หมวดอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีVINFAST - ผลิตและจำหน่ายยานยนต์ เช่น รถโดยสารและจักรยานยนต์VinES (Vin Energy Solution) - ผลิตและจำหน่าย แบตเตอรี่ไฟฟ้า.หมวดอสังหาริมทรัพย์และการบริการVinHomes - พัฒนาโครงการที่พักอาศัยVincomRetail - พัฒนาศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์VinPearl - พัฒนาโรงแรม รีสอร์ท และสถานที่พักผ่อนเพื่อความบันเทิง.หมวดธุรกิจเพื่อสังคมVinMec - ธุรกิจ Healthcare ซึ่งให้บริการโรงพยาบาลและคลินิกVinSchool - ธุรกิจการศึกษา ที่มีโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนประถม และ โรงเรียมมัธยมVinUniversity - มหาวิทยาลัยVinBus - ให้บริการขนส่งสาธารณะVinBiocare - ธุรกิจยาและวิทยาศาสตร์ชีวภาพ.ขอบคุณข้อมูลจาก VinGroup Official Website.—
.
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
สนใจเรียนออนไลน์และชม LIVE สดลงทุนหุ้นเวียดนาม อเมริกา จีน คลิก http://class.vietnamvi.com
โลกในมุมมองของ Value Investor 3 กันยายน 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
“สงครามเย็น” ระหว่างมหาอำนาจเกิดขึ้นแทบจะทันทีหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1945 มันเป็น “การต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่” ระหว่างโซเวียตรัสเซียกับสหรัฐอเมริกา โดยที่ฝ่ายรัสเซียนั้นมีอุดมการณ์ทางการเมืองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ที่เน้นการควบคุมโดยรัฐ และอเมริกามีอุดมการณ์ทางด้านทุนนิยมและกลไกของตลาดเสรีทางด้านเศรษฐกิจ การต่อสู้หรือสงครามเย็นนั้น สหรัฐและรัสเซียไม่ได้รบหรือทำสงครามกันโดยตรง เพราะถ้าทำแบบนั้นก็อาจจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ที่สามารถทำลายโลกได้ ในช่วงสงครามเย็นจะเป็นการรบโดยใช้ “ตัวแทน” ซึ่งก็จะเป็น “ประเทศในเครือข่าย” ที่เป็นพวกพ้องของตนเข้าไปรบแทน โดยที่อเมริกาหรือโซเวียตรัสเซียก็จะส่งอาวุธสนับสนุนฝ่ายของตน ในหลาย ๆ ครั้งก็อาจจะเข้าไปรบเองด้วยถ้าเห็นว่าฝ่ายของตนกำลังจะพ่ายแพ้
ในยุคสงครามเย็นยังพบว่ามี “การแข่งขัน” ระหว่างมหาอำนาจในแทบทุกด้านตั้งแต่ด้านอุดมการณ์ทางการเมืองที่พยายามเผยแพร่ว่าของตนเองดีกว่า แข่งขันทางด้านเทคโนโลยีว่าใครจะก้าวหน้ากว่ากัน และทางเศรษฐกิจว่าใครโตเร็วและใหญ่กว่ากัน ทั้งหมดนั้นเป้าหมายที่สำคัญมากส่วนหนึ่งก็คือ ต้องการหาพวกให้มากที่สุด เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้ว่า การมีพวกมากนั้นได้เปรียบและจะเป็นฝ่าย “ชนะ” ในที่สุด เพราะสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น เป็นบทเรียนให้รู้ว่า คนที่มีพันธมิตรมากนั้น ยังไงก็ชนะเพราะมีทรัพยากรในการต่อสู้ได้ไม่จำกัด
สงครามเย็น-ครั้งนั้น จบลงในปี 1991 พร้อมกับการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ชัยชนะของสหรัฐทำให้อเมริกากลายเป็นอภิมหาอำนาจเพียงรายเดียวและไม่มีประเทศไหนจะท้าทายได้ และโลกก็เปลี่ยนไปเป็นยุคของ “Globalization” คือเน้นไปที่การค้าขายและการพัฒนาทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีโดยเฉพาะที่ไม่เกี่ยวกับการสงครามอย่างที่เคยเป็น โดยที่จีนซึ่งเคยเป็น “เครือข่ายของฝ่ายโซเวียต” เพราะมีระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ ...
