้ทำอะไรกับมัน  บางตัวผมก็ยังถืออยู่จนถึงทุกวันนี้   Super Stock โดยนิยามของผมก็คือหุ้นที่เติบโตเร็วมาก  ภายในเวลา 10 ปี โตขึ้นอย่างน้อยเป็น 10 เท่าตัว หรือให้ผลตอบแทนทบต้นปีละประมาณ 26% ขึ้นไป  และนี่ไม่ใช่หุ้นเก็งกำไรตัวเล็ก ๆ ที่อาจจะมีราคากระโดดขึ้นไปได้เพราะเหตุผลบางอย่าง  แต่เป็นหุ้นของธุรกิจหลัก ๆ  ขนาดใหญ่ระดับประเทศที่เราสามารถลงทุนด้วยเม็ดเงินจำนวนมากได้อย่างสบายใจและก็สามารถขายหุ้นได้โดยที่ไม่ได้กระทบกับราคาของหุ้นในขณะนั้นเลย หุ้น Super Stock นั้น  มักจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากหุ้นทั่วไปก็คือ  มันมักจะอยู่ในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่กำลังเป็น  “เมกาเทรนด์” คือมีการเติบโตที่รวดเร็วและมักจะยาวนานจนโตขึ้นจากจุดเดิมเป็นหลายเท่า  ดังนั้น  จึงเป็นผู้ผลิตหรือให้บริการสินค้าที่มักจะถูกใช้โดยคนที่อายุน้อยกว่าหรือคนที่กำลังร่ำรวยขึ้นที่จะมีเงินเพิ่มและใช้ผลิตภัณฑ์มากขึ้น  นั่นคือเงื่อนไขประการแรก  ข้อที่สองก็คือ  บริษัทหรือหุ้นนั้นจะต้องเป็น  “ผู้ชนะ” มีส่วนแบ่งทางตลาดสูงกว่าคู่แข่งและโตไปเรื่อย ๆ ...
สืบเนื่องจากโพสต์ก่อนหน้านี้ ที่พูดถึงความร่ำรวยของ บรรดาเหล่ามหาเศรษฐีของไทยและเวียดนาม วันนี้ แอดมินจะพามาดูว่า ท่านสำเร็จการศึกษาอะไรกันมา เพราะ แอดมินเชื่อว่า การศึกษาคือรากฐานสำคัญของชีวิต และต่างมีส่วนในการนำพาให้ท่านเหล่านี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในทุกวันนี้ ฝั่งมหาเศรษฐีไทย คุณ ธนินทร์ เจียรวนนท์ สำเร็จการศึกษา ปริญญาตรี สาขาพาณิชยกรรม จาก สถาบันฮ่องกงวิทยาลัย ประเทศฮ่องกง คุณ เฉลิม อยู่วิทยา ไม่ปรากฏข้อมูลการศึกษา คุณ เจริญ สิริวัฒนภักดี สำเร็จการศึกษา ปริญญาตรี และ ปริญญาโท สาขานิติศาสตร์ จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง คุณ ทศ จิราธิวัฒน์ สำเร็จการศึกษา ปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ จาก Wesleyan University (USA) และ ปริญญาโท สาขา MBA (Finance) จาก Columbia University คุณ สารัชถ์ รัตนาวะดี สำเร็จการศึกษา ปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมศาสตร์ จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ปริญญาโท สาขานิวิศวกรรมศาสตร์ จาก University of Southern California (USA) ฝั่งมหาเศรษฐีเวียดนาม คุณ Pham...
