จากข้อมูลของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ International Air Transport Association (IATA) ตลาดการบินในเวียดนามจะเติบโตเร็วเป็นอันดับที่ 5 ของโลก และ จะรองรับผู้โดยสารกว่า 150 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2035
ใน 5 ปีที่ผ่านมา Airports Corporation of Vietnam (ACV) ผู้บริหารสนามบินรายใหญ่ของเวียดนาม ได้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านอากาศยานแล้วกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อรองรับจำนวนเที่ยวบินผู้โดยสารและเที่ยวบินขนส่งสินค้า ที่มากขึ้น และ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนเพิ่มอีกกว่า 5.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2025
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งเวียดนาม หรือ Civil Aviation Authority of Vietnam (CAAV) คาดการณ์ อัตราการเติบโต เที่ยวบินผู้โดยสารที่ 7.5-8.5% ต่อปี ในขณะที่ เที่ยวบินขนส่งสินค้า ที่ 8.4-9.7% ต่อปี
ปัจจุบัน เวียดนามมี สนามบิน 22 แห่ง แบ่งเป็น:สนามบินภายในประเทศ 12 แห่งสนามบินระหว่างประเทศ 10 แห่ง
โดยสนามบินหลัก ๆ...
ผู้บริหารสนามบินสุดแข็งแกร่งแห่งเวียดนาม
แบบรู้ครบ จบในภาพเดียว
AIRPORTS CORPORATION OF VIETNAM หรือ ACV ทำธุรกิจบริหารจัดการ ท่าอากาศยานในเวียดนาม 22 แห่ง แบ่งเป็น - ท่าอากาศยานระหว่างประเทศ 7 แห่ง - ท่าอากาศยานภายในประเทศ 15 แห่ง
3 สนามบินที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม อันได้แก่ - Tan Son Nhat Int'l Airport (Ho Chi Minh City) - Noi Bai Int'l Airport (Hanoi) - Danang Int'l Airport (Danang) ล้วนแล้วอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ ACV
> ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้พัฒนา Long Thanh Int'l Airport สนามบินที่จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 100 ล้านคน และ จะเป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ที่มหานครโฮจิมินห์
สัดส่วนรายได้...
โลกในมุมมองของ Value Investor 5 มีนาคม 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ถึงวันนี้สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนก็เข้าวันที่ 10 แล้ว ข่าวใน “สนามรบ” ที่ออกมาดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยชัดเจน เรารู้ว่ารัสเซียบุกเข้าไปในยูเครนหลายทิศทาง บางเขตโดยเฉพาะทางใต้ก็สามารถยึดพื้นที่และเมืองสำคัญเช่นเมืองท่าได้แล้ว เขตอื่น ๆ รวมถึงเมืองใหญ่อันดับสองและเมืองหลวงก็ดูเหมือนว่าจะสามารถรุกรบเข้าประชิดห่างจากเขตเมืองเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตร เป็นไปได้ว่าอีกไม่นานก็อาจจะยึดเมืองสำเร็จ ชัยชนะ “ในยูเครน” ของรัสเซียนั้น “อยู่แค่เอื้อม” เมื่อคิดถึงว่ารัสเซียนั้นเป็นมหาอำนาจและมีขนาดใหญ่กว่ายูเครนมาก ถ้าเปรียบแล้วก็เหมือนกับ “หมาป่าที่ต่อสู้กับลูกแกะ” ยังไงก็ชนะไม่ช้าก็เร็ว แต่ทั้งหมดนี้ จริงหรือ?
ในฐานะที่ชอบศึกษาติดตามเรื่องของสงครามระหว่างมนุษยชาติโดยเฉพาะในกรณีของสงครามโลกครั้งที่ 2 และติดตามการเปลี่ยนแปลงสังคมและการเมืองของโลกโดยเฉพาะในช่วงหลายสิบปีมานี้ ผมเองมีมุมมองต่อสงครามรัสเซีย-ยูเครนต่างจากคนส่วนใหญ่อย่างสิ้นเชิง ประการแรกก็คือ สงครามนี้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วภายในเวลาชั่วข้ามคืนและถึงวันนี้มันได้กลายเป็นสงครามระหว่างรัสเซียกับ NATO ไปแล้ว เหตุผลที่เป็นอย่างนั้นผมคิดว่ากลุ่มนาโต้มองว่าปูตินรัสเซียกำลังก้าวร้าวและต้องการนำรัสเซียกลับไปสู่ความยิ่งใหญ่แบบอดีตโซเวียต คล้าย ๆ กับกรณีที่ฮิตเลอร์เยอรมันก่อสงครามในช่วงก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งตอนนั้นฝ่ายสัมพันธมิตรไม่กล้าขัดขวางหรือทำอะไรเพราะ “กลัวเกิดสงครามใหญ่” ดังนั้น ในรอบนี้ พันธมิตรซึ่งก็คือนาโต้ก็มี “บทเรียน” แล้วว่าถ้ายังนิ่งเฉยก็จะนำไปสู่สงครามใหญ่หรือสงครามโลกอีก จึงต้องขัดขวางและต่อสู้เพื่อที่จะ “ตัดไฟแต่ต้นลม”
ประการที่สองที่ผมน่าจะเห็นต่างก็คือ ผมคิดว่าเวลาที่ผ่านมาแค่ 10 วันนั้นดูเหมือนว่ารัสเซียไม่ได้ชนะหรือได้เปรียบอะไรเลยในสงคราม ผมเองคิดว่ารัสเซียกำลังเสียเปรียบและอยู่ในภาวะที่จะยากลำบากมาก ในที่สุดแล้วก็จะพ่ายแพ้แบบ “หายนะ” แบบเดียวกับที่เยอรมันประสบในสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากที่อเมริกาประกาศเข้าสงครามร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร...