โลกในมุมมองของ Value Investor 27 สิงหาคม 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การยกเลิกข้อตกลงซื้อหุ้นบิทคับออนไลน์จำนวน 51% มูลค่า 17,850 บาทของกลุ่ม SCB เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2565 หลังจากที่มีการลงนามใน MOU หรือ “ความตั้งใจ” ที่จะซื้อ-ขายหุ้นในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 หรือเมื่อประมาณ 10 เดือนมาแล้ว เป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจและเป็นบทเรียนสำหรับนักธุรกิจและนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นหรือสินทรัพย์ใหม่ ๆ อย่างดิจิทัลที่เพิ่งเกิดขึ้นในโลกของการลงทุนหรือการเก็งกำไรไม่น้อย
ข้อแรกก็คือ เมื่อมีการประกาศดีลเทคโอเวอร์ในราคาที่กำหนดนั้น อย่าเชื่อมั่น 100% ว่าดีลนั้นจะต้องเกิดขึ้นตามที่ประกาศไม่ว่าคนซื้อหรือขายจะเป็นใคร เพราะการประกาศนั้น มักจะมี “เงื่อนไขสำคัญ” ว่าจะต้องมีการทำ “Due Diligence” หรือ “ตรวจสอบกิจการ” เป็นที่พอใจก่อน ซึ่งกระบวนการนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร อย่างไรก็ตาม โดยทั่วถ้าไม่มีอะไรที่ทำให้ธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปจากที่เห็นจากภายนอก ดีลก็มักจะสรุปได้ตามที่ประกาศใน MOU ซึ่งเป็นสัญญาที่ “หลวม” และเลิกได้ และส่วนใหญ่ก็มีกำหนดระยะเวลาของสัญญาไว้ด้วย ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ในเวลากำหนดก็สามารถล้มดีลได้โดยอัตโนมัติ
ดังนั้น สำหรับนักลงทุนแล้ว เวลามีการประกาศดีลเทคโอเวอร์ที่มีราคาหุ้นหรือทรัพย์สินสูงกว่าราคาตลาดมาก ราคาหุ้นในตลาดก็จะวิ่งขึ้นไปหาราคาที่มีการประกาศ แต่ก็มักจะต่ำกว่าประมาณ...
ตามรายงานของ Reuters บริษัท Mobile World Investment Joint Stock Company (MWG) กล่าวเมื่อวันพุธว่า บริษัทได้ว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อพิจารณาข้อตกลงในการขายหุ้น 20% ในเครือข่ายร้านขายของชำ Bach Hoa Xanh ตามแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับบริษัท การประเมินมูลค่าของธุรกิจจะมากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ “ข้อตกลงนี้คาดว่าจะเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2023” แต่ตัวแทนกล่าว ไม่เปิดเผยราคา เกี่ยวกับการประเมินมูลค่าด้วยเหตุผลของการรักษาความลับในไตรมาสที่ 2 กำไรสุทธิของ MWG ลดลง 6.8% เมื่อเทียบเป็นรายปีสู่ระดับ 1,130 พันล้านดอง (48.15 ล้านดอลลาร์) ในขณะที่รายรับเพิ่มขึ้น 8.5% ในตลาดหุ้น หุ้น MWG เพิ่มขึ้น 28% ในปีที่ผ่านมา
อีก 1 ชม. พบกันในกลุ่ม VVI Membership นะคะ
🇻🇳 Live: เจาะ 6 หุ้นเวียดนาม!กับพี่ณัฐ และเพื่อนนักลงทุน
อาทิตย์นี้ 28 ส.ค. นี้ 19.30 น. เป็นต้นไป
พบ Live สด
MCH (หุ้นอาหาร) โดยคุณกอล์ฟ + P’ณัฐPOW (หุ้นพลังงานไฟฟ้า) คุณกอล์ฟ + P’ณัฐPNJ (หุ้นค้าปลีกเครื่องประดับ) คุณ Eddie + P’ณัฐDHA (หุ้นขุด-ขายหิน)คุณ Eddie + P’ณัฐหุ้น FRT (หุ้นค้าปลีกอุปกรณ์ไอที+ยา) P’Jekky + P’ณัฐหุ้น MWG (หุ้นค้าปลีกไอที มือถือ อาหาร) P’Jekky + P’ณัฐ
VVI Membership Live ปรับโฉม!เพิ่มการมีส่วนร่วมกัน แลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างนักลงทุนมากขึ้น✌️ Go Far & Fun , Go...