"One Up On Wall Street" โดย Peter Lynchเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง ที่นักลงทุนไทย สาย VI จะต้องอ่านมาทุกคนเซียนหุ้นหมื่นล้าน คุณฮง สถาพร งามเรืองพงศ์ เคยกล่าวว่า หากจะให้แนะนำหนังสือการลงทุนได้เพียงเล่มเดียวในชีวิต คือ เล่มนี้คุณโจ ลูกอีสาน ให้สัมภาษณ์มาไม่นานมานี้ แนะนำหนังสือเล่มนี้เป็นเล่มแรก และให้อ่านหลายๆ รอบเนื้อหาในหนังสือ มีบทหนึ่งแนะนำเรื่องการแบ่งพอร์ท ตามชนิดของหุ้นหุ้น Stalwart (หุ้นแข็งแกร่ง) 10-20%หุ้น Cyclical (หุ้นวัฎจักร) 10-20%หุ้น Fast grower หรือ หุ้น Growth (หุ้นเติบโต) 30-40%ที่เหลือประมาณ 20% หรือมากกว่า เป็นหุ้น Turnaround (หุ้นที่พลิกฟื้นจากการขาดทุน)จะเห็นได้ว่าโดยปกติ หุ้น Growth มีสัดส่วนที่สูงที่สุด คงจะดีถ้าให้เวลาโฟกัสกับหุ้นกลุ่มนี้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นทศวรรษทองของนักลงทุน VI ในไทย ตามคำกล่าวของ ดร.นิเวศน์ แต่อนาคตหลังจากนี้ ประเทศไทยคงไม่เหมือนเดิมเวียดนาม ด้วยปัจจัยจำนวนประชากรที่มากกว่า อายุน้อย...
ปี 2021 ที่ผ่านมานับเป็นอีกหนึ่งปีที่ ตลาดหุ้นเวียดนามให้ผลตอบแทนอย่างงดงาม โดย ดัชนีหลักอย่าง VN-INDEX บวกขึ้นมา 35.7% (5 ปี +120%) ส่วนดัชนีของหุ้นขนาดกลาง-เล็ก บวกขึ้นมากว่า +130% (5 ปี +447%) แต่ใช่ว่า ดัชนีขึ้นแรงแล้วหุ้นทุกตัวจะขึ้นแรงเสมอไป วันนี้แอดมินได้รวบรวม 10 หุ้นที่ปรับตัวลงมากที่สุดแห่งปี 2021 โดยตัวที่ดิ่งหนักที่สุด มูลค่าของบริษัทหายไปถึง 73% เลยทีเดียว *หมายเหตุ อ้างอิงราคาหุ้นตั้งแต่วันเปิด-ปิดตลาดปี 2021 (ระหว่างวันที่ 4 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 2021) ของหุ้นที่มียอดซื้อขายต่อวันมากกว่า 10,000 หุ้น 1.    An Giang Port Joint Stock Company (HNX:CAG): -73% CAG ให้บริการหลักบริเวณท่าเรือ My Thoi และ Binh Long ในหลากหลายธุรกิจเช่น คลังสินค้า ขนถ่ายสินค้า ตัวแทนขนส่งสินค้า รวมถึง ให้บริการจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำจืด ไฟฟ้า...
ในช่วงปลายปี บรรดาโบรกเกอร์หลากหลายสำนัก ต่างออกบทวิเคราะห์ คาดการณ์สถานการณ์เศรษฐกิจ รวมถึงภาวะตลาดในปีถัดไป พร้อมแนะนำกลยุทธ์การลงทุนเพื่อเดินหน้าต่อ SSI Securities หนึ่งในโบรกเกอร์ชั้นนำของเวียดนามเองก็เพิ่งออก Strategy Report ซึ่งพูดถึงมุมมองของ SSI ต่อทิศทางของตลาดในปี 2022 ข้อสรุปจากรายงานของ SSI ·  รัฐบาลเวียดนามยังคงนโยบายการคลังและการเงินแบบผ่อนคลาย ต่างจาก เศรษฐกิจหลักทั่วโลกที่รัฐบาลส่งสัญญาณการใช้นโยบายแบบเข้มงวด เพื่อลดผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงปีที่ผ่านมา ·  รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าการเติบโตของ GDP ปี 2565 ที่ 6.0% - 6.5% และ SSI เชื่อว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของรัฐบาลกลางจะยังคงดำเนินต่อไปในปีหน้า และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวด้วย ·  การเปิดเมือง เปิดประเทศ รวมถึงพัฒนาการ การหักบัญชีและชำระราคา (T+0 และ Central Counterparty Clearing) ของตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม จะเป็นตัวเร่งการเติบโตของตลาดในปีหน้า o   ในกรณี Best Case SSI คาดว่า ตลาดหลักทรัพย์เวียดนามจะสามารถปรับปรุงระบบบัญชี และ ถูกเลื่อนสถานะเป็น Emerging Market โดย ดัชนี FTSE Russell Index ภายใน...
