ผ่านไปแล้วกับงานรวมพลคนลงทุนหุ้นเวียดนาม 2023ขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนรวมในงานสัมมนานี้
ขอบคุณวิทยากรดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากรคุณเอก ธาราบดี ซึ้งอดิชัยวิทย์ (ผู้จัดการทั่วไป ธนาคารกรุงเทพ สาขาประเทศเวียดนาม)คุณณัฐ ณัฐกิติ์ สุนทรบุระคุณบอล ภาคย์ภูมิ ศิริหงษ์ทองคุณดรีม Krittayaporn Dhadasih ( Head of Business Development & Global Investment, Global Trading Department, Finansia Syrus )คุณ Kelly Trang Nguyen ( Assistant Vice President, Global Trading Department, Finansia Syrus )Mr. Eric Levinson ( Head of Business Development, VinaCapital )Mr. Manh Nguyen ( Co-Portfolio Manager, VinaCapital )Mr. Le...
โลกในมุมมองของ Value Investor 26 สิงหาคม 66
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ในมุมมองของผมที่เป็น “นักลงทุนอาชีพ” หรือคนที่ทำงานหลักเป็นนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มาหลายสิบปี และก่อนหน้านั้นก็ทำงานเป็นวิศวกรในโรงงาน เป็นพนักงานด้านการวางแผนและบริหารเงินของกิจการให้บริการเงินกู้และเงินร่วมทุนขนาดใหญ่ และต่อมาก็ทำงานในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ที่ให้บริการเป็นที่ปรึกษาและระดมเงินให้กับบริษัทต่าง ๆ ทั้งที่เป็นบริษัทเอกชนและบริษัทในตลาดหุ้น ผมก็รู้สึกว่า งานแต่ละอาชีพนั้นมีลักษณะและคุณสมบัติไม่เหมือนกัน เฉพาะอย่างยิ่งก็คือ มีความสุขและความทุกข์ไม่เท่ากัน เช่นเดียวกับที่มีรายได้ที่แตกต่างกัน
เมื่อคิดย้อนกลับไป ถ้าผมรู้ว่าเราควรจะเลือกก่อนว่าอาชีพไหนที่จะให้ความสุขมากกว่าและได้เงินดีกว่าสำหรับคนที่มีคุณสมบัติแบบที่ผมเป็น ผมก็คงจะไม่ทำงานแบบนั้นทั้งหมด ผมคงจะพยายามหา “อาชีพในฝัน” ทำแล้วมีความสุข และได้เงินมาก ๆ ตั้งแต่แรก ไม่มาเริ่มทำเมื่ออายุกว่า40 ปี ที่ผม “บังเอิญ” ต้องมาเป็น “นักลงทุนอาชีพ” หลังจากที่ต้องตกงานในวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 และก็พบว่า อาชีพนักลงทุนนั้นก็คือ “อาชีพในฝัน” ที่ทำแล้วมีความสุข อยากทำทุกวัน เหมือนกับที่วอเร็น บัฟเฟตต์พูดว่า เขาแทบจะ “เต้นแท็ปไปทำงาน” ทุกวัน
แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว การลงทุนก็อาจจะไม่ใช่ “อาชีพในฝัน” ที่ทำแล้วมีความสุขและได้เงินมาก เพราะการทำอาชีพอะไรก็ตาม มันก็จะต้องเหมาะกับคุณสมบัติและนิสัยและความชอบของแต่ละคนด้วย อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ของผม งานหรืออาชีพที่ผมคิดว่าน่าจะมีความสุขหรือมีทุกข์น้อยกว่า และคนไม่ต้องมี IQ สูงก็ทำได้ น่าจะมีลักษณะดังต่อไปนี้
ข้อแรกก็คือ มันต้องเป็นงานที่ ...