Dragon Capital เชื่อว่า ผลกระทบโดยตรงจาก สงครามรัสเซีย-ยูเครน ต่อเวียดนามนั้นมีไม่มาก แต่ในทางอ้อมอาจได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานที่สูงขึ้น
กลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ เหล็ก อลูมิเนียม ปุ๋ย เคมีภัณฑ์ เนื่องจากรัสเซียคือผู้ส่งออกรายใหญ่ของสินค้าดังกล่าว ส่วนกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ สิ่งทอ และ อาหารทะเลส่งออก เนื่องจาก รัสเซียและยูเครนมีการนำเข้าสินค้าดังกล่าวเพื่อบริโภคภายในประเทศ
ปัจจุบัน การค้าขายกับรัสเซียและยูเครน คิดเป็นเพียง 1% และ 0.1% ของมูลค่าการค้าขายทั้งหมดของเวียดนามเท่านั้นเวียดนาม นำเข้า ปุ๋ย เหล็ก ถ่านหิน และ สินค้าเกษตร จากสองประเทศนี้ และ ส่งออก โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ และ สิ่งทอ ไปยังสองประเทศนี้
รัสเซียและยูเครน คือผู้ผลิตและส่งออกหลักของแร่สำคัญ เช่น nickel, neon, krypton, aluminum และ palladium ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ ฉะนั้น ความขัดแย้งและการคว่ำบาตร อาจส่งผลกระทบต่อ ห่วงโซ่อุปทานของสินค้าที่เกี่ยวข้อง
ในแง่ของเงินเฟ้อนั้น Dragon Capital มองว่า ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น แม้จะส่งผลทำให้เกิดเงินเฟ้อมากขึ้นในเวียดนาม เนื่องจาก สินค้าพลังงานคิดเป็น...
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หุ้นเวียดนามได้รับความสนใจอย่างมากจากสถาบันต่างชาติ จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ เสถียรภาพของรัฐบาล และ ความคาดหวังของการยกระดับจาก ตลาด Frontier เป็น ตลาด Emerging Market
ล่าสุดเมื่อ วันที่ 7 ธันวาคม 2564 Global X บริษัทจัดการกองทุนในเครือ Mirae Asset ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การดูแลกว่า 6.44 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ได้จัดตั้งกอง ETF เพื่อเข้าลงทุนในหุ้นเวียดนาม กว่า 50 ตัว
โดยเป็น ETF อ้างอิงดัชนี MSCI Vietnam IMI Select 25/50ชื่อเต็ม The Global X MSCI Vietnam ETF ตัวย่อ VNAM เข้าเทรดในกระดาน NYSE
ณ วันที่ก่อตั้ง กอง ETF นี้มีขนาดเพียง 1 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 25/2/22) ได้เพิ่มขึ้นเป็น 8.7 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดย...