ในยุคปัจจุบันที่การแข่งขันในโลกธุรกิจทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น บริษัทต่างเจอความท้าทาย หลาย ๆ บริษัทจึงเลือกที่จะใช้กลยุทธ์การควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions – M&A) หรือ การก่อตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Ventures – JV) ในการหนีจากการถูกทำลาย (disrupt) และ ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง ในปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยมีดีล JV และ M&A เกิดขึ้นไม่น้อย ในหลากหลายธุรกิจและอุตสาหกรรม ยกตัวอย่างเช่น… -   ธนาคารธนชาต (SET: TCAP) และ ธนาคารทหารไทย (SET: TMB) ควบรวมกลายเป็น ธนาคารทหารไทยธนชาต (SET: TTB) -   เซ็นทรัลพัฒนา (SET: CPN) เข้าถือหุ้น สยามฟิวเจอร์ ดีเวปลอปเมนต์ (SET: SF) -   กลุ่ม เจมาร์ท (SET: JMART, JMT, SINGER, J) จับมือกับ กลุ่ม บีทีเอส...
โลกในมุมมองของ Value Investor 26 ธันวาคม 64 ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ไวรัสโควิด-19 นั้นเกิดการระบาดใหญ่ในปี 2020 จนถึงวันนี้ก็ประมาณ 2 ปีแล้ว  แต่ก็ยังไม่จบ  คนจำนวนมากยังคิดว่าการเกิดสายพันธุ์ใหม่คือโอไมครอนที่มีการติดเชื้อง่ายขึ้นหลายเท่าเทียบกับพันธุ์เดลต้าอาจจะทำให้โลกต้องวุ่นวายต่อไปอีกนานหลังจากที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าเรื่องโควิด-19 น่าจะใกล้จบลง  เรื่องโควิดนั้นเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลกที่ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ของคนทั่วโลก  ภาพคนที่เสียชีวิตและการปิดเมืองนั้นส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำลงโดยเฉพาะในปี 2020 และได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตกต่ำลงอย่างแรงในช่วงเวลาหนึ่งประมาณ 2-3 เดือน ก่อนที่จะมีการปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  อย่างไรก็ตาม  หลังจากนั้น  ข่าวเกี่ยวกับโควิดก็เกิดขึ้นเกือบทุกวัน “กระทบกับดัชนีหุ้น” เป็นระยะตลอดมาจนถึงวันนี้ที่ดูเหมือนว่าโควิดจะกลับมาเป็นประเด็นที่ “ชี้เป็นชี้ตาย” ตลาดหุ้นทั่วโลกอีกครั้งหนึ่ง  เป็น“ปัจจัยเสี่ยง” ที่สำคัญที่สุดในอีกหลายปัจจัยเช่นเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ  สภาพคล่องทางการเงินและ “สงครามเย็น” ระหว่างสหรัฐกับจีน  เป็นต้น ข่าวทั้งหมดเกี่ยวกับโควิดนั้น  เราได้รับฟังและรับทราบมาจนชินและเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยและทั่วโลกนั้นขึ้นอยู่กับการระบาดของโควิดมาก  ภาวะโควิดดีขึ้น  หุ้นขึ้น  โควิดแย่ลง  หุ้นตก  ถ้าคุมโควิดไม่ได้  หุ้นเป็นหายนะ  ทั้งหมดนี้ผมในฐานะที่เป็นคน “ขี้สงสัย” ในทุกเรื่องแม้แต่เรื่องที่คนร้อยละ 99.99% เชื่อแบบเดียวกันผมก็ยังมีข้อสงสัยว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?   มีอะไรเป็นข้อพิสูจน์ว่า “ตลาดหุ้นกลัวโควิด” เพราะจากการสังเกตอย่างง่าย ๆ  ผมยังไม่เห็นนักลงทุนคนไหนหนีจากตลาดหุ้นจริง ๆ  เลยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา  มีแต่นักลงทุนหน้าใหม่ ๆ ...
