ในการไลฟ์สดเจาะลึก" เปิดพอร์ตหุ้น-กองทุนเวียดนามที่ไหน อย่างไรดี? "
แอดมินเพจ #VVI เพจ #ชีวิตเลือกได้ และเพื่อนนักลงทุนหุ้นเวียดนามจะมาไลฟ์สดจากประสบการณ์จริงของพวกเราในการ "เปิดพอร์ตหุ้น-กองทุนเวียดนาม"
เนื้อหาไลฟ์
ส่วนที่ 1: เปิดพอร์ตลงทุนหุ้นเวียดนาม
เปิดพอร์ตผ่านโบรกเกอร์ไทย ที่ไหนดี?เปิดพอร์ตที่เวียดนามทำอย่างไร ที่ไหนน่าสนใจ?เปรียบเทียบข้อดี-ด้อย การลงทุนผ่านโบรกไทย VS เวียดนามวิธีการโอนเงินไปลงทุนต่างประเทศโดยตรง
ส่วนที่ 2: ลงทุนหุ้นเวียดนามผ่านกองทุน
สรุปกองทุนเวียดนามที่น่าสนใจ ได้แก่
กองทุนฝรั่งPYN Elite ซื้อได้โดยการโอนเงินไปที่ฟินแลนด์VEIL : Dragon Capital ซื้อได้ในตลาดหุ้นอังกฤษVOF : Vina Capital ซื้อได้ในตลาดหุ้นอังกฤษJPMorgan Vietnam Opportunities Fund ฯลฯ
กองทุนสัญชาติเวียดนามSSI-SCA ฯลฯกองทุนไทยPrincipal Vietnam Equity FundK-Vietnam Equity FundASP-Viet FundOne Vietnam FundKrungsri Vietnam Equity Fund-A (KFViet-A Fund)PhillipJiita Wealth
ส่วนที่ 3 : เจาะลึกการลงทุนกองทุน
PYN EliteVEIL : Dragon Capital
ส่วนที่ 4 : สัมภาษณ์มุมมองนักลงทุนหุ้นเวียดนามที่เลือกลงทุนผ่านกองทุน
ลงทุนกองไหนบ้าง เพราะอะไร?
ส่วนที่...
วันนี้แอดฟังคุณบิวสัมภาษณ์ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เรื่อง "เวียดนามดีต่อไหม หรือแพงไป?" ในรายการรู้ใช้เข้าใจเงิน
ขอนำมุมมองของอาจารย์มาฝากเพื่อนๆ ในยามตลาดหุ้นผันผวน อีกทั้งพรุ่งนี้หุ้นเวียดนามก็จะเปิดเทรดวันสุดท้ายก่อนหยุดยาวตามเทศกาล Tết หรือปีใหม่ของเวียดนามค่ะ โดยตลาดหุ้นเวียดนามจะปิดทำการ 10-16 ก.พ. นี้นะคะ
หุ้นเวียดนามมันมีช่วงที่ลงมา แล้วสัปดาห์เดียวดีดขึ้นไปเร็วมาก ?
ดร.นิเวศน์: ยังดีดไปไม่ถึงที่เดิม (ดัชนี) เค้าเคยขึ้นถึง 1200 (จุด) ตอนนี้อาจกลับมา 1100 (จุด)เค้าลงไปถึง 1000 (จุด) แล้วมั๊ง โดดขึ้นมาครึ่งหนึ่ง หรือมากกว่านี้นิดหน่อย
แต่ตลาดหุ้นเวียดนามนี่ไม่แพงครับ P/E ยังต่ำกว่าไทย แล้วเค้า Growth สูงมาก
ดูตลาดแล้วเค้าถูกกว่าเมืองไทย แล้วก็อนาคตระยะยาวผมบอกได้เลยว่ามันโต
เดี๋ยวไปอ่าน ดร. ศุภวุฒิ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าก็จะบอกว่าทำไมเวียดนามจะเป็นอย่างนู้นอย่างนี้ เพราะตอนนี้ดัชนีชี้นำเรื่องอำนาจว่าประเทศไทยมีอำนาจมากกว่าใครใน Asia ไทยกับเวียดนามนี้สูสี เราชนะอยู่นิดหนึ่ง แต่อนาคตอาจจะแพ้หล่ะ ในขณะที่คนอื่น ประเทศอื่นก็ชัดเจนว่ามีอำนาจแค่ไหน อำนาจนี่พูดถึงเศรษฐกิจ การเมือง อะไรต่างๆ
แต่ว่าเวียดนามทุกอย่างมันออกมาชี้ว่าเวียดนามมันต้องโตอย่างเดียว แล้วก็โตเยอะ แซงไทยได้ค่อนข้างแน่ ใช้เวลานิดหนึ่งช้าหรือเร็ว บางคนก็บอก 20 ปี บางคนก็บอก 10 ปี เค้าก็ไล่กวดมา
แล้วก็ตัวเลขทุกวันที่เปิดออกมาก็เห็นคนไปลงทุนตลอด...