โลกในมุมมองของ Value Investor 20 สิงหาคม 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
คนที่ลงทุนแบบ VI มายาวนานและลงทุนแบบ Focus หรือเน้นถือหุ้นหลัก ๆ ไม่เกิน 10 ตัวหรือไม่ก็ไม่เกิน 20 ตัวในกรณีที่พอร์ตใหญ่มาก ในที่สุดแล้วก็มักจะมีสไตล์เฉพาะที่จะถือหุ้นบางแบบมากเป็นพิเศษ เช่น หุ้นซุปเปอร์สต็อก หุ้นแนวเติบโตเร็ว หุ้นตัวเล็กหรือ หุ้นปันผล เป็นต้น ส่วนตัวผมเองนั้น มาถึงวันนี้ ผมคิดว่าตนเองเน้นอยู่ 2 แบบ นั่นก็คือ หุ้นซุปเปอร์สต็อกและหุ้น “Deep Value” หรือหุ้นที่ “ถูกมาก” โดยที่หุ้นซุปเปอร์สต็อกนั้น เป็นหุ้นกลุ่มแรก ๆ ที่ผมถือย้อนหลังไปเกือบ 20 ปีแล้วในช่วงที่เศรษฐกิจไทยโตเร็วมากและมีธุรกิจ “สมัยใหม่” จำนวนมากเกิดขึ้นมาแทนธุรกิจแบบดั้งเดิม และบริษัทหลาย ๆ แห่งเติบโตขึ้นมากกลายเป็น “ซุปเปอร์สต็อก” อย่างไรก็ตาม ย้อนหลังไปประมาณน่าจะเกือบ 10 ปี แล้ว ประเทศไทยเริ่มโตช้าลงมาก หุ้นซุปเปอร์สต็อกใหม่ ๆ แทบไม่มี การลงทุนของผมก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นการซื้อหุ้นที่เรียกว่า ...
โปรแกรมไลฟ์ ส.ค. นี้
พุธ 17 ส.ค.2 ทุ่มตรง! : เจาะหุ้น และ MidCap ETF( กองทุน ETF น้องใหม่ในเวียดนาม )
พร้อมต้อนรับสมาชิกใหม่-เก่าต่ออายุ เปิดตัวแนะนำการใช้ VVI Membership ระบบเว็บไซต์ Class.vietnamvi.com
==========
อาทิตย์ 21 ส.ค.2 ทุ่มตรง!: Update ผลประกอบการ หุ้นเวียดนาม ครึ่งปีแรก (ใครปัง ใครแป๊ก)
==========
อาทิตย์ 28 ส.ค.2 ทุ่มตรง!: คุยหุ้นเวียดนามรายตัวกับพี่ณัฐ(คุณณัฐกิติ์ สุนทรบุระ นลท.วีไอมือเก่าในตลาดหุ้นไทยและเวียดนาม)Discuss ระหว่าง นลท. มือใหม่-มือเก่า
==========
ดูสดและย้อนหลังได้ ในกลุ่ม VVI MEMBERSHIP เท่านั้น
🇻🇳 สนใจสมัครคอร์ส / สัมมนา / VVI Membershipคลิ๊กดูรายละเอียดและสมัครได้ที่ https://class.vietnamvi.com/
โลกในมุมมองของ Value Investor 13 สิงหาคม 2565
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ประเทศไทยเคยเป็น “ดาวรุ่ง” ของโลกโดยเฉพาะในช่วง “สงครามเย็น” ที่เริ่มตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงในปี 1945 ถึงปี 1991 เป็นเวลา 46 ปี และต่อจากนั้นอีกประมาณ 16 ปี จนถึงปี 2007 ก่อนที่จะเกิดวิกฤติซับไพร์มในอเมริกาในปี 2008
การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นและการมี “บทบาทในเวทีโลก” ในช่วงแรกนั้นส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือการที่มหาอำนาจคืออเมริกาต้องต่อสู้ป้องกันการเผยแพร่ของลัทธิคอมมิวนิสต์ที่นำโดยรัสเซียและจีน โดยที่ไทยเป็นประเทศ “หน้าด่าน” ที่สำคัญในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ที่อเมริกาต้องการชักชวนให้เข้าเป็นพวกซึ่งในกระบวนการนั้น ได้ช่วยให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจแก่ประเทศไทยโดยเฉพาะในด้านของสาธารณูปโภคและการใช้จ่ายทางด้านการทหารจำนวนมากของสหรัฐเพื่อต่อสู้กับฝ่ายคอมมิวนิสต์ที่กำลังมีอิทธิพลครอบงำประเทศส่วนใหญ่ที่อยู่รอบไทย
หลังจบสงครามเย็นและเริ่มกระบวนการ “Globalization” หรือการที่โลกเน้นการค้าขายระหว่างประเทศ รวมถึงการลงทุนที่มีการเคลื่อนย้ายไปทั่วโลก นั่นทำให้ไทยซึ่งมีความพร้อมกว่าประเทศในย่านอาเซียน สามารถพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วโดยการเป็นศูนย์กลางการลงทุนด้านการผลิต โดยเฉพาะจากญี่ปุ่น และนั่นทำให้ไทยกลายเป็น “เสือเศรษฐกิจ” ประเทศหนึ่งของเอเซีย และแม้ว่าไทยจะประสบกับวิกฤติทางเศรษฐกิจในปี 2540 หรือปี 1997 เราก็ยังสามารถฟื้นขึ้นมาได้และเติบโตเร็วต่อมาอีก 10 ปี จนถึงปีวิกฤติ 2008 ที่เศรษฐกิจตกลงมาอย่างหนักและหลังจากนั้นประเทศก็ยังเกิดปัญหาต่อเนื่องมาตลอดรวมถึงปัญหาทางการเมือง การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เคยเติบโตสูงต่อเนื่องยาวนานดูเหมือนว่าจะ “ลดลงอย่างถาวร” จนถึงวันนี้เป็นเวลา 13-14...
โลกในมุมมองของ Value Investor 6 สิงหาคม 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
“คนรุ่นใหม่” ที่สนใจในเรื่องของ “การลงทุน” จำนวนไม่น้อยมักจะมี “ความฝัน” ว่า วันหนึ่งเขาจะประสบความสำเร็จ กลายเป็นคนที่มี “อิสรภาพทางการเงิน” และเป็น “นักลงทุนเต็มตัว” ที่หาเงินเลี้ยงชีพโดยไม่ต้องทำงานประจำ แต่ลงทุนหรือซื้อขายหลักทรัพย์หรือตราสารทางการเงินหรือทรัพย์สินดิจิทัลเป็นหลัก ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่เขา “ชอบ” และเป็น “อิสรภาพที่แท้จริง” ที่จะทำให้เขา “มีความสุข” เพราะไม่ต้องตรากตรำทำงานหนัก ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับคนอื่นที่ตนเองไม่ชอบ อยากทำอะไรหรือไปท่องเที่ยวที่ไหนก็ทำได้ ในขณะเดียวกันก็ “ไม่รู้สึกเบื่อ” ยังมีชีวิตที่น่าตื่นเต้นเร้าใจเมื่อตลาดหุ้นหรือสิ่งที่ลงทุนขึ้นลงหวือหวาตลอด