Corporate News: •          Mobile World Corporation (MWG – ค้าปลีก) บริษัท MWG ได้ร่วมมือกับ F88 Business JSC ซึ่งเป็นเจ้าของร้านรับจำนำ F88 เพื่อเปิดให้บริการสินเชื่อเงินสดในสาขาThe Gioi Di Dong และ Dien May Xanh โดยไม่ต้องซื้อสินค้าของ MWG ผู้สมัครจะได้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านดอง ระยะเวลาผ่อนชำระ 12 เดือน อัตราดอกเบี้ย 7.5% ต่อเดือน โดยเพียงยื่นบัตรประชาชน และใบขับขี่ ก่อนหน้านี้ ทาง MWG ก็ได้เปิดบริการเช่นเดียวกันกับ FE Credit ร้าน F88 เป็นร้านรับจำนำที่ใหญ่ที่สุดในในประเทศ มีสาขาทั้งหมด 512 แห่ง เงินหมุนเวียนหลักมาจากการออกหุ้นกู้ด้วยอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 12% ต่อปี •          Vingroup (VIC – อสังหาฯ) เมื่อวันที่ 12 เดือนธันวาคมที่ผ่านมา บริษัท Vingroup และคณะกรรมการประชาชนจังหวัด Ha Tinh จัดทำพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ VINES ซึ่งก่อตั้งในเขตอุตสาหกรรม Vung Ang บนพื้นที่กว้าง 8ha ด้วยเงินลงทุนประมาณ 4 ล้านล้านดองในเฟสแรก การก่อสร้างโรงงาน VINES ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทเพื่อกลายเป็นเจ้าของฐานการผลิตแบตเตอรี่ตามมาตรฐานระดับโลกให้กับรถ EV สัญชาติเวียดนาม ภายใต้กลยุทธ์ 3 เสาหลัก ได้แก่ 1) ซื้อแบตเตอรี่จากผู้ผลิตชั้นนำทั่วโลก 2) ร่วมมือกับหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ในด้านผลิตแบตเตอรี่ และ 3) ทำงานวิจัย พัฒนา และผลิตแบตเตอรี่เอง ในเฟสแรก บริษัทจะผลิตแบตเตอรี่จำนวน 100,000...