ข่าวพาดหัว
VinaCapital เตือนเงินเฟ้อกระทบต้นทุนธุรกิจ พร้อมเผยหุ้นน่าลงทุน-หลีกเลี่ยง
Admin - NAN - 0
VinaCapital บริษัทจัดการกองทุนชื่อดัง ได้ส่งจดหมายเตือนนักลงทุนถึงความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น จากสงคราม รัสเซีย-ยูเครน ต่อตลาดหุ้นเวียดนาม
โดย คุณ Nguyen Hoai Thu (กรรมการผู้จัดการฝ่ายการลงทุนหลักทรัพย์และตราสารหนี้ ของ VinaCapital) ได้กล่าวว่า ความเสี่ยงที่ชัดเจนที่สุดที่จะส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนคือ ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
-ในด้านอุปทาน การคว่ำบาตร และ การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน อาจนำไปสู่การขาดแคลนของสินค้าพื้นฐาน และ สินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ จำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนของหลายธุรกิจ
-ในด้านอุปสงค์ เงินเฟ้อ อาจชะลอการบริโภค การลงทุน และ การเบิกจ่ายของภาครัฐ
บริษัทที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง คือบริษัทที่มีต้นทุนผูกโยงกับราคาสินค้าพื้นฐานจำนวนมาก แต่ไม่สามารถเพิ่มราคาขายได้ ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่น สายการบิน ที่ไม่เพียงแต่จะโดนผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ทะยานสูงขึ้น แต่ยังโดนกระทบจากการปิดเส้นทางและน่านฟ้าของหลาย ๆ เมือง ทำให้ธุรกิจยังไม่สามารถกลับมาดำเนินการตามปกติได้
แม้สถานการณ์มหภาคจะยังมีความไม่แน่นอนสูง แต่คุณ Thu เชื่อมั่นว่า สินทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนของ VinaCapital นั้น จะไม่โดนผลกระทบรุนแรงจากความเสี่ยงต่าง ๆ เพราะ VinaCapital เลือกลงทุนในธุรกิจที่สามารถรักษาอัตรากำไรได้เป็นอย่างดี แม้จะมีการปรับขึ้นราคาของวัตถุดิบและต้นทุนอื่น ๆ
อีกทั้ง VinaCapital ยังมุ่งเน้นลงทุน ไปใน อุตสาหกรรม และ กลุ่มบริษัทที่มี...
>>> STOCK UPDATE – DGW <<<
~ อัพเดทข่าวหุ้น DIGIWORLD ~
DGW ตั้งเป้า รายได้ ปี 2022 ที่ 26,300 พันล้านดอง (+25% YoY)กำไร 800 พันล้านดอง (+22% YoY) และ คาดหวังการเติบโตสองหลักจากทุกหมวดสินค้า
ผู้บริหารเผย คงปันผลเงินสดที่ 1000 ดองต่อหุ้น (yield 0.9%) และ มีแผนปันผลเพิ่มเติมเป็นหุ้นในอัตรา 2:1 ด้วย
คาดรายได้จากสินค้า Xiaomi จะโต 11% แม้จะสูญเสียสิทธิ์การผูกขาดการจัดจำหน่ายในเวียดนาม หลัง Xiaomi ลงนามสัญญากับ Synnex FPT เพื่อกระจายสินค้าเพิ่มเติม
Apple ยังชูโรง พร้อมเสริมทัพด้วย Microsoft และ Whirlpool และ เล็งการควบรวมกิจการเพื่อโตต่อในปีนี้
Credit: cafef.vn (1/3/22)
----------------------------------
เรียนออนไลน์ สัมมนา สามารถดูรายละเอียดและสมัครได้ที่: https://www.vietnamvi.com/onlinecourse/
ติดตามข่าวสารจาก VietnamVIWebsite: https://www.vietnamvi.com
Line: @vietnamviYouTube: https://youtube.com/c/Vietnamvi
ห้องคุยหุ้นเวียดนาม: https://www.facebook.com/groups/473890360486727
#VietnamVI #VietnamValueInvestor #StockUpdate #VietnamStock #DGW #Digiworld
โลกในมุมมองของ Value Investor 26 กุมภาพันธ์ 65
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้นทำให้ผมหวนระลึกถึงเหตุการณ์ที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สองที่เริ่มขึ้นในยุโรปในปี 1939 หรือประมาณ 83 ปีมาแล้ว เพราะมันมีอะไรคล้ายกันอย่างบอกไม่ถูก เพียงแต่ว่าคู่กรณี ทั้งเรื่องของประเทศและตัวผู้นำที่ก่อสงครามนั้นมีการสลับสับเปลี่ยนไป ผมจะเล่าเรื่องของสงครามโลกครั้งที่สองก่อน