โลกในมุมมองของ Value Investor 19 สิงหาคม 2566
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ถ้าจะถามว่าวัน ๆ หนึ่งผมทำอะไรบ้าง คำตอบของผมก็คือ ส่วนใหญ่มากก็คือ “บริหารเงิน” หรือจริง ๆ ก็คือเรื่องของการลงทุน ซึ่งก็รวมถึงการอ่าน พูด และเขียน นอกจากนั้น เวลา “ว่าง” หรือทำอย่างอื่นเช่น การเดินช้อปปิงก็มักจะเป็นเรื่องของการ “คิด” ไปเรื่อย ๆ ในประเด็นที่หลากหลายมาก ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของมนุษย์และสังคมโดยเฉพาะเรื่องของเหตุผลว่าทำไมจึงเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้นในประเทศไทยและในโลก และจะเป็นอย่างไรต่อไป ทั้งหมดนั้นก็มักจะอิงอยู่กับ “พื้นฐานของมนุษย์” ที่ “ถูกควบคุมโดยยีน” และโดยมี “ประวัติศาสตร์” เป็นสิ่งที่จะช่วยยืนยันความคิดนั้น
แต่สิ่งที่ผมทำมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปและผมมีอายุมากขึ้นก็คือ การ “บริหารสุขภาพ” ซึ่งจนถึงวันนี้ก็กลายเป็น “สิ่งสำคัญที่สุด” เพราะโอกาสที่จะเจ็บป่วยหรือตายสูงขึ้นมากเมื่อคนมีอายุมากขึ้นถึงจุดหนึ่ง ถ้าไม่ทำอะไร เราอาจจะป่วยหนักและฟื้นตัวกลับไม่ได้เหมือนตอนที่เป็นหนุ่มสาว ความสุขจะหายไปมากมาย ถ้าไม่ทำอะไรก็อาจจะตายเร็ว และเงินที่มีอยู่ก็ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไป มาดูกันว่าผมมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องของการบริหารสุขภาพอย่างไร
เบื้องต้นเลยผมเห็นว่าการบริหารสุขภาพและการบริหารเงินนั้น เป็นศาสตร์และศิลป์พอ ๆ กัน นั่นก็คือ จะต้องประกอบไปด้วยหลักการใหญ่และสำคัญ...
เหลือแค่ 2 วัน พบกันในสัมมนา รวมพลคนลงทุนหุ้นเวียดนาม กับคำถามตรงไปตรงมาที่ต้องรอคำตอบ จาก ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และเหล่ากูรูหุ้นเวียดนาม
กลยุทธ์หุ้นเวียดนาม จัดพอร์ตยังไงให้ไปต่อ
ผ่านไปแล้วเกือบปีซื้อขายหุ้นอะไรกันไปบ้าง
5 ชื่อหุ้นเวียดนามที่ชอบสุด เพราะอะไร
มุมมอง 5 หุ้นยอดฮิตขวัญใจชาวไทย MWG BHX VRE FPT TNH ชอบไม่ชอบตรงไหน
ปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับเวียดนาม ตอนนี้ปัญหาจบยังกับพี่เอก คุณเอก ธาราบดี ซึ้งอดิชัยวิทย์ (ผู้จัดการทั่วไป ธนาคารกรุงเทพ สาขาประเทศเวียดนาม) และกองทุนยักษ์ใหญ่ VinaCapital
พบกับกองทุนยักษ์ใหญ่ในเวียดนามเจ้าของ Diamond ETF, VN30 ETF, MidCap ETF โดย Dragon Capital กับการอัปเดทหุ้นใน ETF
และพบกับกองทุนสัญชาติเวียดนาม SSIAM ตลอดจนนักวิเคราะห์จาก SSI และมุมมองหุ้นเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย จาก Finansia Syrus
พลาดโอกาสนี้อีกหนึ่งปีถึงจะได้เจอกัน
อ่านรายละเอียดและสมัครที่
https://forms.gle/s7c8eue4WNyrRpaC8
โลกในมุมมองของ Value Investor 5 สิงหาคม 66
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
สภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่แทบจะไม่ให้ผลตอบแทนติดต่อกันมานับ 10 ปี นั้น ทำให้นักลงทุน VI หลายคนเริ่มย้ายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นอื่นมากขึ้นเรื่อย ๆ บางคนและแม้แต่ที่เป็น “VI พันธุ์แท้” ที่เคยประสบความสำเร็จอย่างงดงามและ “รวยไปแล้ว” จากตลาดหุ้นไทย ขณะนี้มีเงินลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศมากกว่าตลาดหุ้นไทยไปแล้ว ส่วนตัวผมเองก็มีหุ้นต่างประเทศเกือบ 30% แล้วและน่าจะเพิ่มขึ้นไปได้อีก อานิสงค์สำคัญส่วนหนึ่งก็คือ มูลค่าของหุ้นเพิ่มขึ้นตามดัชนีหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้นเร็วกว่าตลาดหุ้นไทยมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