• Masan Group Corporation (MSN – สินค้าจำเป็น)  ประกาศเสร็จสิ้นการระดมทุนรอบสุดท้ายให้กับบริษัท The CrownX โดยล่าสุดได้รับเงินลงทุนกว่า 350 ล้าน USD จากกองทุน TPG, กองทุนอาบูดาบี ADIA และ Sea Town Master Fund ตั้งแต่ The CrownX ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2020 บริษัทได้ระดมทุนกว่า 1.5 พันล้าน USD บริษัท The CrownX เป็นบริษัทที่ถือ Masan Consumer Holding และ WinCommerce ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับผู้บริโภครายย่อยแบบครบวงจร บริษัทแม่ Masan Group ที่ถือ 81.4% ตั้งเป้าจะนำ The CrownX เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2023-2024 KIDO Group (KDC – ขนมขบเคี้ยว) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา บริษัท Kinh Do Group และ Central Retail Vietnam ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ด้านการค้าปลีก ตามที่ตกลงไว้ บริษัท KDC จะเปิด chain ร้านค้า F&B ชื่อ Chuk chuk ในห้างสรรพสินค้าที่ถือโดย Central Retail ที่ Vietnam ได้แก่ GO!, Big C และ Tops Market ในเฟสถัดไป Central Retail จะช่วยบริษัทขยายร้าน Chuk chuk และนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทเปิดตัวที่ประเทศไทย และประเทศอื่นๆในภูมิภาค ก่อนหน้านี้ บริษัท KDC ก็ร่วมมือกับ Son Kim Group เพื่อพัฒนาด้านการค้าปลีก ร้าน Chuk chuk สินค้าจำเป็น และอสังหาริมทรัพย์ ผู้บริการบริษัท KDC ตั้งเป้าจะเปิด chain ร้านค้า Chuk chuk กว่า 1,000 สาขาในอีก 3 ปีข้างหน้า • Thu Duc...
โลกในมุมมองของ Value Investor       17 ธันวาคม 64 นิเวศน์ เหมวชิรวรากร จากการลงทุนและใช้ชีวิตมายาวนานผมลองคิดดูว่าอะไรคือการลงทุนที่ “ดีที่สุด” และอะไรคือการลงทุนที่ “แย่ที่สุด” ของผม  นี่ไม่ใช่ผลตอบแทนทางด้านการเงินเพียงอย่างเดียว  แต่รวมถึงผลตอบแทนทางด้านอื่นเช่นผลตอบแทนทางด้านจิตใจ  อารมณ์ ความรู้และความสามารถที่จะเป็นฐานให้ได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นในอนาคตด้วย  นอกจากนั้น  เวลาผมพิจารณาหรือประเมิน  ผมก็จะต้องดูด้วยว่าผลตอบแทนที่ได้รับนั้น  มันจะอยู่ต่อเนื่องยาวนานมากน้อยแค่ไหน  เหตุผลก็เพราะว่า  การลงทุนในหลาย ๆ  เรื่องนั้น  ไม่ได้มี “ตลาด” ที่เราจะสามารถ ซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยนได้  เราไม่สามารถรับผลตอบแทนทั้งหมดทันที  ผลตอบแทนที่เราจะได้ก็คือ  “ปันผล” ทั้งที่เป็นเม็ดเงินหรือการใช้สอยหรือเรื่องของความสุขที่จะได้รับต่อเนื่องยาวนานไปในอนาคต การลงทุนที่คิดว่า “ดีที่สุด” ของผมนั้น  ชัดเจนว่าคือการลงทุนในการศึกษาจาก “โรงเรียน” และการหาความรู้โดยเฉพาะจากการอ่านหนังสือตลอดชีวิต  เพราะถ้าปราศจากสิ่งนี้  ชีวิตผมคงไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ได้เลย  ผมเคยลองคิดดูว่าถ้าผมเรียนจบแค่ปริญญาตรีทางด้านวิศวกรรมและทำงานไปเรื่อย ๆ  ในโรงงานขนาดใหญ่  โอกาสที่น่าจะเป็นไปได้ก็คือ  1) ผมอาจจะเริ่มมีครอบครัว  มีลูก  ซึ่งก็จะทำให้ “ยุ่ง” เกินไปที่จะคิดทำอย่างอื่นและก็คงรู้สึก “เสี่ยง” เกินไปที่จะหันไปทำธุรกิจ “ขนาดเล็ก” ที่ตนเองพอจะมีศักยภาพที่จะทำได้  ดังนั้น  ผลก็คือ  ผมก็คงทำงานเป็นผู้บริหารโรงงานจนถึงวันเกษียณ ...

MOST POPULAR