เป็น 2 สัปดาห์แห่งความผันผวน จากตกหนัก กลายเป็นตลาดหุ้นเวียดนามในสัปดาห์ล่าสุดฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง (จนติด Top 5 ตลาดที่ให้ผลตอบแทนดีสุดในโลก +6.65% ภายในอาทิตย์เดียว) ภาพนี้ช่างสวนทางกับความตกใจของนักลงทุนเมื่อวันที่ 28 มกราคม เมื่อดัชนี VN ติดลบ 6.67 เปอร์เซ็นต์ (หุ้นเวียดนาม Floor -7%) พร้อมกับสถานะที่มีแต่คนขายไม่มีคนซื้อ ทำให้ตอนนั้นเพียงครึ่งเดือนหุ้นเวียดนามติดลบไปถึง 15%
อย่างไรก็ตามบทเรียนของตลาดหุ้นในครั้งนี้จะไม่มีวันเก่า ในบริบทที่นักลงทุนชาวเวียดยามหน้าใหม่หลายแสนคนเข้ามาในตลาดหุ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้
อะไรทำให้ตลาดหุ้นมีความผันผวน?นักลงทุนอ้างเหตุผลทั้งหมด แม้กระทั่งทฤษฎีสมคบคิด เช่น การจัดการตลาดโดยเจ้ามือที่แข็งแกร่ง และการ Corner หุ้น กับการปิดระบบการซื้อขาย แต่มีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่กล้ายอมรับความจริงว่าพวกเขาเป็นสาเหตุของความผันผวนเหล่านั้นเอง เมื่อหุ้นไต่ขึ้นสูงอย่างดุเดือด ทุกคนดื่มด่ำกับผลกำไรที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับสุขที่ได้รับ
จากมุมมองทางจิตวิทยา: การพยายามหาเหตุผลภายนอกเพื่ออธิบายผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์หรือความผิดพลาดของตนเองนั้น แท้จริงแล้วเป็นการหลีกเลี่ยงความรับผิดและบรรเทาความเจ็บปวดของตนเอง ที่พบได้บ่อยในตลาดหุ้นดังนั้นหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นจึงเน้นหลักการขจัดอารมณ์จากการตัดสินใจ หลักการนี้มีเพียงไม่กี่บรรทัดสั้น ๆ แต่นำมาใช้ได้หลายร้อยปี
พวกเขารู้แนวรับแนวต้าน และจุดซื้อทางเทคนิคของหุ้น อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เข้าใจหลักการผลตอบแทน-ความเสี่ยงในแต่ละการซื้อขาย รวมทั้งการสร้างพอร์ตโฟลิโอ และการบริหารความเสี่ยง
นักลงทุนใหม่ในตลาด มักให้ความสำคัญกับผลกำไรเป็นอันดับแรก ในขณะเดียวกันนักลงทุนที่มีประสบการณ์มักจะกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงสูงสุด การลงทุนต้องคุ้มค่ากับผลตอบแทนที่คาดหวัง
ความปั่นป่วนที่รุนแรง เช่นความผันผวนของตลาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกิดขึ้นหลายครั้งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และมีส่วนในการกำจัดนักลงทุนสมัครเล่นหลายรุ่น
แนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวตามการเติบโตของเศรษฐกิจมหภาคและการเติบโตรายบริษัท การซื้อ-ขายตามอารมณ์ตลาดหุ้นในช่วงเวลาหนึ่ง ตลาดปัจจุบัน(อาจ)เป็นขาลงระยะสั้นในขาขึ้นระยะยาว ดังนั้นนักลงทุนระยะยาวไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก
การที่เราไม่รู้ว่าเราลงทุนระยะยาว...