ผมเองน่าจะถือว่าผ่านจุดที่เป็นความฝันแบบนั้นมานานพอสมควรแล้ว แต่เป็นการมาถึงที่แทบจะไม่ได้ฝันเลย จะเรียกว่า “มาโดยบังเอิญ” ก็พูดไม่ได้เต็มปากเช่นกัน เพราะความฝันแบบนั้นเพิ่งจะเกิดขึ้นในหมู่ของคนรุ่นใหม่ไม่นานมานี้เอง เหตุผลก็เพราะว่า ตลาดหุ้นหรือตลาดการลงทุนต่าง ๆ นั้น เพิ่งจะบูมมาไม่นาน อาจจะแค่สิบกว่าปีมานี้เอง แม้แต่คำว่าอิสรภาพทางการเงินเองนั้นก็เป็นคำที่ใหม่มาก ผมเองก็ไม่เคยรู้จักจนกระทั่งตัวเอง “เกษียณ” จากงานประจำไปแล้ว แต่ในเมื่อคนรุ่นใหม่สนใจและอยากเดินทางไปสู่ความฝันนี้ ผมก็เลยอยากที่จะเล่าเรื่องราวชีวิตของผมแบบสั้นที่สุดว่าแต่ละช่วงเป็นอย่างไรเพื่อว่าจะเป็นบทเรียนสำหรับคนที่อยากเดินทางสายนี้
ผมเองเกิดมาในครอบครัวที่ยากจนมากแต่เนื่องจากเรียนดีใช้ได้และเป็นลูกคนสุดท้อง จึงมีโอกาสได้เรียนจนจบปริญญาตรีทางด้านวิศวกรรมในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ทำให้สามารถหางานทำที่มีเงินเดือนค่อนข้างดีในยุคเกือบ 50 ปีมาแล้วตอนอายุ 22 ปี มองย้อนหลังกลับไป ผมเกิดมาก็มีคุณสมบัติเป็น “VI...
โลกในมุมมองของ Value Investor 30 กรกฎาคม 2565
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การลงทุนนั้น ผมคิดว่าสำหรับคนที่เริ่มลงทุนใหม่ ๆ หรือลงทุนมาไม่นานในตลาดหลักทรัพย์ใดก็ตาม เรามักจะเริ่มโดยใช้กลยุทธ์หรือวิธีการที่อาจจะไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมกับสถานการณ์หรือภาวะการณ์ของตลาดนั้นแม้ว่าเราอาจจะใช้หลักการใหญ่ ๆ ที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่ดีจะต้องคอยตรวจสอบหรือประเมินว่า อะไรคือสิ่งที่ควรจะปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุงเพื่อให้การลงทุนได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในระยะยาว และนั่นก็มักจะนำไปสู่การ “ปรับพอร์ต” ขนานใหญ่เมื่อเวลาผ่านไป การปรับพอร์ตเองก็มักจะใช้เวลาเนื่องจากว่า กว่าจะรู้ว่าพอร์ตแบบใหม่นั้นให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าก็จะต้องใช้เวลา ส่วนใหญ่ก็หลาย ๆ เดือนหรือเป็นปี ๆ จนเรามั่นใจว่า นั่นคือพอร์ตที่เราจะใช้ไปอีกนานหรือตลอดไป
การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงเริ่มแรกของผมราวปี 2538-39 ก็เริ่มจากการลงทุนแบบไม่ค่อยมีรูปแบบ เป็นแนว “เล่นหุ้น” ตามสถานการณ์ การใช้กลยุทธ์แบบ VI อย่างจริงจังนั้นน่าจะเริ่มในปี 2540 ที่เป็นวิกฤติต้มยำกุ้ง ซึ่งนอกจากจะเปลี่ยนแนวทางเป็นเรื่องของการ “ลงทุน” แล้ว ยังเป็นการลงทุน “เพื่อชีวิต” คือลงทุนแบบทุ่มเทเอาจริงเอาจังด้วยเงินทั้งหมดที่มีอยู่ ใช้หลักการแบบ “Value Investment” ที่มองหุ้นเหมือนกับ “ธุรกิจ” และลงทุนระยะยาวตลอดชีวิต ที่เน้นว่าจะขาดทุนหรือเสียหายหนักไม่ได้ เพราะมันเป็น “ชีวิตของเรา” และนั่นก็คือภาพใหญ่
เวลาต่อมา กลยุทธ์ลงทุนแบบ VI ที่ซื้อหรือลงทุนในหุ้นแทบทุกรูปแบบ คือไม่ได้สนใจว่าธุรกิจเป็นแบบไหน ...