การ “ย้ายถิ่นฐานไปสู่สถานที่อุดมสมบูรณ์กว่า” ของคนหรือมนุษย์นั้น เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นตั้งแต่มีสิ่งมีชีวิตและมนุษย์ขึ้นในโลก จากประวัติศาสตร์ของคนอย่างพวกเราที่ถูกเรียกว่า “Homo Sapiens” หรือ “มนุษย์ผู้ชาญฉลาด” นั้น พวกเรากำเนิดขึ้นในอาฟริกาและน่าจะอยู่ที่นั่นมาหลายแสนปี แต่แล้ว ในช่วงเวลาน่าจะประมาณ 100,000 ถึง 6-70,000 ปี ที่ผ่านมา พวกเราก็เริ่ม “อพยพครั้งใหญ่” ออกจากอาฟริกาและกระจายไปทั่วโลก โดยทวีปสุดท้ายที่ไปถึงน่าจะเป็นอเมริกาเหนือเมื่อประมาณอย่างน้อย 20,000 ปีที่แล้ว เพราะนั่นเป็นสถานที่ที่ “ไปยากที่สุด”
การที่ Homo Sapiens ย้ายถิ่นฐานออกจากอาฟริกานั้น ...
โลกในมุมมองของ Value Investor 29 กรกฎาคม 2566
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
วันที่ 1 มกราคม ปี 2008 บัฟเฟตต์ประกาศ “ท้าพนัน” คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมบริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ซึ่งเขาบอกว่าตั้งค่าธรรมเนียมการบริหารกองทุน “แพงเกินความสามารถ” และส่วนใหญ่ก็จะใช้สูตร “2-20” คือค่าธรรมเนียมแน่นอนที่ 2% ต่อปีของเงินกองทุนหรือ NAV และอีก 20% ของกำไรในแต่ละปี โดยที่บัฟเฟตต์ท้าว่า ผลตอบแทนของเฮดจ์ฟันด์จะแพ้ผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนอิงดัชนีที่ไม่ต้องมีคนเลือกหุ้น และเขาเลือกกองทุน S&P 500 ของแวนการ์ดกรุปที่คิดค่าธรรมเนียม “ต่ำที่สุด” ที่ 0.04% ต่อปี
คนที่รับคำท้าคือ Ted Seides ผู้ก่อตั้งและบริหารกองทุน Protégé ซึ่งเป็น “Fund of Fund” คือกองทุนที่ลงทุนในเฮดจ์ฟันด์อื่น ๆ โดย จะมีการวัดผลตอบแทนเมื่อครบ 10 ปี ตอนสิ้นปี 2017 เงินพนันคือ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ และนี่ก็คือเรื่องที่จะ “ท้าพิสูจน์”...
โลกในมุมมองของ Value Investor 22 ก.ค. 66
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ตั้งแต่เริ่มเป็น VI เมื่อเกือบ 30 ปี ก่อน ความคิดในการมองโลกของผมหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปมาก แน่นอนว่าไม่ได้เปลี่ยนไปเลยทันทีทุกอย่าง แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้า ๆ ในแบบของ “Evolution” หรือเป็น “วิวัฒนาการ” ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปแบบแทบจะไม่รู้ตัวในช่วงแรก ๆ จนถึงจุดหนึ่งก็จะพบว่าตนเองนั้นเปลี่ยนแปลงไปมาก และต่อไปนี้ก็คือ ความคิด 3 เรื่องในการมองโลกที่ไม่เหมือนเดิมเมื่อเริ่มหันมาเป็น “VI พันธุ์แท้”
เรื่องแรกก็คือสิ่งที่ผมพูดมาบ่อย ๆ ว่าช่วย “เปลี่ยนชีวิต” ของผมมากที่สุด นั่นก็คือ การเปลี่ยนจาก “นักสู้” เป็น “นักเลือก” โดยที่ “นักสู้” ก็คือคนที่ทุ่มเทความพยายามให้กับสิ่งที่ตนเองทำอย่าง “สุดกำลัง” เช่น ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จโดยเฉพาะจากการทำงานหาเงินและชื่อเสียง ตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีหรือก่อนหน้านั้นคือระดับมัธยมศึกษา ผมก็มุ่งหน้าเรียนในสาขาวิชาที่จะ “ทำเงินมากที่สุด” ในช่วงเวลานั้น เมื่อเรียนจบก็เริ่มทำงานที่ให้รายได้ต่อเดือนสูงสุดเท่าที่จะหาได้ เมื่อเริ่มทำงานก็จะทำอย่างขยันขันแข็งและรับผิดชอบต่องานสูงมาก ทั้งหมดนั้นก็ทำให้ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ก็เป็นได้แค่ “วิศวกร” ที่เป็น “ส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่ง”...