โลกในมุมมองของ Value Investor 6 กุมภาพันธ์ 64
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
อวสานของโรงเรียน
เรื่องของ “คน” หรือถ้ามอง “ภาพใหญ่” ก็คือ “ประชากร” ของประเทศไทยนั้น เป็นเรื่องที่ผมสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่กลายมาเป็นนักลงทุนแบบ “VI” ที่เน้นการลงทุนระยะยาว เหตุผลก็คือ ในระยะยาวแล้ว เรื่องของเศรษฐกิจ ทั้งการผลิตและการบริการทั้งหลายนั้นก็ขึ้นอยู่กับคน ถ้าคนมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และความสามารถหรือประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นเรื่อย ๆ เศรษฐกิจก็จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ตรงกันข้าม ถ้าคนมีจำนวนน้อยลงไปเรื่อย ๆ และความสามารถหรือประสิทธิภาพของคนไม่เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจก็จะถดถอยลงไปเรื่อย ๆ ซึ่งทั้งสองประการก็กระทบกับการลงทุนในตลาดหุ้นอย่างรุนแรง ในกรณีแรกนั้น เกิดขึ้นกับประเทศไทยมานานมากไม่ต่ำกว่า 60-70 ปีแล้วตั้งแต่ผมเกิดมาจนถึงวันนี้ที่เศรษฐกิจไทยโตขึ้นตลอดอย่างรวดเร็วและส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วปีละเกือบ 10% มาเป็นเวลาเกือบ 46 ปี แล้ว
ในกรณีที่สองที่เศรษฐกิจจะถดถอยลงอย่างต่อเนื่องยาวนานนั้น ผมกำลังวิตกว่ากำลังใกล้จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย นั่นก็เพราะว่าจำนวนคนหรือคนที่ทำงานได้ของประเทศไทยนั้น กำลังเข้าสู่จุดสูงสุดและจะลดลงมาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับประสิทธิภาพหรือความสามารถของคนไทยที่จะไม่เพิ่มขึ้นอานิสงค์จากคุณภาพการศึกษาที่ไม่ได้พัฒนาขึ้นและอายุเฉลี่ยที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วของคนไทยในช่วงเร็ว ๆ นี้และต่อไปในอนาคต โดยที่ผมเองก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครสนใจที่จะแก้ไขหรือชะลอปัญหาที่ยิ่งใหญ่และสำคัญขนาดนี้
ผมเองเคยเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องของประชากรไทยมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ผมอยากที่จะเน้นถึงปรากฏการณ์สำคัญที่ยังไม่เคยพูดถึงอย่างจริงจังแต่จะมีความสำคัญมากในอนาคตนั่นก็คือ การลดลงแบบ “ถล่มทลาย” ของจำนวนเด็กที่เกิดในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะกระทบกับกิจกรรมทั้งหลายเกี่ยวกับทารกและเด็กเล็กซึ่งน่าจะรวมถึงงานของสูตินรีแพทย์ อาหารเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาลและหนังสือเกี่ยวกับแม่และเด็กมาก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม กิจกรรมใหญ่และสำคัญยิ่งกว่าที่จะเริ่มเห็นผลกระทบอย่างแรงก็คือ “โรงเรียน” ซึ่งก็จะพบว่าจำนวนเด็กที่จะต้องเข้าโรงเรียนนั้น จะลดลงไปมากและจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขของเด็กที่เกิดเมื่อ 7-8 ปีก่อนนั้นอยู่ที่ประมาณเกือบ 8 แสนคนต่อปี หลังจากนั้น ก็ลดลงตลอดทุกปี ประมาณปีละ 30,000 คน ทำให้เด็กที่เกิดล่าสุดนั้นอยู่ที่ประมาณแค่ปีละ 550,000 คนหรือเป็นการลดลงถึงประมาณ 30% และตัวเลขนี้ก็น่าจะยังไม่ดีขึ้นเมื่อคำนึงถึงปัญหาโรคโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจเลวร้ายที่ตามมาซึ่งน่าจะทำให้คนเลื่อนและลดการมีลูกลงไปอีก
ที่จริง เรื่องของการศึกษาของไทยนั้น...