เริ่มตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งจบลงในปี 1919 และมีการเซ็นสัญญาแวร์ซายซึ่งบีบบังคับเยอรมันในฐานะผู้แพ้สงครามมาก ซึ่งทำให้คนเยอรมัน “เจ็บแค้นมาก” เฉพาะอย่างยิ่งฮิตเลอร์ซึ่งเคยเป็นทหารผ่านศึกและต่อมานำพรรคนาซี “ชนะเลือกตั้ง” และได้เป็นนายกรัฐมนตรีในปี 1933 และเมื่อได้อำนาจมาแล้ว เขาก็เริ่มใช้อำนาจ “เผด็จการ” ยุบพรรคการเมืองอื่นทั้งหมดและประกาศถอนตัวจากสันนิบาตชาติซึ่งคล้าย ๆ กับสหประชาชาติในวันนี้ ความคิดของฮิตเลอร์ก็คือ เขาจะนำเยอรมันกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิมและเป็น “อาณาจักรไร้ช์ที่ 3” ที่จะยิ่งใหญ่ “ชั่วฟ้าดินสลาย” และการพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งแรกนั้นเป็นเพราะมีคนที่ทรยศ “แทงข้างหลัง” โดยเฉพาะคนยิวซึ่งจะต้องถูกกำจัด
ถึงปี 1934 ประธานาธิบดีฮินเดนเบิร์กเสียชีวิต ฮิตเลอร์ก็ยุบตำแหน่งประธานาธิบดีรวมกับนายกและแต่งตั้งตัวเองเป็นฟูเรอร์หรือ “ผู้นำสูงสุด” พอถึงปี 1935 ก็ฉีกสนธิสัญญาแวร์ซายทิ้งและเริ่มเกณฑ์ทหารและขยายกองทัพขนานใหญ่ ทั้งหมดนี้ประเทศผู้ชนะสงครามเช่นอังกฤษและฝรั่งเศสต่างก็ไม่กล้าทำอะไรเพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดสงครามกับเยอรมันอีก พวกเขาต่างก็ไม่พร้อมและไม่อยากจะต้องเจอกับสงครามอีกครั้ง เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ประเทศมีการปกครองแบบประชาธิปไตยที่จะต้องฟังเสียงประชาชนที่ต่างก็ไม่เห็นด้วยที่จะทำสงครามโดยที่ไม่มีเหตุผลเกี่ยวข้องโดยตรงกับประเทศของตนเอง นอกจากนั้น ก็มักจะไม่มีงบประมาณทางทหารมากพอ ไม่ต้องพูดถึงกำลังทหารที่มีจำกัดเนื่องจากไม่สามารถที่จะเกณฑ์ทหารได้ในยามที่ประเทศไม่ได้อยู่ในภาวะสงคราม
ถึงปี 1938 เมื่อทุกอย่างดูเหมือนว่าจะพร้อมแล้ว ฮิตเลอร์ ...
ราชาสินค้าอุปโภค-บริโภคยักษ์ใหญ่แห่งเวียดนาม
แบบรู้ครบ จบในภาพเดียว
MASAN GROUP #MSN ก่อตั้งปี 1990
> เริ่มต้นธุรกิจจากการขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้กับชาวเวียดนามในรัสเซีย และ ต่อยอดไปยัง ซอสถั่วเหลือง ซอสพริก และ น้ำปลา
> ปัจจุบัน MASAN Group ประกอบธุรกิจแบ่งเป็น: -CrownX - แพลตฟอร์มค้าปลีกใหญ่สุดของเวียดนาม ประกอบด้วย Masan Consumer (MCH) ผู้ผลิตอาหารแปรรูปและเครื่องดื่ม และ WinCommerce ร้านค้าปลีก Supermarket-Masan MEATLife (MML) - ธุรกิจเกี่ยวกับเนื้อสัตว์ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ-Masan High-Tech Materials - ธุรกิจเกี่ยวกับธาตุโลหะ และ แร่ต่างๆ
> MASAN มีจุดขาย อาหาร/เครื่องดื่มกว่า 350,000 จุดทั่วประเทศ
> ล่าสุด จับมือกับ Alibaba จัดตั้งเพื่อขยายตลาดช้อปปิ้งออนไลน์ในเวียดนามผ่าน Lazada ภายใต้กลยุทธ์ O2O (Online to Offiline)
> นอกจากธุรกิจอุปโภคบริโภค MASAN ยังถือหุ้นใน ธนาคารเอกชนชั้นนำของเวียดนามอย่าง Techcombank ด้วย
สัดส่วนรายได้...
ธนาคารรัฐยักษ์ใหญ่ ผู้มีสาขามากที่สุดในเวียดนาม
แบบรู้ครบ จบในภาพเดียว
CTG: VIETIN BANKก่อตั้งปี 1988
> ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และการให้สินเชื่อเพื่อการนำเข้าและส่งออก> ปัจจุบัน บริการหลักได้แก่ การรับฝากเงิน สินเชื่อธุรกิจสินเชื่อบุคคล บัตรเครดิต บริการชำระเงิน และ ประกันภัย> ล่าสุด จับมือกับ MANULIFE(ผู้ให้บริการประกัน อันดับ 3 ของเวียดนาม) เพื่อขายกรมธรรม์ประกันชีวิต และประกันภัย ผ่านสาขาของธนาคาร
สัดส่วนสินเชื่อ แบ่งตามประเภทลูกค้า Corporate 38% Retail 34% SME 23% FDI 5%
ผลประกอบการ รายได้รวม ปี 2020 = 35,581 พันล้านดอง (51,240 ล้านบาท) ปี 2021 = 141,788 พันล้านดอง (204,180 ล้านบาท) เติบโต +17.4% YoY
กำไร ปี 2020 = 13,694 พันล้านดอง (19,720 ล้านบาท)...