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของเวียดนามยังคงฟื้นตัวได้
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ถือเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญที่สุดของประเทศเวียดนาม และเวียดนามยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับประโยชน์มากกว่าประเทศอื่นๆ จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ 2 ประการต่อการไหลเข้าของ FDI ในอนาคตของเวียดนาม ซึ่งเป็นที่สนใจสำหรับนักธุรกิจท้องถิ่นและผู้กำหนดนโยบายของรัฐบาล ได้แก่:
1) เวียดนามอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในฐานะ จุดหมายปลายทางของการลงทุน FDI เมื่อเทียบกับอินเดีย มาเลเซีย และ/หรือ อินโดนีเซีย
2) โครงการกำหนดอัตราภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก จะลดความน่าดึงดูดใจของเวียดนามในฐานะแหล่งลงทุน FDI ปลายทาง เนื่องจากนักลงทุนจะถูกโดยจำกัดสิทธิประโยชน์ทางภาษี
การเยือนอินเดียของ Tim Cook ในเดือนเมษายนทำให้เกิดข่าวคราวมากมายเกี่ยวกับความตั้งใจของ Apple และผู้ลงทุนรายอื่นๆ เกี่ยวกับการสร้างโรงงานใหม่ในประเทศ อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ผลิตในโรงงานเหล่านั้นจะถูกขายไปยังตลาดอินเดีย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การลงทุนใหม่ๆ ไปยังอินเดียไม่ได้ถูกกระตุ้นโดยกลยุทธ์การลงทุน “จีน + 1” ที่ผลักดันให้ FDI ไหลเข้าเวียดนามในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตั้งแต่เริ่มสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ผู้สังเกตการณ์บางคนยังตั้งข้อสังเกตว่า โครงการ FDI ที่ไหลเข้าสู่มาเลเซียและอินโดนีเซียพุ่งสูงขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา ในขณะที่ FDI ที่ยอดลงทะเบียน FDI ของเวียดนามนั้นค่อนข้างทรงตัว อย่างไรก็ตาม ดังที่เราจะอธิบายเพิ่มเติมด้านล่าง การลงทุนในมาเลเซียและอินโดนีเซียส่วนใหญ่มุ่งไปที่การผลิตสินค้าที่เวียดนามไม่ได้ผลิต รวมถึงแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV)
สุดท้ายแล้ว...