โลกในมุมมองของ Value Investor 30 มกราคม 64
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ปรากฏการณ์หุ้น GameStop (GME) ปรับตัวขึ้นจากราคาประมาณ 17 เหรียญตอนต้นปีเป็น 325 เหรียญในวันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2564 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 19 เท่าในเวลาเพียงเดือนเดียวนั้น เป็นข่าวที่ดังไปทั่วอเมริกาและทั่วโลกและไม่ใช่เฉพาะในตลาดหุ้นเท่านั้น ว่าที่จริงย้อนหลังไปเพียง 1 ปี หุ้นตัวนี้มีราคาแค่ประมาณ 4 เหรียญ ซึ่งเท่ากับว่าคนที่ถือหุ้นตัวนี้จะได้กำไรถึง 80 เท่าในเวลาเพียง 1 ปี และ Market Cap. หรือมูลค่าตลาดของหุ้นขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 680,000 ล้านบาท จากมูลค่าประมาณ 8,500 ล้านบาทเมื่อ 1 ปีก่อน
GME เป็นบริษัทขายปลีกวิดีโอเกมและอุปกรณ์อิเลคโทรนิกส์สำหรับผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสาขาประมาณ 5,500 แห่งทั่วสหรัฐ และประเทศอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ในช่วงประมาณเกือบ 10 ปีที่ผ่านมาบริษัทก็ขาดทุนมาตลอดเนื่องจากธุรกิจถูก Disrupt เพราะผู้บริโภคหันมาซื้อเกมออนไลน์แทนที่จะไปซื้อแผ่นที่ร้าน ราคาหุ้น GME...
เมื่อสักครู่แอดได้อ่านบทวิเคราะห์จาก J.P.Morgan ฉบับวันที่ 29 ม.ค.64ที่พาดหัวค่อนข้างแรงในภาวะตลาดหุ้นรถไฟเหาะตีลังกาของเวียดนามว่า"Vietnam Equity Strategy: Buy at every correction" ( กลยุทธ์ลงทุนหุ้นเวียดนาม ซื้อทุกการปรับฐาน )
ขอแปลสรุปบทความที่อ่านดังนี้ค่ะ
จากการที่เวียดนามพบการระบาดของโควิด 19 ในรอบเกือบ 2 เดือน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาอีกครั้งนักวิเคราะห์มองว่า: แม้จะมีความเสี่ยงที่การระบาดของโควิด 19 ในเวียดนามจะรุนแรงขึ้นในระยะสั้น แต่เราเชื่อว่าผลกระทบกับเศรษฐกิจมีจำกัด รัฐบาลเวียดนามสั่งซื้อวัคซีน 30 ล้านโดส จาก AstraZeneca และพร้อมฉีดในไตรมาสแรกของปีนี้พวกเรามองการปรับฐานของเวียดนามเป็นโอกาสในการซื้อ เราชอบธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ อุปโภคบริโภค และไอทีภาคธนาคารกำไรดี NPL ยังต่ำ นอกจากนี้มีFDI ไหลเข้าเวียดนามมาก โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีทั้ง Intel Foxconn Apple มีการลงทุนเพิ่มในเวียดนามการปรับฐานแบบรุนแรงทำให้มูลค่ากลับมา (Steep correction brings value)VN-Index dropped 12% ใน 1 สัปดาห์ ทำให้ forward P/E ตลาดอยู่ที่ 13.5 เท่า และ...
เป็นปีที่ต้องลืมแต่เป็นตลาดที่ต้องจดจำ ตลาดหุ้นจบปี 2020 ด้วยการพุ่งขึ้นอย่างไม่คาดฝัน หลังจากตกหนักช่วงเดือนมีนาคม
ภาพที่ไม่มั่นคง ผู้จัดการเงินEric Balchunas นักวิเคราะห์ ETF ของ Bloomberg Intelligence และ Morgan Barna ได้ตอบคำถามที่ว่า: หากมีเงิน 10,000 ดอลลาร์ให้เค้าตอนนี้คุณจะเอาไปลงทุนอะไร
ทั้งคู่ได้พูดและแนะนำการลงทุนเวียดนามกับญี่ปุ่น
เวียดนาม
เวียดนามยังคงมีอัตราการเติบโตของ GDP ที่สูง การคำนวณล่าสุดของ Bloomberg แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของ GDP ของเวียดนามอยู่ที่ประมาณ 3% ในปี 2020 และ 7-8% ในปี 2021
การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยภายในประเทศหลายอย่าง ทั้งการบริโภคภายใน โครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนนโยบายเศรษฐกิจแบบเปิด และมาตรการสนับสนุนต่างๆ
อีกทั้งเวียดนามกำลังมีความแข็งแกร่งเมื่อได้ลงนามในข้อตกลงการค้าที่สำคัญหลายฉบับ ในปี 2020 เช่น ข้อตกลงการค้าเสรีสหภาพยุโรป
นอกจากนี้ทั้งเวียดนามยังความสามารถในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด -19 ได้เป็นอย่างดี ( ถึงแม้จะพบเคสใหม่เป็นจำนวนมากไม่นานนี้ แต่ส่วนตัวแอดก็เชื่อว่าเค้าจะรับมือได้ดีอีกครั้ง สถาบันโลวีของออสเตรเลีย เพิ่งจัดอันดับว่าเวียดนามรับมือโควิดได้ดีอันดับ 2 ของโลก รองจากนิวซีแลนด์ ไทยได้อันดับ 4 ส่วนประเทศที่ทำผลงานได้แย่สุดคือบราซิล)
แม้ตลาดหุ้นเวียดนามจะมีการฟื้นตัวและปรับตัวขึ้นมากจากจุดต่ำสุด แต่ตลาดหุ้นของเวียดนามก็มีราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน มากกว่า 40% เพราะยังคงจะได้รับประโยชน์จากการค้าและซัพพลายเชน รวมทั้งเมื่อตลาดทุนพัฒนาขึ้น...
นักลงทุนตื่นตระหนก VN Index ตก 15% ในครึ่งเดือนในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา VN-Index ลดลงจาก 1,200 จุดเหลือ 1,026 จุด นับเป็นการลดลง ถึง 15%
5 ปัจจัยหลัก ที่มีอยู่นักลงทุนต้องพิจารณาในช่วงนี้
Margin Call สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้น สิ้นปี 2020 มียอดการให้กู้ยืมมาร์จิ้นประมาณ 81,000 ล้านด่อง เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 3 และ เพิ่มขึ้น 84% เทียบกับช่วงที่ตลาดทำจุดต่ำสุดที่ 660 จุด
แม้ว่ามาร์จิ้นบาลานซ์ในตลาดจะสร้างสถิติใหม่ แต่ตัวเลขนี้ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับขนาดของตลาดหุ้นเวียดนามในปัจจุบันยอดเงินกู้มาร์จิ้น/มูลค่าธุรกรรมเฉลี่ยในไตรมาส 4/2020 อยู่ที่ประมาณ 7.4 เท่า ซึ่งต่ำกว่าตอนที่ VN-Index ที่จุดสูงสุดที่ 1,204 จุด (ไตรมาส 2 ปี 2018) ที่ 12 เท่าด้วยเหตุนี้หลายคนจึงเชื่อว่ามาร์จิ้นบาลานซ์ที่สูงไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับตลาด
การซื้อขายวันนี้แสดงให้เห็นว่าตลาดหุ้นกำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างมากจาก Margin Call
เริ่มเข้าสู่ฤดูรายงานผลประกอบการ เราพบว่าหลายบริษัทมีผลกำไรสูง แต่บางผลประกอบบางธุรกิจก็ไม่ดีแบบที่คิดเราขอแนะนำให้นักลงทุนอ่านงบการเงินของธุรกิจอย่างละเอียดเพื่อหาหุ้นที่สดใส เพราะในช่วงที่ตลาดฟื้นตัวหุ้นเหล่านี้จะฟื้นตัวได้เร็วกว่านักลงทุนจำนวนมากต้องการถอนเงินเพื่อใช้จ่ายในช่วงวันหยุด Tet พวกเขารีบขายทำกำไร และออกจากตลาดหุ้นชั่วคราวก่อนวันหยุดยาวอย่างไรก็ตามไม่มีใครคาดคิดว่าตลาดหุ้นที่กำลังพุ่งจะตกลงเร็วขนาดนี้...