หัวกระไดไม่แห้ง
บลิงเคนไป-เยลเลนมา
Janet Yellen รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กำลังเยือนเวียดนามเป็นเวลา 3 วัน เพื่อพบกันนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ผู้ว่าการธนาคารกลาง ประธานสภาแห่งชาติ
“เวียดนามเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกับสหรัฐ การค้าของเราพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้ว และสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม
ฝ่ายบริหารเราต้องการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงกับเวียดนามให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เราสนับสนุนจากการลงทุนในเวียดนามในอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงชิปคอมพิวเตอร์และพลังงานหมุนเวียน “
เยลเลนยังได้พบกับเหงียน ถิ ฮง ผู้ว่าการธนาคารกลางเวียดนาม
" สหรัฐฯ สนับสนุนการเติบโตของเวียดนาม และขอบคุณธนาคารกลางเวียดนามที่จัดการกับข้อกังวลของ สหรัฐฯ เกี่ยวกับ สกุลเงินด่อง หรัฐฯ จะยังคงสนับสนุนการเติบโตของเวียดนาม และสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทั้งชาวเวียดนามและชาวอเมริกันสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทั้งชาวเวียดนามและชาวอเมริกัน"
3 เดือนก่อน แอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐก็ได้เยือนเวียดนาม และให้คำมั่นว่าจะยกระดับความสัมพันธ์
เวียดนามได้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเพื่อการส่งออกที่สำคัญอย่างรวดเร็วสำหรับผู้ผลิตระดับโลก บริษัทต่างๆ ได้ขยายการลงทุนนอกประเทศจีนเพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางการเมือง
แม้ระบบการปกครองเวียดนามจะเป็นสังคมนิยมแบบจีน แต่ก็เปิดรับแนวคิด-วิธีการแบบทุนนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้น่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจเวียดนามในระยะยาว
งานรวมพลคนลงทุนหุ้นเวียดนาม 27 ส.ค. นี้
ดูรายละเอียดและสมัครได้ที่ https://www.vietnamvi.com/2023/07/03/vvi2023/
https://www.vietnamvi.com/2023/07/03/vvi2023/
กําไรของธุรกิจค้าปลีกอาจแตะจุดต่ำสุดตั้งแต่ครึ่งแรกของปีนี้
1H2023 VN-Index เพิ่มขึ้น 11.2% ในขณะที่หุ้นค้าปลีกลดลง 1.3%
SSI Research มองว่าราคาหุ้นไม่ค่อยขึ้นจากผลกําไรที่ลดลงของกลุ่มค้าปลีก
ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2022 กําไรของธุรกิจค้าปลีกลดลงอย่างมากจากปัญหามากมายในระบบเศรษฐกิจ
การส่งออกที่ซบเซาทําให้ธุรกิจต้องเลิกจ้างแรงงานอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นผู้บริโภคลดการใช้จ่ายที่ไม่จําเป็น
"เราคาดว่ากําไรของอุตสาหกรรมค้าปลีกจะเป็นบวกตั้งแต่ไตรมาสที่สี่ของปี 2023 ถึง 2024
การฟื้นตัวมีแนวโน้มที่จะได้รับแรงหนุนจากสินเชื่ออุปโภคบริโภค เศรษฐกิจมหภาคขยายตัว ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทที่เพิ่มขึ้น การเงินที่แข็งแกร่งและอัตรากําไรที่ดีขึ้นเนื่องจากสินค้าคงเหลือที่ลดลง"
ในช่วงหกเดือนแรกของปียอดขายและรายได้ของภาคค้าปลีกเพิ่มขึ้นในอัตราที่ตํ่ากว่าปีที่แล้ว สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ากําลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ดีขึ้นมากนัก แต่คิดว่าจะฟื้นตัวเด้งกลับในช่วงครึ่งปีหลัง"
SSI เชื่อว่าโอกาสระยะยาวของค้าปลีกขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนเป็นการค้าสมัยใหม่ และแผนการระดมทุน
ModernTrade สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ปัจจุบันอยู่ในระดับสูงคิดเป็นประมาณ 70-75% ของตลาดทั้งหมด
แต่ประเภทห้างสรรพสินค้าและร้านขายยายังคงมีสัดส่วนเล็กมาก
SSI Research กล่าวว่า บริษัทต่างๆ สามารถหาเงินทุนจากภายนอกในการขยายสาขาได้
เครือข่ายร้านขายยา Long Châu ของ FPT Digital Retail JSC (FRT) มีกําไรแล้ว และอาจต้องระดมทุนเร็วๆนี้เพื่อขยายเครือข่ายร้านค้าเป็น 3,000 ร้านค้า
Mobile World (MWG) จะระดมทุนเพื่อขยายสาขา Bách Hóa Xanh (ร้านสะดวกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค) เมื่อใกล้จุดคุ้มทุน
นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2023
ลดแรงกดดันดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน ในขณะเดียวกันการฟื้นตัวของการส่งออก (คาดว่าในไตรมาสที่สี่) จะช่วยกระตุ้นการบริโภคในช่วงปลายปี
VN Direct "การลดภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 10 เป็น 8 เปอร์เซ็นต์สําหรับสินค้าจําเป็นหลายอย่าง เช่น...