โลกในมุมมองของ Value Investor 24 มกราคม 64
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
คนที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอย่างจริงจังและมุ่งหวังที่จะ “รวย” จากตลาดหุ้นหรือมีอิสรภาพทางการเงินก่อนเกษียณจากการทำงานประจำนั้น ควรที่จะมี “ยุทธศาสตร์” การลงทุนตั้งแต่เริ่มต้นมิฉะนั้นเวลาลงทุนก็จะเกิดความสับสนและไม่สามารถสร้างสไตล์การลงทุนที่จะเกิดความเชี่ยวชาญและนำไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้
จุดเริ่มต้นก็คือ เราควรที่จะต้องมี “ยุทธศาสตร์หลัก” ก่อนว่า เราจะ “รวยเร็วแต่มีความเสี่ยงสูง” หรือ “รวยช้าแต่มีความเสี่ยงต่ำ” เราจะต้องเลือกว่าจะเอาแบบไหน? อย่าบอกว่าเราอยาก “รวยเร็วและมีความเสี่ยงต่ำ” เพราะในความเป็นจริงของการลงทุนนั้น มันเป็นไปไม่ได้หรือเป็นไปได้ยากที่คนธรรมดาที่ไม่ได้มีความสามารถเป็นพิเศษจะสามารถสร้างผลตอบแทนดีเลิศมาก ๆ โดยที่ไม่ยอมรับความเสี่ยงที่สูงกว่าปกติ วอเร็น บัฟเฟตต์ อาจจะเป็นนักลงทุนน้อยคนมากในโลกที่สามารถทำได้ คนที่ “รวยเร็วมาก” อาจจะเร็วกว่าบัฟเฟตต์หลายเท่าในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น คนที่รวยจากบิทคอย หรือคนที่รวยจากหุ้นดิจิตอลในช่วงเวลาหนึ่งนั้น สุดท้ายมักจะไม่สามารถรักษาความมั่งคั่งในระดับที่ดีเลิศได้ เพราะในไม่ช้าก็อาจจะขาดทุนอย่างวอดวายเพราะสิ่งที่พวกเขาทำนั้นมีความเสี่ยงสูงเกินไป หุ้นหรือตราสารที่ลงทุนอาจจะตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เกิดการขาดทุนแทบจะเป็น “หายนะ” ซึ่งผลก็คือ ที่คิดว่าจะรวยเร็วก็กลายเป็นรวยช้าหรือ “เจ๊ง” ไปเลยก็เป็นได้
ถ้าคิดจะ “รวยเร็วแต่ความเสี่ยงสูง” สิ่งที่จะต้องทำก็คือ ลงทุนหุ้นแบบน้อยตัวหรือ “Focus Investment” มาก ๆ การเล่นหุ้นน้อยตัวในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าถือหุ้นแค่ 2-3 ตัวหรือเป็นสิบ ๆ ตัว ...
"เปิดพอร์ตหุ้นเวียดนามยังไง ที่ไหนดี?" เป็นคำถามยอดฮิตที่ inbox มาหาแอดในช่วงนี้ ช่วงที่ดัชนีหุ้นเวียดนามเริ่มพุ่งใกล้ New High เดิม
ผลตอบแทนจากดัชนี 6 เดือนล่าสุด VN index ของเวียดนาม +36.2% ขณะที่ SET index ของไทย +10.2%
โพสต์นี้แอดยังไม่ขอพูดเรื่อง Valuation หรือ ตอบว่าซื้อหุ้น/ ETF เวียดนามตอนนี้แพงไหม แต่สิ่งที่แอดอยากบอกในโพสต์นี้คือ ถ้าเพื่อนๆ ตั้งใจลงทุนหุ้นเวียดนามแบบโฟกัสในระยะยาว “การเปิดพอร์ตลงทุนหุ้นเวียดนามมีความสำคัญมาก และควรรีบเปิด”
เพราะ
1 การเปิดพอร์ตหุ้นเวียดนามจะช่วยให้เราได้รับบทวิเคราะห์และข้อมูลประกอบการลงทุน
การรีบเปิดพอร์ต ไม่ได้แปลว่าต้องรีบซื้อหุ้น (รอให้ชัวร์ก่อนแล้วค่อยซื้อหุ้นเวียดนามนะคะ) แต่การเปิดพอร์ตหุ้นเวียดนามจะช่วยให้เราได้รับบทวิเคราะห์และข้อมูลประกอบการลงทุน ทั้งทาง E-mail ที่โบรกเกอร์ส่งให้รายวัน อีกทั้งเราก็สามารถขอ Username Password อ่านบทวิเคราะห์ย้อนหลังในเว็บของโบรกเกอร์เวียดนามด้วย (ข้อมูลหุ้นเวียดนามจะไม่ค่อย Publish เหมือนหุ้นไทย-อเมริกา-จีน ส่วนใหญ่ต้องเป็นลูกค้าเค้าก่อนถึงจะมี access บทวิเคราะห์ค่ะ)
2. การเปิดพอร์ตเป็นการเตรียมความพร้อมในการซื้อหุ้นเมื่อมีจังหวะลงทุน
แม้ตลาดหุ้นเวียดนามจะดูดีมีอนาคต แต่ก็ยังเป็นตลาด Frontier ที่มีความผันผวนค่อนข้างสูง แต่หากเรามีพอร์ตหุ้นเวียดนามแล้ว เราสามารถใช้ประโยชน์จากความผันผวนในการซื้อหุ้นตอนที่ตลาดตกหนัก ทั้งหุ้นรายตัว และ ETF ได้...